tarkish ครับ ผมได้อ่านโดยละเอียดแล้ว ด้วยความเห็นใจครับ แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันกับคำสั่งศาลและสถานสงเคราะห์ รวมทั้งฝ่ายหญิงที่เป็นแม่ด้วย ผมจะลองใคร่ครวญและหารือฝ่ายต่างๆ นะครับว่าจะมีทางออกที่ดีสำหรับเด็กได้อย่างไร
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ขอกราบขอบพระคุณอย่างยิ่งครับครูหยุย ไม่ว่าจะลงเอยอย่างไร ผมกับลูกก็ได้รับความกรุณาจากครูหยุยแล้วครับ ขอบคุณแทนนีโอด้วยครับผม
วันนี้ผมได้ติดต่อไปยังมูลนิธิเด็ก http://www.ffc.or.th
........วัตถุประสงค์ของมูลนิธิเด็กหาอ่านได้จาก http://www.ffc.or.th/info/tell.php
......วัตถุประสงค์ของมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิหาอ่านได้จากhttp://www.thaichildrights.org/th/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2
****เอามาให้ดูเผื่อว่าใครกำลังมีความต้องการความช่วยเหลือแต่ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี สำหรับผมได้ใช้วิธีนี้ในการตัดสินใจเลือกว่าจะติดต่อไปยังหน่วยงานไหนก่อนดี
................ผมขอแสดงแนวทางในการแก้ปัญหาของผมเท่าทีผ่านมาให้ครูหยุยได้รับทราบบางส่วน..............
ข้อ 1.ผมแยกคดีอาญาออกจากคดีที่เกี่ยวกับลูกเพราะคิดว่าอยู่กันคนละศาล อันที่จริงเพื่อเป็นการจัดระเบียบสมอง(ความคิด) เพราะยังไงมันก็เชื่อมโยงกันเพียงแต่ในขบวนการศาลนั้นเค้าแยก ...ผมก็เลยแยกด้วยครับ (จะได้ไม่ฟุ้งซ่านและเป็นระบบขึ้นมาหน่อย..แต่ก็ฟุ้งซ๋านพอสมควร บางทีก็เบลอไปเลย ^_^)
ข้อ 2.ผมกำหนดวัตถุประสงค์ของตัวผมเองซึ่งก็คือ
1.ทำหน้าที่พ่อ ....ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกครับว่ามันมีกฏหมายบัญญัติอะไรที่เกี่ยวกับสิทธิเด็กหรือไม่ ผมรู้แต่ว่า ผมเป็นพ่อ
2.ทำหน้าที่พ่อ ....ผมไม่เคยตั้งคำถามหรอกว่า พ่อ แปลว่าอะไร ต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง แต่ผมมั่นใจว่า พ่อต้องทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ให้ลูกมีชีวิตที่ดี
3.ทำหน้าที่พ่อ ....นีโอ มีพ่อคนเดียวก็คือ ผม คนอื่นรับฟังเรื่องราวของผม แล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปนั่นก็เพราะว่า นีโอ..เป็นลูกของผม ทำไมเค้าจะต้องสู้เพื่อนีโอ?
4.ทำหน้าที่พ่อ ....ผมต้องทำหน้าที่พ่อ โดยเฉพาะตอนที่เค้ายังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แต่ผมช่วยเค้าได้ (ถึงแม้จะยังไม่รู้อนาคตตัวเอง แต่ตอนนี้ผมก็ยังอยู่ปกติสุขดีอยู่)
สรุป.......ถ้าการอยู่สถานสงเคราะห์เป็นผลดีต่อตัวลูกผมก็ยินดีให้เค้าอยู่นานเท่านาน เท่าที่ใครก็ตามอยากให้เค้าอยู่ ตอนนี้ผมได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการเป็นพ่อที่ทนดูลูกตัวเองอยู่ในสถานสงเคราะห์ได้ตั้ง 1 ปี 8 เดือนเข้าให้แล้ว
............แต่ความจริงคือ สัญชาตญาณบอกผมว่า ผมจะไม่ปล่อยให้ลูกของผมอยู่ในสถานสงเคราะห์เหมือนเด็กกำพร้า ..ผมเชื่อว่าเด็กทุกคนที่มีพ่อแม่ไม่ควรอยู่ในสถานสงเคราะห์ โดยเฉพาะกรณีที่พ่อหรือแม่ของเด็กต้องการรับผิดชอบทำหน้าที่ของตัวเอง ฉนั้นวัตถุประสงค์หลักก็คือ นำนีโอออกมาจากสถานสงเคราะห์เพื่อให้ความรักความอบอุ่นเลี้ยงดูเอาใจใส่เค้าซึ่งเป็นหน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบในฐานะพ่อ
ข้อ 3.กำหนดแนวทางในการแก้ปัญหา
1. ใกล่เกลี่ย ทำมาตลอดครับ ญาติพี่น้องฝั่งพ่อของฝ่ายหญิงเข้าใจและให้ความช่วยเหลือเต็มกำลังแล้วครับ ทุกคนอ่อนออกอ่อนใจไปตามๆกัน เช่นเดียวกับชาวบ้านแทบทุกคนที่รู้ความสัมพันธ์ของผมกับผู้หญิงต่างให้กำลังใจแต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงเท่านั้น
ญาติพี่น้องฝั่งแม่ของฝ่ายหญิงรู้ครับว่าอะไรเป็นอะไร ช่วยแก้ต่างให้ฝ่ายหญิง ย้ำชัดและยืนยันว่ายังไงงานนี้ต้นตอก็คือความเลวของผมเท่านั้น พวกเขาทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าฝ่ายหญิงเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้ทิ้งลูก(แค่บอกว่าลูกตายแล้วเท่านั้นเอง) ที่สำคัญยังพยามบอกกับชาวบ้านด้วยว่าไม่เคยขัดขวางที่ผมจะเอาลูกมาเลี้ยง (......) แม่ของลูกผมก็เล่นตามเกมส์ได้อย่างเคร่งครัด (ถ้าต้องการ เรื่องนี้หาข้อมูลได้ ...ผมคงไม่พูดมากไปกว่านี้จะดีกว่า)
.......ทุกวันนี้ผมก็ยังหาหนทางที่จะใกล่เกลี่ยอยู่.. ยอมรับว่าจนใจมาก มีอุปสรรคมากมายเหลือเกินและมีหลายเหตุผลแต่ไม่ขอบรรยายเพราะจะเป็นการให้ข้อมูลฝ่ายเดียว
2.ทำตามขั้นตอนทางกฏหมายหรือทางศาล...ผมทำตามขั้นตอนแล้วครับ แล้วคนที่นำเขาไปให้สถานสงเคราะห์ก็ขัดขวางผมทุกขั้นตอนแล้วเหมือนกัน ....ผมก็สงสัยและจนปัญญาเช่นเดียวกับหลายๆ คนที่สติยังดีอยู่(และไม่รู้ขั้นตอนของกฏหมาย) ว่า ตกลงหน้าที่ของมารดาคือการให้การเลี้ยงดู และ........(ไม่คิดว่าต้องบรรยายนะครับ) หรือว่าการทำทุกอย่างให้ลูกตัวเองได้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเด็กกำพร้า เด็กถูกทอดทิ้ง
.....เธอมีสิทธิ์ของความเป็นแม่ที่กฏหมายให้อำนาจในการปกครองบุตรได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นที่รู้กันอยู่ใครๆ ก็บอกผม ไม่ต้องเป็นนักสังคมฯ ยังรู้เลย ...แต่เธอขอใช้สิทธิ์ของความเป็นแม่ในการขัดขวางสิทธิ์ของเด็กที่เธอให้กำเนิด ลองย้อนกลับไปดูวัตถุประสงค์ของมูลนิธิต่างๆ ผมก็เลยสงสัยเพราะไม่เห็นมีข้อไหนที่บอกว่า...ข้อ xx.ทำทุกอย่างให้แม่ของเด็กสบายใจ (ไม่ต้องคิดมาก เด็กทารกมันจะรู้อะไร)
***ภารกิจหลักของสถานสงเคราะห์...(บางแห่ง) มีดังนี้ครับ
1. งานสงเคราะห์เด็ก
2. งานให้บริการทางสังคมแก่เด็กในครอบครัวและชุมชน
.....เอาหน้านี้ไปดูเลยดีกว่า http://khaenthongbaby.net/index4.html
......แล้วก็มีความรู้ด้านกฏหมายให้ด้วย "กฏหมายน่ารู้(สำหรับเจ้าหน้าที่สถานพินิจ...ล้อเล่นครับ)" http://khaenthongbaby.net/index7.html
ปล. ผมว่า web master ของสถานสงเคราะห์ฯ น่าจะนำเสนอความรู้เรื่อง"พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ 2546" แล้วก็ ประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ "บรรพ 5 ลักษณะ2 บิดามารดากับบุตร" ด้วยนะครับ ^_^
ข้อ 4. ลงมือปฏิบัติประเมินและติดตามผลงาน
............3 กุมภาพันธ์ 2554 สุภาพสตรีเจ้าหน้าที่ของมูลนิธเด็กท่านหนึ่ง ได้เปิดโอกาสให้ผมได้ขอความช่วยเหลือและเล่ารายละเอียดต่างๆ ทางโทรศัพท์
ประเมินสถานการณ์: เจ้าหน้าที่รับเรื่องแต่ไม่รับปากว่าจะช่วยอะไรได้ ข้อเสนอแนะที่ได้รับ อย่างแรกคือ พูดเหมือนเจ้าหน้าที่ที่มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก คือต้องทำตามขั้นตอนทางศาล อดทนรอต่อไป(เหมือนเดิม) ข้อสองหลังจากอ้อนวอนบ้าง ระบายบ้าง...เสนอแนวทางที่ไม่น่าเสนอบ้างหล่ะ(เฮ้อ..) เจ้าหน้าที่ท่านนั้นเลยแนะนำว่าให้ติดต่อมูลนิธิศูนย์พิทักษ์เด็ก เพราะว่าทำงานด้านนี้โดยตรง (...ครับ) อีกที่ก็คือที่มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก แนะนำให้ติดต่อไปที่ "สถานีสัญชาติ" และบอกว่าจะช่วยประสานให้
สรุป....ไม่คืบหน้า
สิ่งที่ต้องทำต่อไป
-แผนการระยะสั้น (แผนเร่งด่วน)
............ศึกษาข้อกฏหมาย ปรึกษานักกฏหมาย (ฟรี เท่านั้น)
...........เข้าหาผู้ใหญ่ฝ่ายพ่อของแฟนก่อน (ตามยุทธวิธีใกล่เกลี่ย...หนักใจมาก) แล้วก็ดูว่าจะทำอะไรได้บ้างกับญาติฝ่ายแม่ของแฟน (ต้องระมัดระวังตัวสุดๆ)
............นั่งเล่นเน็ต....หาข้อมูล ค้นหาหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ (ไม่รู้เหมือนกัน...ชักท้อแล้ว)
..............ขอความช่วยเหลือจากใครก็ตามทุกครั้งที่เห็นว่ามีโอกาส
............ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน
-แผนการระยะยาว (กรณียืดเยื้อ)
............รอขั้นตอนกระบวนการชั้นศาล ดำเนินตามขั้นตอนทางกฏหมาย ปรึกษาทนาย
............สร้างรถ Neo Trike นำเสนอแผนธุรกิจ หาผู้ร่วมลงทุน บริหารงานให้ประสบความสำเร็จ ยกระดับตัวเองทางสังคม.......หาเงินให้ได้เยอะๆ นั่นเอง (เงินสร้างความแตกต่างได้เสมอ)
............หาวิธีรับมือกับพฤติกรรมและผลกระทบทุกอย่างกรณีที่ลูกต้องเติบโตจนรับรู้ข้อพิพาทปัญหาต่างๆ ได้ หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ข้อ 5. วิเคราะห์หาความรู้และแนวทางใหม่ๆ ที่จะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์หลักได้
.....
******************ได้โปรดช่วยลูกผมด้วยครับครูหยุย*********************
http://www.youtube.com/watch?v=pp6_N-qOyCU คลิปสัมภาษณ์แม่เลี้ยงของนีโอ
ไม่มีความเห็น