สรุปเนื้อหาจากการอบรม
เนื้อหาสำคัญในการอบรมวิชาการ เรื่อง ก้าวใหม่ของพยาบาลในการให้การรักษาโรคเบื้องต้นด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ เมื่อวันที่7 – 10 มีนาคม 2554 ผู้เข้าร่วมอบรม นางอารตี คำสัตย์ น.ส. วรรณวิภาพร ชูก้าน น.ส น้ำอ้อย พ่วงกระสินธุ์ ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพ ชำนาญการ สถานที่ปฏิบัติงาน หอประชุมรำไพรรณี มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี
......................................................................................................................................................................
การอบรมฟื้นฟูวิชาการ เรื่อง หัวใจความเป็นมนุษย์กับการรักษาพยาบาลขั้นต้นระดับปฐมภูมิ มีเนื้อหาสำคัญประกอบหลักสูตรทั้งหมด 5 หัวข้อ ได้แก่
2.หัวใจความเป็นมนุษย์สู่ปฏิบัติการรักษาโรคเบื้องต้นในระดับปฐมภูมิ
3.กลุ่มอาการต่างๆกับการวินิจฉัยแยกโรค,หลักการประเมินภาวะสุขภาพการวินิจฉัยโรคและแนวทาง การรักษาโรคเบื้องต้นในระบบต่างๆที่สำคัญและพบบ่อย, แนวคิดและหลักการให้การดูแลรักษาโรคเรื้อรังในระดับปฐมภูมิ
4.ยาที่ใช้บ่อยและข้อควรระวังในการใช้ยา :
5. เทคนิคการสร้างเสริมมสุขภาพแบบประหยัด
1. แนวคิดและหลักการให้การดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ สาระสำคัญ ดังนี้ เนื่องจากปัจจุบันระบบบริการสุขภาพมีบางสิ่งที่ขาดหายไปจากอดีต นั่นคือ ขาดความรู้สึกผูกพันอย่างจริงใจ เพราะการวัดผลสัมฤทธิ์ปัจจุบันมุ่งเน้นที่การวัดเชิงปริมาณ เจ้าหน้าที่จึงมักใช้เวลาไปกับการทำงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว จึงเสมือนเป็นเครื่องจักรมาก หรือเป็นคนแต่ไม่มีหัวใจ เพื่อตอบสนองและรายงานตัวชี้วัด มากกว่าวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการบริการสุขภาพ ทำให้เกิดปัญหาสัมพันธภาพของทุกฝ่ายทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ หรือ ผู้ให้บริการด้วยกัน ส่งผลให้เกิดความเบื่อหน่าย ไม่มีความสุขในการทำงาน ขาดความกระตือรือร้น ที่จะสร้างสรรค์งานใหม่ๆ ดังนั้น การดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นคำที่บัญญัติใหม่เพื่อให้กระตุ้นเร้าให้ผู้ให้บริการสุขภาพหันมาทบทวน และปรับกระบวนการคิด และการทำงานใหม่ ว่านอกจากต้องให้บริการด้วยความรู้เรื่องโรคที่ถูกต้องแล้ว ต้องรู้และเข้าใจความทุกข์ยากหรือปัญหาต้องการในทุกด้านที่เกี่ยวข้องกัน ไม่เฉพาะแต่ความทุกข์กายเท่านั้น สิ่งที่จะช่วยให้รู้และเข้าใจผู้รับบริการให้มาก คือ การพูดจาทักทาย ไต่ถาม สัมผัส และฟังด้วยความใส่ใจ รู้จักเอาใจขามาใส่ใจเรา แล้วยอมรับและเข้าใจผู้รับบริการในสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่ให้เขาเป็นในสิ่งที่เราอยากให้เป็น
2.หัวใจความเป็นมนุษย์สู่ปฏิบัติการรักษาโรคเบื้องต้นในระดับปฐมภูมิ : สามารถทำได้โดย
