นักสังคมฯ ผู้กุมอนาคตของสังคม


"จงให้อภัยศัตรูของท่าน..แต่อย่าลืมชื่อของเขา" โดนมายังไงผมก็เล่าไปตามนั้น

หากถามผมว่าอาชีพอะไรที่มีความสำคัญที่สุดต่อประเทศชาติและสังคม คำตอบแรกของผมก็คือ อาชีพครู เพราะการศึกษาคือรากฐานที่สำคัญที่สุด ใครๆ ก็รู้ ....แล้วเราควรวางรากฐานกันตั้งแต่ตอนไหน?  ประเทศที่พัฒนาแล้วเค้าจะให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเด็กเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงแรกเกิดถึงสามขวบเค้าก็เริ่มวางรากฐานในการพัฒนาศักยภาพเด็กกันแล้ว ผมในตอนนี้การศึกษาน้อย เคยอ่านหนังสืออยู่แค่สองเล่มที่เกี่ยวกับเด็กก็คือ

...............รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว ของ มาซารุ อิบุกะ (ผู้ก่อตั้งโซนี่)

...............สอนลูกให้เป็นเด็กฉลาด ของ เกล็นและเจเน็ต โดแมน

 

***ถ้าคุณอยากปฏิวัติประเทศไทยให้พัฒนาอย่างแท้จริง คุณต้องเริ่มจากการพัฒนาศักยภาพของเด็ก.....สำหรับผมนี่เป็นวิธีเดียว

......แล้วเด็กทารกที่มีศักยภาพสูงสุดในการเรียนรู้ เขาเรียนรู้จากใคร ....พ่อแม่คือบุคคลที่สำคัญที่สุดต่อการเรียนรู้ของเด็ก ต่อการเสริมสร้างในทุกๆ ด้านของเด็ก ในความคิดผมคำว่าคุณภาพของประชากรไม่ได้หมายความถึงเฉพาะความรู้ในด้านวิชาการ..ไม่ใช่ว่าสอนให้เด็กรู้มากแล้วเด็กจะฉลาด มีคุณภาพ ....สมองทึบๆ ของผมบอกว่า การทำให้เด็กมีสุขภาพกาย  สุขภาพใจที่ดี และมีทัศนคติที่ดี เป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด

......ทัศนคติที่ดี .....ต่อชีวิต ....ต่อครอบครัว....ต่อสังคม....ต่อบ้านเมือง.......

.....ทุกวันนี้ทำไมมีแต่คนเห็นแก่ตัว....เอาแต่ตัวเองรอด....ก็เพราะมันปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็ก

......และแล้วก็มีอาชีพหนึ่งเกิดขึ้นมาบนโลก  เพื่อกอบกู้โลก (เว่อร์..555) กอบกู้สังคม จัดระเบียบสังคม ชี้นำสังคม เยียวยาสังคม เป็นที่พึ่งของผู้ด้อยโอกาส..ผู้คนที่ถููกเอารัดเอาเปรียบจากความไม่เท่าเทียมกันของสังคม

 

ในประเทศไทยมีอยู่สองที่ที่สร้างบุคลากรในอาชีพนี้ และอาชีพนี้ก็คือ "นักสังคมสงเคราะห์" เพื่อนผมก็จบสังคมสงเคราะห์ เพราะคิดว่าขืนเรียนเภสัชฯต่อไปคงต้องถูกรีไทร์  ตอนนี้มันรวยแล้วครับ ..............เป็นเจ้าของร้านค้าปลีกอยู่บนห้าง เซ็นเตอร์วัน เป็นโชคดีของสังคมไทยที่เพื่อนผมไม่ได้ใช้วิชาที่เรียนมาไปประกอบอาชีพ เพราะมันเป็นคนที่ยืมตังค์ได้ยากมาากก 555 (ไม่ค่อยเสียสละเล้ยย^_^)

 

เกิดมาผมก็เคยได้พบได้รู้จักนักสังคมฯ แบบใกล้ชิดตัวเป็นๆ ไม่นับรวมเพื่อนผมด้วยก็ 2 คน  มีนิทานที่อยากเล่าให้ฟังอยู่เรื่องนึง ชื่อเรื่องว่า

     "หมาตามหาลูก"

  มีหมาตัวนึง ลูกของมันที่เพิ่งเกิดถูกคนขโมยไป มันจึงออกเดินทางตามหาลูก ในที่สุดมันก็ตามหาจนพบ  มันพบว่าลูกของมันอยู่ในบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง เจ้าของบ้านดูเป็นผู้มีอำนาจ มีบารมี  ในบ้านหลังนั้นมีแม่บ้านอยู่ 2 คน ผู้เปรียบเสมือนมือซ้ายและมือขวาของเจ้าของบ้าน ......2 คนนี้ มีภาระหน้าที่ในการจัดระเบียบบ้านแทบทุกอย่างโดยเฉพาะหากใครจะเข้าใครจะออกจากบ้านจะต้องได้รับความเห็นหรือคำวินิจฉัยจากแม่บ้านทั้งสองคนนี้ก่อน แม้แต่เจ้าของบ้านยังต้องรับฟังความเห็นจากทั้งสอง เพราะทั้งสองถูกฝึกฝนมาอย่างดีและมีทักษะในการคัดกรองและวินิจฉัยโดยเฉพาะ ผมขอเรียกหนึ่งในนั้นว่า แม่บ้านใหญ่ ผู้ใกล้ชิดเจ้าของบ้านที่สุดอีกหนึ่งก็คือแม่บ้านเล็กซึ่งมีอำนาจในลำดับถัดมา แต่สุดท้ายคนที่จะตัดสินใจในทุกเรื่องก็ย่อมหนีไม่พ้นท่านเจ้าของบ้านอาจจะมีบางครั้งที่เจ้าของบ้านงานยุ่งก็เลยปล่อยให้ยึดการตัดสินใจของแม่บ้านใหญ่เป็นเกณฑ์

......หมาตัวนี้เทียวมาเทียวไปบ้านหลังนั้นอยู่เสมอ ในที่สุดเจ้าของบ้านก็รู้ว่าสาเหตุที่มันวนเวียนอยู่แถวนี้ก็เพราะมีคนเอาลูกของมันมาปล่อยไว้ในบ้านหลังนี้

 

.........ง่วงแล้วครับ พรุ่งนี้ต้องเรียน เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังต่อ...

หมายเลขบันทึก: 424343เขียนเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2011 01:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 18:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท