1.) ความกังวล ความหวาดกลัว ความปิติ ความโกรธความคิดถึง ความเศร้าโศก ทั้งหกประการนี้ จะต้องมีความสมดุลกัน จึงไม่เป็นการทำร้ายร่างกายและจิตใจ รสเผ็ด เปรี้ยว หวานขม เค็ม ห้า รสชาตินี้จะต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม จึงจะสามารถปรับรักษาสุขภาพกายและสุขภาพจิตให้สมดุลแข็งแรงได้
2.) ความกลัดกลุ้มทำลายปอดให้เสื่อมลง อารมณ์ปิติสามารถระงับความกลัดกลุ้มกังวลได้ ความหวาดกลัวทำลายไต ความคิดพิจารณาใคร่ครวญสามารถชนะความหวาดกลัวได้ ความหวาดกลัวสามารถทำลายไตให้เสื่อมลงได้ การไตร่ตรองใคร่ครวญสามารถพิชิตความหวาดกลัวลงได้
3.) ความปิติยินดีเกินไปทำลายหัวใจ เราสามารถใช้ความหวาดกลัวสยบความปิติอันเกินขนาดได้
4.) ความโกรธทำลายตับ ความเศร้าโศกสำนึกเสียใจพิชิตความโกรธได้
5.) ความชื้นทำลายกล้ามเนื้อและผิวหนังได้ การที่มีลมระบายถ่ายเทสามารถควบคุมความชื้นให้สมดุลได้
6.) คิดใคร่ครวญจนเกินเลยย่อมเป็นอันตรายต่อม้ามความโกรธที่พอเหมาะจะสามารถระงับการครุ่นคิดได้
7.) ลมสามารถเป็นอันตรายต่อเอ็นกล้ามเนื้อ ความแห้งสามารถระงับลมที่ก่อเกิดโรคภัยไข้เจ็บได้
8.) รสเปรี้ยวเกินพอดีจะสามารถทำลายเอ็นให้เสื่อมลงรสเผ็ดสามารถเจือจางรสเปรี้ยวได้
9.) รสหวานเกินพอดีสามารถทำลายเนื้อหนัง รสเปรี้ยวสามารถปรับรสหวานให้สมดุลได้
10.) รสขมเกินพอดีสามารถทำลายลมปราณได้ รสเค็มสามารถปรับรสขมให้สมดุลได้
11.) รสเค็มเกินพอดีจะเป็นอันตรายต่อระบบเลือด รสหวานสามารถปรับรสเค็มให้สมดุลได้
ผมเข้าใจแล้วครับว่า พระท่านฉันในบาตร เพราะเหตุนี้เอง
ท่านผสมทุกรสชาติเข้าไว้ด้วยกัน
กลมกลืนกัน
โรคภัยไข้เจ็บหายหมดเลย
น่าจะเป็นแบบนี้ ใช่เปล่าครับ
เป็นวิธีการที่น่าสนใจและสามารถทำได้หากเราต้องการให้มีอายุยืนนานก็ต้องทำแบบนี้ล่ะขอบคุณทีให้แง่คิดและวิธีปฏิบัติตนในการดูแลสุขภาพมากค่ะ