2.1 ผู้นำสูงสุด เห็นความสำคัญ และปฏิบัติตนเป็นตัวแบบที่ดี อย่างชัดเจน ด้วยการฟัง สัมผัส ดูแลเอาใส่ใจผู้ป่วยอย่างจริงใจ และมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่อย่างชัดเจน
2.2 ปรับเปลี่ยนการมองผู้ป่วยให้เพิ่มขึ้น จากโรคที่เป็น อีก 3 อย่างคือ 1. ความทุกข์ยากของผู้ป่วย 2. ความเป็นองค์รวมทุกมิติ 3 ความเป็นมนุษย์ที่มีความต้องการ และสามารถยืดหยุ่นได้ ซึ่งวิธีการที่ใช้ คือ จัดทำเวทีเรื่องเล่า, การจัดกลุ่มดูแลผู้ป่วยด้วยสหวิชาชีพ, การให้ความรู้ที่จำเป็นโดยผ่านกระบวนการบรรยาย การประชุมระดมสมอง, การประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นต้น
2.3 ปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน โดยประยุกต์ตามแนวคิดการดูแลที่มีหัวใจของมนุษย์ผ่านเรื่องเล่า, แนวคิดการแพทย์ทางเลือก, และแนวคิดทฤษฏีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
2.4 ให้การดูแลผู้ป่วยด้วยเทคนิค ( LLSL = LOVE - รัก, LISTEN- รับฟังด้วยใจ , SUPPORT PERCIVE & LEARN -สนับสนุนให้เกิดการรับรู้และเรียนรู้ร่วมกัน)
3. กลุ่มอาการต่างๆกับการวินิจฉัยแยกโรค,หลักการประเมินภาวะสุขภาพการวินิจฉัยโรคและแนวทาง การรักษาโรคเบื้องต้นในระบบต่างๆที่สำคัญและพบบ่อย, แนวทางการดูแลรักษาโรคเรื้อรังในระดับปฐมภูมิ
การเจ็บป่วย (Illness) มีองค์ประกอบหลัก 2 ประการ คือ โรค (Disease) และความทุกข์ (Suffering) ของผู้ป่วย และการเจ็บป่วย มี 3 ประเภท คือ
แนวทางการวินิจฉัยและรักษา จำแนกเป็น 3 แนวทางโดยการประเมินจากประเภทของการเจ็บป่วยซึ่งได้จากการซักประวัติและตรวจร่างกาย ได้แก่
ดังนั้นการจะจำแนกประเภท และรักษาความเจ็บป่วยขั้นต้น โดยเฉพาะในระดับปฐมภูมิได้มีคุณภาพและประสิทธิภาพนั้น ผู้ให้บริการปฐมภูมิจำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจการเจ็บป่วยที่ถูกต้อง ทันสมัยและเหมาะสม ซึ่งไม่จำเป็นต้องรู้ทุกโรค แต่โรคที่สำคัญ และโรคที่พบบ่อยของพื้นที่จำเป็นต้องรู้ เพื่อพัฒนาทักษะในการซักประวัติ ตรวจร่างกาย วินิจฉัยและให้การรักษาเบื้องต้นที่ถูกต้องหรือเหมาะสมต่อไป วิธีการที่จะช่วยให้เรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ การเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐาน ( Context Based Learning : CBL )
แนวทาง การรักษาโรคเบื้องต้นในระบบต่างๆที่สำคัญและพบบ่อย : มีสาระสำคัญของโรค อาการ อาการแสดง การรักษาที่สำคัญของแต่ละระบบ ทั้งหมด 38 โรค ในเอกสารประกอบการอบรมซึ่งเก็บไว้ที่ห้องสมุดหน่วยงาน
แนวทางการดูแลรักษาโรคเรื้อรังในระดับปฐมภูมิ : โรคเรื้อรังที่พบบ่อยและเป็นปัญหาสำคัญในปัจจุบันและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และภาวะไขมันในเลือดสูง ซึ่งแนวทางในการดูแลรักษาโรคเหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพ ต้องมีความรู้เข้าใจธรรมชาติของโรคทั้งด้านสาเหตุ ระดับอาการ ความเรื้อรัง ภาวะแทรกซ้อน ผลลัพธ์ของการรักษา แนวทางในการประเมิน การตรวจคัดกรอง การวินิจฉัย การรักษาโรค การให้สุขศึกษาแนวใหม่(ปรับพฤติกรรม) ระบบข้อมูลและทะเบียนเพื่อการดูแลที่ครอบคลุมแบบองค์รวมทั้งในระดับบุคคล ครอบครัวและชุมชน (มีสาระสำคัญในเอกสารประกอบการอบรมซึ่งเก็บไว้ที่ห้องสมุดหน่วยงาน)
