อาหาร...ปัจจัยสี่..ปัจจัยแห่งศักดิ์ศรี?...ของผม...


ยอมก้มหน้าอาย...ดีกว่าขายศักดิ์ศรี

               อาหาร...ได้ชื่อว่าเป็นปัจจัยสี่...ของมนุษย์ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต บางคนก็พิถีพิถันกินอาหารราคาแพงในแต่ละมื้อ บางคนก็อะไรก็ได้ บางคนขอแค่ประทังชีวิตแก้ความหิว หลายคนที่...กินเพื่ออยู่...หมดสิทธิที่จะอยู่เพื่อกิน ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์...ทุกคนมีเท่าเทียมกัน

  

                           

  

          ค่ำวันหนึ่งขณะที่ผึ้งงานกำลังจะข้ามถนนตรงสี่แยกไฟแดงซึ่งอยู่ข้างตลาด ขณะที่เดินมาถึงใกล้ทางข้ามม้าลายก็ไปสะดุดตากับชายคนหนึ่งที่แต่งตัวมอมแมม ผมหยุ่งเหยิง เดินสวนมาโดยที่เห็นน้องผู้หญิงนักศึกษา 2-3 คนท่าทางตะหนกและตกใจกลัวชายคนนี้ คงกลัวว่าจะมาทำร้ายและมองสภาพการแต่งตัวที่มอมแมมภายนอกแล้วทำให้ไม่น่าไว้ใจ แต่...ตัวชายคนนั้นเองก็รู้สึกตกใจเหมือนกันที่มีคนกลัวเขา

 

          แต่...ตรงกันข้ามกับที่สายตาของผึ้งงานเห็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ...มองเห็นเขารีบเดินตัวลีบ ก้มหน้างุดๆ(ผมที่ตกลงมาบังใบหน้านั้นเหมือนอายผู้คน) แล้วเดินเลยไปที่ถังขยะ เขาคงรู้สึกอายน้องนักศึกษาที่อยู่ในวัยเดียวกันแต่คงรู้สึกหิวมากด้วยแต่ไม่กล้าขอใครกินเหมือนละอายใจ(เพราะมักมีคนว่าตีนมือดีทำไมไม่ทำมาหากิน...อยากทำแต่หางานไม่ได้...) เห็นเขามองหาเศษอาหารในถังขยะที่ผู้คนไม่ต้องการและทิ้งแล้ว เพื่อประทังชีวิตให้คลายหิว พอมองเห็น...ทำให้รู้สึกสงสารจับใจ จึงมองดูเห็นชายคนนั้นอายุก็คงวัยเรียนพอๆกับน้องนักศึกษาเหล่านั้น แต่...ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามจึงตกอยู่ในสภาวะนั้น

 

          ผึ้งงานจึงได้เดินกลับไปหาชายคนนี้อีกครั้ง...ทั้งๆที่เดินผ่านมาแล้วและพูดเบาๆว่า...คุณคะเอาเงินนี้ไปซื้อข้าวกินเถอะค่ะ (ถึงแม้ว่าจะไม่มากนักแต่คงช่วยเขาได้หลายมื้อ)เขารับเงินไปอย่างนอบน้อมและยกมือไหว้กล่าวขอบคุณเบาๆอย่างเกรงใจ ต่างกับภาพลักษณ์ที่ผู้คนมองภายนอกว่าน่ากลัว คนเราถ้าไม่จนตรอกจริงๆแล้วคงจะไม่ทำเช่นนั้น ผึ้งงานคิดว่าเขาเลือกหาเศษอาหารจากถังขยะดีกว่าไปจี้ปล้นหรือทำร้ายคนอื่นเพื่อหาเงิน ผึ้งงานเดินจากมา พอดีสัญญานไฟเขียวให้คนข้ามเลยเดินจากมาอย่างเอาใจช่วยว่า...คืนนี้คงช่วยให้เขาคลายหิวได้บ้าง?

 

          ผึ้งงานมองเห็นว่าเขายอมก้มหน้าอาย...ดีกว่าขายศักด์ศรีเป็นโจรปล้นจี้หรือขโมยคนอื่นเขา เคยได้ดูซึ่งมีทีวี่ช่องหนึ่งได้นำประวัติชีวิตของดาราตลกคนหนึ่งซึ่งเมื่อก่อนที่เขาจะดัง ....เขาเคยเข้ามาหางานทำที่เมืองหลวง หางานก็ไม่ได้โดนคนหลอกจนเงินก็หมด  เขาเล่าว่าเขาก็เคยไปค้นหาข้าวบูดหรือเศษอาหารจากถังขยะเพื่อประทังความหิว...เนื่องจากหางานทำไม่ได้ เงินก็หมด จะขอใครกินก็อาย และต้องหาที่นอนตามสวนสาธารณะหรือริมถนน เนื้อตัวก็มอมแมมไม่ได้อาบน้ำหลายวัน ไปทางไหนมีแต่คนสะดุ้งกลัว...ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้คิดที่จะทำร้ายใครเลย จนมีคนสงสารและให้งานทำ จึงมีการเป็นอยู่ดีขึ้น แต่ก็ไม่เคยลืมวันที่ผ่านมายามทุกข์ยากและความมีน้ำใจคนที่ช่วยเหลือ

                     

          คนเราชีวิตมีขึ้นและมีลงเหมือนกัน การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันบ้างถึงแม้จะพบได้ไม่มากนักในเมืองหลวง...แต่ก็คงจะทำให้โลกของใครบางคนน่าอยู่ขึ้น...และมีกำลังใจต่อสู้ชีวิตของเขา...ถึงแม้ว่าจะช่วยได้เพียงเล็กน้อยก็ตาม...ผึ้งงานก็อาจจะคิดต่างจากคนอื่นก็ได้ แต่ไม่เคยคิดที่จะเลิกเติมน้ำใจเล็กน้อยเหล่านี้ให้กับผู้คน ..การให้โอกาสคน เป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่ารังเกียจพวกเขาเลยค่ะ

          การมองโลกในแง่ดี....ไว้บ้าง.....จะทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นค่ะ..

 

                (ขอขอบคุณ.....ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

หมายเลขบันทึก: 429955เขียนเมื่อ 7 มีนาคม 2011 17:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

มองผ่านหัวใจเราจะเห็นความเป็นมนุษย์ดีใจที่มีคุณอีกคนเป็นเพื่อนอุดมการณ์

สวัสดีค่ะคุณorapan

  • มองผ่านหัวใจเราจะเห็นความเป็นมนุษย์ ...ซึ่งบางคนอาจจะอยู่ลึกตื้นไม่เท่ากัน
  • แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเรา
  • ขอบคุณนะคะที่มาร่วมเสริมกำลังใจในการทำความดี ซึ่งมีคนจำนวนมากที่มองข้าม ความเป็นมนุษย์ที่มีอยู่ในทุกคนให้มีตัวตนขึ้น
  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท