คนไทยต้องปลูกมะพร้าวไว้หัวไร่ปลายนาเยอะๆ

ได้ ยินข่าวเกี่ยวกับการตีปี๊ปของ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลในปัจจุบันกำลังรองแรกแหกกระเชอต่อว่าเชิงขอร้องให้ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์พรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลให้ช่วยออกมา ดูแลแก้ไขในเรื่องน้ำมันพืชที่มีราคาแพง เพราะสร้างความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสให้แก่พี่น้องประชาชน มีการกักตุนสินค้ากันอย่างต่อเนื่องเพราะเกรงว่าสินค้าจะขาดตลาด ยิ่งกลับเพิ่มความเดือดร้อนให้แก่รัฐบาลยิ่งขึ้นไปอีกเพราะผู้บริโภคซื้อ สินค้าเกินความจำเป็น ด้วยความเกรงกลัวว่าสินค้าจะหมด รัฐบาลจึงมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากประเทศเพื่อนเข้ามาเป็นแสนลิตรเพื่อ บรรเทาความต้องการของการใช้น้ำมันพืชภายในประเทศ

ดู แล้วก็ยังเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอยู่ เพราะยิ่งสร้างกระแสความตื่นกลัวแก่ประชาชนผู้บริโภค เพราะชีวิตประจำวันทั้งในเมืองและชนบทแม่บ้านร้านตลาดจะต้องทำครัวหุงหา อาหารที่มีส่วนประกอบที่จะต้องปรุงน้ำมันพืช และอีกกลุ่มหนึ่งพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องใช้น้ำมันทุกวันอย่างกล้วยทอด กล้วยแขก ปาท่องโก๋ ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในประเทศต่างก็หวาดผวากักตุนน้ำมันกันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะนี่คือเรื่องปากท้องของเขา

วิธีการแก้ปัญหาแบบพอเพียงและทำให้ประชากรกว่าค่อนประเทศไม่เดือด ร้อนคือควรปลูกมะพร้าวไว้ตามหัวไร่ปลายนา หรือบริเวณรอบๆ ที่อยู่อาศัยให้มีเพียงพอต่อการบริโภคตลอดทั้งปี คือเมื่อมีผลแห้งก็สอยหรือเก็บผลหล่นใต้ต้นนำมาเก็บรักษาไว้ในยุ้งฉางหรือ ใต้ถุนเรือนชานอย่าให้โดนความชื้นหรือน้ำ ทำการมัดหรือผูกห้อยไว้ให้ดี เมื่อจะใช้ก็นำมาปลอกเปลือก ขูดผิวให้สะอาดผ่านแล้วนำไปขูดคั้นเป็นกระทิเคี่ยวไฟจนแตกมันก็สามารถนำไป ใช้ผัดอะไรต่างๆได้มากมาย บรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำมันในปัจจุบันอย่างน้อยถ้าทุกครัวเรือน มีน้ำมันกระทิจากมะพร้าวใช้กันเกือบทุกบ้านก็ลดปริมาณการซื้อจากห้างซุป เปอร์มาร์เก็ต โมเดิร์นเทรดหรือร้านสะดวกซื้อต่างๆได้ ทำให้มีเงินออมเพิ่มขึ้น ไม่สูญเสียเงินตราออกนอกประเทศอีกทางหนึ่งด้วย

คุณมนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com