มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน
มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน

บ้าน


มีคนบอกกับแกว่า คนที่มาจากฝั่งพม่าและไม่มีเอกสารอะไรเลยอย่างแก ไม่มีสิทธิ์ถือครองที่ดินในประเทศไทย แต่จะให้ทำอย่างไรเมื่อแกไม่สามารถอยู่บนแผ่นดินเกิดของแกได้

บ้าน

 


 

ลอหว่าดิ

 

“ฉันยกที่ดินตรงนี้ให้ ไม่เอาเงินหรอก ปลูกบ้านที่นี่แหละ” ป้ามึจิ ยกคำพูดของเจ้าของที่ดิน เพื่อเล่าความหลังเกี่ยวกับที่ดินที่แกปลูกบ้านอยู่ให้ผมฟังด้วยความน้อยใจ เพราะเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเจ้าของที่ขายที่ดินกับนายทุนในเมือง โดยที่ไม่บอกให้แกรู้เลยสักคำ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกยกที่ดินแคบ ๆ ท้ายแปลงให้แกปลูกบ้าน คำบอกเล่าของป้าทำให้ผมได้รู้ว่าอาชีพคนดูแลที่ดิน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นงานสบายจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

 

ภาพป้ามึจิ ในวัยห้าสิบ ตัวเล็กๆ ผอมๆ นั่งเคี้ยวหมากขายขนมจีนข้างถนน เป็นที่ชินตาของคนในหมู่บ้านชายแดนที่ผมอาศัยอยู่ ป้ามึจิกับครอบครัวลี้ภัยสงครามจากฝั่งพม่ามาอยู่เมืองไทยได้ยี่สิบกว่าปีแล้ว ตอนแรกป้าและครอบครัวหนีมาอยู่ที่หมู่บ้านชายแดนของประเทศพม่า แต่สมัยนั้นชายแดนพม่ายังมีการสู้รบอย่างต่อเนื่อง ป้าจึงข้ามแม่น้ำมาอาศัยอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งในอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เพื่อความปลอดภัย จนเมื่อค่ายผู้ลี้ภัยที่ป้าอยู่ถูกสั่งให้ยุบรวมกับค่ายผู้ลี้ภัยแม่หละ(แบเกลาะ) ป้าและครอบครัวจึงตัดสินใจออกจากค่ายผู้ลี้ภัย มาอยู่ในหมู่บ้านใกล้ ๆ เพราะอยากทำมาหากินเลี้ยงชีพตัวเองเหมือนคนที่อยู่นอกรั้วลวดหนาม

 

ญาติของป้ามึจิที่อาศัยอยู่หมู่บ้านนี้มาก่อน บอกป้าว่ามีเจ้าของที่ดินคนหนึ่ง กำลังหาคนมาอยู่เฝ้าที่ ไม่ให้ใครเข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ผืนนั้น ถึงแม้เจ้าของที่ดินคนนี้จะไม่มีค่าจ้างให้ แต่ก็ให้ปลูกกระท่อมอยู่ในที่ดินของเขาได้ ป้ามึจิเห็นเป็นโอกาสดีที่จะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่ต้องขออาศัยอยู่กับญาติพี่น้อง แกจึงไปหาเจ้าของที่และเริ่มทำหน้าที่เป็นคนดูแลที่ดินตั้งแต่นั้น

 

ทุกวันป้ามึจิจะทำขนมจีนไปขายในหมู่บ้าน ส่วนลุงก็ออกไปรับจ้างในไร่สวนเพื่อนำเงินมาเลี้ยงดูลูก ๆ เมื่อว่างจากงานสองคนผัวเมียก็ไม่อยู่เฉย ช่วยกันถางป่าหญ้าป่าหนามในที่ดินที่แกเฝ้า จนที่ดินติดถนนผืนนี้โล่งเตียนเป็นที่สนใจของคนที่ผ่านไปมา เมื่อมีคนมาถามซื้อ เจ้าของที่ดินก็ทยอยแบ่งขายที่ทีละแปลงสองแปลง ครั้งหนึ่งป้ามึจิเคยเอ่ยปากขอแบ่งซื้อที่ดินด้านท้ายแปลงเพื่อปลูกบ้าน เพราะแกเห็นว่าลูก ๆ ของแกโตขึ้นทุกวัน น่าจะมีบ้านอยู่เป็นหลักแหล่งได้แล้ว แต่เจ้าของที่ดินก็ไม่ยอมขายที่ให้ เขาบอกว่าให้แกอยู่ฟรี ๆ แลกกับการดูแลสวนอย่างนี้แหละดีแล้ว

 

