[1]ดูรายละเอียดสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพของชนชาวไทย, โครงการศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา สาขานิติศาสตร์ สุโขทัยธรรมธิราช พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, หน้า 2.
[2]ดูรายละเอียด นพนิธิ สุริย “สิทธิมนุษยชน” สรุปคำบรรยายวิชาสิทธิมนุษยชน, LA 253 มหาวิทยาลัยรามคำแหง 2520.
[3] G. Oestreich, Die Entwicklung der Menschenrechte und Grundfreiheiten, in: Bettermann-Neumann- Nipperday (Hrsg.), Die Grundrechte, Bd.1, 1.Hbd., 1966, S. 13. อ้างใน บุญศรี มีวงศ์อุโฆษ, รายงานการวิจัยเรื่อง “หลักการใช้อำนาจขององค์กรที่ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ และเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ,” หน้า 94.
[4] จรัญ โฆษณานันท์, สิทธิมนุษยชนไร้พรมแดน ปรัชญา กฎหมาย และความเป็นจริงทางสังคม, หน้า 63.
[5] Davidson, Scott. Human Right, p. 28.
[6]วิระดา สมสวัสดิ์, คู่มือกฎหมายสำหรับผู้หญิง, หน้า 11-12.
[7] Article 1 of The Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination Against Women: “any distinction, exclusion, or restriction made on the basis of sex which has the effect or purpose of impairing or nullifying the recognition, enjoyment or exercise by women, irrespective of their marital status, on a basis of equality of men and women, of human rights and fundamental freedoms in the political, economic, social, cultural, civil or any other field.”
[8]Article 2 of The Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination Against Women: “States parties to the Convention agree to establish equality of women through their national legal systems in a variety of ways: by conforming national constitutions or appropriate legislation to the principles of the Covenant, by enacting legal sanctions against discrimination, by prohibiting discrimination by public authorities and institutions, by establishing de jure equality of women and men, and by abolishing existing laws, regulations, customs, and practices (including penal provisions) which are discriminatory.”
[9] กนกวรรณ ภิบาลชนม์, “สิทธิสตรีตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ,” หน้า 105.
-----------------------------------------
"สิ่งที่ถูกประกอบสร้างสะสมความเชื่อมาอย่างยาวนานจนกลายเป็นวัฒนธรรมแต่เราเข้าใจว่าเป็นธรรมชาติที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้"
สวัสดีค่ะ
ต้องขอใช้เวลาอ่านมากๆ ทำความเข้าใจสักหน่อยนะคะ ยอมรับว่าด้านวิชาการ ด้านกฎหมายไม่ค่อยแจ่มแจ้ง ขอบคุณที่นำความรู้มาแบ่งปันค่ะ
แม้จะยาวมาก แต่มากด้วยสาระที่น่าติดตาม
ขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยคนนะครับ
การส่งเสริมความเท่าเทียมในสถาบันครอบครัว..ระหว่างหญิงชาย..น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีกับการพัฒนาสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศ..คงต้องเริ่มจากจุดที่เล็กที่สุดก่อน..บ้านเราก็มีปัญหาเรื่องนี้เยอะพอสมควร..ในวัฒนธรรมอุดมการณ์ชายเป็นใหญ่..แต่สิ่งเรานี้ต้องใช้เวลาในการขับเคลื่อนพอสมควร..ปัจจุบันเริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นเพราะหลายฝ่ายช่วยกันสร้างคุณค่าใหม่ขึ้นมา เพื่อยกระดับคุณค่าและการเข้าถึงอาชีพของผู้หญิงในหลายลักษณะที่ไม่น้อยไปกว่าผู้ชาย
หลายวันที่แล้วผมไปมหิดล ศาลายา เห็นคนขับรถรางรับส่งคนภายในมหาวิทยาลัย มีแต่ผู้หญิงขับรถรางทั้งนั้น ล้วนแล้วแต่มีทักษะและความสามารถไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้ชายเลย หรือ กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ที่ผ่านมา ผู้ตัดสินกีฬามวยสากลสมัครเล่น หลายครั้งกรรมการบนเวทีก็เป็นผู้หญิง ทั้งที่สองคนที่ต่อยกันบนเวทีเป็นผู้ชาย
หลายอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมในมิติที่ริดรอน ปิดกั้น หรือการกดทับในการเข้าถึงสิทธิสตรีในหลายๆ รูปแบบ..ผมคิดว่าเราควรช่วยกันสลายมายาคติต่างๆ..ที่ครอบงำความเชื่อ จนปราศจากการตั้งคำถามกับสรรพสิ่งรอบตัว ที่ปราศจากความเป็นธรรม ให้ลดลงน้อยถอยลงไป เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขมากขึ้น