4. ยาที่ใช้บ่อยและข้อควรระวังในการใช้ยา: เพื่อให้ผู้ป่วยที่รักษาด้วยยา มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ผู้ให้บริการ ต้องรู้ และเข้าใจกลไกการออกฤทธิ์ ข้อบ่งใช้ ขนาด วิธีการให้ อาการข้างเคียง ข้อควรระวัง ข้อห้ามใช้ ของยาที่ใช้ โดยเฉพาะยาที่ใช้บ่อยที่วิทยากรบรรยาย ได้แก่ Hyoscine-n-butyl bromide, Norfloxacin, Ciprofloxacin, Antacid, NSAIDs ( ทั้งกลุ่ม Non selective COX inhibitor เช่น Diclofenac Ibuprofen Aspirin ฯ , กลุ่ม Selective COX-2 inhibitor เช่น Meloxicam ฯ และ กลุ่ม Specific COX-2 inhibitor เช่น Celecoxib ), Omeprazole, Tramal, Sulfasalazine, Methotrexate, Amitryptyline, Antihistamine ทั้งกลุ่ม Classical และ Nonsedative, Bronchodilators,กลุ่มAntibiotics, กลุ่ม Beta blockers, กลุ่ม Diuretics, กลุ่ม Alpha blockers, กลุ่ม Antichlinergic , Drugs used in Hypertension and Drugs used in DM
5. เทคนิคการสร้างเสริมสุขภาพแบบประหยัด:ปัจจุบันสิ่งต่างๆในสังคมเปลี่ยนไปทำให้เกิดโรคใหม่ๆมากขึ้นกว่าเดิม หรือเป็นโรคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง เช่น อาหารทำให้เกิดโรคอ้วน มีการคมนาคมที่ก้าวไกลทำให้โรคแพร่จากทวีปหนึ่งสู่ทวีปหนึ่ง ความเครียดมีมากขี้นทำให้มีอาการฆ่าตัวตายสูงขึ้น เป็นต้น ดังนั้นจึงเทคนิคการสร้างเสิรมสุขภาพแบบประหยัดจึงพอที่จะจำแนกออกดังนี้
5.1 อาหารผู้สูงวัย
ปัญหาโภชนาการเมื่อสูงวัย ได้แก่ ความต้องการอาหารลดลง รับประทานได้น้อยลง ความรู้สึกต้องการน้ำลดลง การรับรสและได้กลิ่นลดลง ปัญหาฟันและช่องปาก ท้องผูก ภูมิต้านทานลดลง
ข้อแนะนำโภชนาการสำหรับผู้สูงวัย
-พลังงานต้องการน้อยลง กล้ามเนื้อลดลง ทำให้ basal metabolism ลดลง
-โปรตีน ไม่ลด แนะนำ 1 ก./กก/วัน เพื่อชดเชยกับที่กล้ามเนื้อลดลง โปรตีนที่ได้รับมาได้จากทั้งพืชและสัตว์ แต่เนื่องจากวัยนี้มักมีปัญหาเรื่องการเคี้ยว จึงอาจทำให้บริโภคเน้อสัตว์ได้น้อยลง แหล่งของโปรตีนที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุได้แก่ ปลา ไข่ เต้าหู้ ถั่วเหลือง ถั่วเมล็ดแห้ง นมและเนื้อสัตว์ใหญ่ที่ต้มหรือตุ๋นให้เปื่อยแล้ว
-กากใย วันละ 25-35 ก. ผักผลไม้ 5ส่วน/วัน
-วิตามิน D ,B6, B12 ต้องการมากกว่าคนหนุ่มสาว
- น้ำต้องการมากขึ้น 1500-2000 มล./วัน
5.2 อาหารเสริม
อาหารเสริมเป็นอาหารที่เริ่มมีบทบาทในการดูแลสุขภาพสำหรับยุคปัจจุบันมากขึ้นเนื่องจากสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป วิถีชีวิตของคนที่เปลี่ยนแปลง
-สารอาหารต้านอนุมูลอิสระ ตัวอย่างเช่น กลูตะไธโอน ไลโคนฟีน ลูทีน แคโรทน วิตามีน C เป็นต้น
ไม่มีความเห็น