เกือบยี่สิบปีที่ป้ามึจิทำหน้าที่ดูแลที่ดินผืนนี้ บางครั้งแกคิดว่าชีวิตของของแกคงไม่ต้องดิ้นรนหาที่อยู่อีกแล้ว เพราะแกคงจะอยู่ที่นี่ไปจนตาย แต่เมื่อกลางปีที่แล้ว น้องของเจ้าของที่ก็มาบอกให้ป้าไปหาที่อยู่ใหม่ เนื่องจากเจ้าของที่ดินจะขายที่ดินทั้งหมดให้กับชาวต่างชาติ ป้ามึจิร้อนใจกลัวจะไม่มีที่อยู่ แกรีบหากู้เงินเพื่อไปซื้อที่ดินใหม่ แต่ไม่ทันที่แกจะซื้อที่เป็นของตัวเอง แกก็ได้รับข่าวจากเจ้าของที่ดินว่าชาวต่างชาติคนนั้นไม่ซื้อที่ดินผืนนี้แล้ว เพราะเจ้าของที่ไม่มีเอกสารแสดงสิทธิ์ เจ้าของที่เลยขอให้ป้ากลับมาเฝ้าที่ดินผืนนี้อีกครั้งหนึ่ง พร้อมสัญญาว่าจะยกที่ดินส่วนหนึ่งให้เป็นของแกโดยไม่เอาเงิน

 

แม้เจ้าของที่ดินสัญญาจะให้ที่เพียงปากเปล่า แต่ป้ามึจิก็ดีใจที่จะได้ปลูกบ้านบนที่ดินของตัวเองเสียที ป้าใช้เงินที่กู้มาปลูกบ้าน ไม้ท่อนกลม ๆ เล็ก ๆ ถูกนำมาตั้งเป็นเสาเรือน หลังคามุงด้วยใบตองตึง ปูพื้นและตีฝาบ้านด้วยเศษไม้ตามแต่จะหาได้

 

แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เจ้าของที่ได้พาคนมาดูที่แล้วก็ตกลงซื้อขายที่ดินทั้งหมดรวมถึงที่ดินท้ายแปลงที่เขายกให้ป้ามึจิ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นลับหลังป้า แกจึงไม่เคยรู้เลยว่าที่ดินผืนนี้ได้เปลี่ยนมือผู้เป็นเจ้าของไปแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งเจ้าของที่ดินคนใหม่มาหาแกที่บ้าน

 

ป้ามึจิเล่าว่า วันนั้นแกทุกข์ใจที่สุดในชีวิต แกไม่รู้ว่าชีวิตจะเดินต่อไปทางไหน ครั้นจะไปซื้อที่ดินใหม่แกก็ไม่มีเงินพอ จะไปกู้เขาอีก เงินที่กู้มางวดก่อนก็ยังใช้ไม่หมด อีกทั้งคนปกาเกอะญอยังเชื่อว่าไม่ควรรื้อถอนบ้านที่ปลูกไม่ครบหนึ่งปี เพราะจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับครอบครัว

 

โชคดีที่เจ้าของที่คนใหม่บอกแกว่ายังไม่ต้องย้ายไปไหน ให้แกเฝ้าที่ผืนนี้ให้เขาไปก่อน แต่ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้ป้ากลัวว่า ถ้าที่ดินผืนนี้ถูกเปลี่ยนมืออีกครั้ง แกจะทำอย่างไร ผู้เป็นเจ้าของคนต่อไปจะใจดีให้แกอยู่ที่นี่ต่อไหม

 

ทุกวันนี้ป้ามึจิยังคงดูแลที่ดินผืนเดิม นั่งขายขนมจีนให้ลูกค้าหน้าเดิม ๆ อย่างผม แกบอกผมว่าทุกวันนี้แกเลิกหวังจะมีที่ดินเป็นของตัวเอง เพราะมีคนบอกกับแกว่า คนที่มาจากฝั่งพม่าและไม่มีเอกสารอะไรเลยอย่างแก ไม่มีสิทธิ์ถือครองที่ดินในประเทศไทย แต่จะให้ทำอย่างไรเมื่อแกไม่สามารถอยู่บนแผ่นดินเกิดของแกได้ แกหวังเพียงว่าสักวันลูกๆ ทั้งสามของแกที่มีบัตรสี* จะได้ใช้ชีวิตอย่างมั่นคงบนแผ่นดินไทย

 

หมายเหตุจากบรรณาธิการ - บัตรสี คือเอกสารที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ออกให้กับคนกลุ่มต่าง ๆ ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับสัญชาติไทย โดยเอกสารนี้มีลักษณะเป็นบัตรสีต่าง ๆ เพื่อบ่งบอกกลุ่ม ที่มา รวมถึงสิทธิ อย่างไรก็ตามผู้ที่ถือบัตรสี ยังไม่มีสิทธิ์ถือครองที่ดินในประเทศไทย ดังนั้นลูกทั้งสามของป้ามึจิจึงไม่มีสิทธิ์ถือครองที่ดินเป็นของตัวเองได้ตามที่ป้ามึจิเข้าใจ

หมายเลขบันทึก: 425370เขียนเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2011 23:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 18:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท