ในแต่ละวัด แต่ละอาวาสที่อยู่กันเป็นหมู่คณะใหญ่ ย่อมจะต้องใช้มติของสงฆ์ในการที่จะรับสหธรรมิกใหม่ หรือรับพระเข้ามาอยู่ในอาวาส หรือรับเข้าหมู่คณะ แม้กระทั่งจะบวชพระใหม่ ก็ต้องมีการดูอุปนิสัยใจคอว่าจะอยู่ร่วมกับสังคมพระดั้งเดิม หรือหมู่สงฆ์ได้หรือเปล่า.. นี่คือที่มาของวัดแห่งหนึ่งในการญัติ (ข้อตกลง) ของพระในอาวาส..
ในวัดแห่งหนึ่งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมที่สัปปายะแห่งหนึ่งของจังหวัดชานกรุง มีพระอยู่ร่วมในอาวาสมากมาย มีคนเข้าออกมาถวายทานตามงาน วันพระ หรือวันอาทิตย์ค่อนข้างเยอะ หรือวันจัดกิจกรรมตามกำหนดการ จะมีผู้คนให้ความสนใจร่วมเป็นเจ้าภาพในด้านต่างๆ จึงเป็นที่นิยมของคนที่ต้องการจะให้ทาน และปฏิบัติไปพร้อมกันในเวลาจำกัด มักจะขับรถมาที่วัดแห่งนี้ สงบ ร่มรื่น สบาย และได้ปัญญากลับไป..
เทศกาลในงานบวชวัดแห่งนี้จะมีปีละ 3-4 ครั้ง และบรรพชาอุปสมบทหมู่กันหลายรูป.. ซึ่งจะต้องดูใจ ดูอุปนิสัยผู้จะบวชก่อนเป็นระยะเวลา 7-30 วัน เพื่อจะได้รู้ว่านิสัย หรือจริตอย่างไร จะได้ช่วยกันดูแล หากใครต้องการบวชไม่มีกำหนด หรือมีอายุมาก อาจจะพิจารณาให้บรรพชาเป็นสามเณรไปก่อน โดยไม่มีกำหนด เพื่อดูพฤติกรรมหลายเรื่อง เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก และยิ่งคนแก่ๆ ด้วยแล้วน้อยนักที่จะรับนิสัยพระได้ง่าย.. บางคนติดจริตนิสัย และตัวตนของความเป็นครูแก่ เกษียณอายุราชการมาบวช เพราะต้องการหาสงบ บางคนก็เป็นทนาย หอบหิ้วหนังสือธรรมะรูปแบบต่างๆ มาอ่าน บางคนเป็นสถาปนิคทำงานประเภทอาร์ทก็เยอะ..
บางรายได้เป็นพ่อนาคตั้งแต่กลางพรรษา จนถึงวันบวชเฉลิมพระเกียรติ บางรายถูกพระกลั่นแกล้งให้บวชนาค ตลอดไปไม่มีกำหนด เพราะไม่เข้าตาหมู่สงฆ์ ทนได้ก็อยู่ ทนไม่ได้ก็กลับบ้านไป...
บางรายมีความดีความชอบ เข้าถึงพระถึงครูบาอาจารย์ เมื่อบวชเสร็จก็ได้รับตัวตน หัวโขนในตำแหน่งต่างๆ ที่ไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถ เช่น พระ รปภ. ก็มีความสุขคอยถือวิทยุเดินไปเดินมาโก้เก๋ไปอีกแบบ.. แต่บางรายบวชแล้วต้องการสงบเคร่งแต่เครียด..เยอะแยะรูปแบบ..
มาที่พระองค์หนึ่ง เป็นพระใหม่รูปร่างสูงโปร่ง ดำ ริมฝีปากคล้ำ ท่าทางเจนจัดในทางโลก เป็นคนคล่องในการทำงานช่วยเหลือวัดเพื่อสร้างบารมีึ มาบวชในฤดูก่อนเข้าพรรษาเพื่อต้องแก้บน 3 เดือนตลอดพรรษา ด้วยความที่ดื้อรั้น ไม่ได้ตั้งใจบวช มีใจเอนเอียงในสิ่งหรือเรื่องราวที่ผิดทำนองครองธรรม กล่าวติเตียนหมู่คณะเสมอ มักจะพร่ำบนเกี่ยวกับเสขิยวัตรของพระ และเร่งวันเร่งคืนที่จะสึกออกไปอยู่โลกภายนอกอย่างเร็วกว่านี้.. หลายคำถามที่ดูถูกพระและไม่เกรงใจพระที่พรรษามาก แต่อายุน้อย จึงถูกพระเจ้าหน้าที่หมายเอาไว้ว่า หากต้องการสงบ หรือสอบพระวินัยจะให้ไปอยู่สำนักสาขาที่ต่างจังหวัด..
โดยอุปนิสัยทั่้วไปของท่านหนึ่งจะเป็นคนค่อนข้างขวางโลก มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่เชื่อใครและไม่ยอมใครง่ายๆ เพราะทำงานเกี่ยวกับมัณฑณากร ตกแต่งภายใน จะมีความคิดสร้างสรรค์ตลอดเวลาและอีกอย่างรายได้ดีมาก แต่ไม่มีเหลือเก็บที่จะสร้างชีวิตให้ดีขึ้น เพราะความที่ชอบสนุก สรรค์ในที่โก้หรู มีราคา..
ในสามเดือนที่อยู่วัตรปฏิบัติธรรม พระที่บวชเข้ามาจะต้องลด ละ และเลิกในบางสิ่งบางอย่าง พระภิกษุไม่ใช่พระปูน จึงรู้ร้อนหนาวในบางเรื่อง เข้ามาในร่มธรรมเพื่อลด ละ กิเลส ในบางอย่างที่ละเมิดจะต้องมีการประจานตนเอง หรือเค้าเรียกกันว่า "ปลงอาบัติ" เพื่อความสำรวมในข้อวัตรนั้นๆ วัดบางแห่งให้แปลด้วย และแยกเป็นวินัยแต่ละข้อ ว่าต้องข้อไหน? เพื่อจะได้มีสติในการตริตรอง... บางแห่งไม่แปล..ก็ว่ากันไป..
ท่านหนึ่งได้ไปอยู่พรรษาในจังหวัดใหญ่แห่งหนึ่งทางภาคเหนือ.. มีพระร่วมในอาวาสประมาณ 5-6 รูป เพราะบางวัดอยากได้กฐิน ถึงต้องนิมนต์พระจำพรรษาให้ได้ทั้งหมด 5 รูปขึ้นไป ถึงจะกรานกฐินได้และไม่เป็นอาบัติ..มีวินัยอีกหลายข้อในเรื่องของกฐินที่คนส่วนใหญ่ (ประมาณร้อยละ 90) ไม่ทราบเรื่องกฐิน
จนเวลาล่วงไปกลางพรรษาจะมีการประชุมสงฆ์กันที่วัดใหญ่ต้นสังกัด จึงได้มีการพบปะกันระหว่างพระแต่ละอาวาส ท่านหนึ่งไม่ได้มาด้วย.. เหตุว่าไม่มีใครดูแลวัดถ้ามากันหมดจึงไม่ได้เจอท่าน จนในที่สุดท้ายพรรษาก็ได้ไปร่วมงานกฐินสำนักที่ท่านจำพรรษาอยู่.. มีพระภันเต (ผู้พี่) มาร่วมกันด้วยหลายรูป เพื่อเอาอานิสงส์ผลบุญในการกรานกฐิน ต้องช่วยกันตัดเย็บผ้าทิพย์ และย้อม กว่าจะเสร็จก็หลายชั่วโมง หลังจากนั้นก็มีการกรานกฐิน คือคัดกรองหาผู้ที่จะครองผ้าผืนนี้.. เมื่อได้ผู้ครองผ้ากฐินแล้วก็สาธุการเป็นการเสร็จพิธี (ประมาณค่อนคืน)..
เมื่อไปถึงงานยังไม่เริ่ม แต่พระสหายจากวัดต่างๆ ที่เคยเป็นพ่อนาครุ่นเดียวกันก็มาพบเจอ หวังได้คุยกันและสอบถามเกี่ยวกับข้อธรรมบทต่างๆและมโนสาเร่ที่จะสนทนาด้วยความเป็นรุ่นพี่ที่ท่านหนึ่งเห็นวาสนิทที่สุด เมื่อลงรถ..และพักผ่อนก็ได้แวะเข้าไปที่กุฏิที่ท่านพักผ่อน.. เป็นกุฏิที่เคยจำพรรษาอยู่เมื่อก่อนนี้เป็นระยะเวลาสองพรรษา เพราะสะดวก และสะอาด เพราะเป็นสร้างเป็นปูนทั้งหลัง ชั้นเดียวติดพื้นดิน..
ใช้เวลาเรียกท่านพอสมควร แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ ลูกบิดก็ล็อค จึงให้พระช่วยกันเดินหาในป่า หรือในห้องน้ำรวม ในสถานที่ต่างๆ ท่านอาจจะอยู่แต่ไม่พบ จึงแน่ใจว่าท่านต้องอยู่ข้างใน.. และในที่สุดท่านพระอาจารย์เจ้าสำนักก็เอากุญแจมาให้..
อนิจจา..พระหนึ่ง นอนตะแคงโดยใช้ชุดที่นอนหมอนสามเหลี่ยม..ในสภาพกลิ่นปัสสาวะคลุ้งไปทั่วห้อง นัยน์ตาค้าง ไม่รู้สึกตัว..พยายามเรียกหลายครั้ง แต่นัยน์ตาก็ไม่หลับลง ขยับตัวไม่ได้ แต่ยังมีลมหายใจอยู่..
งานพิธีจะเริ่มขึ้นในช่วงสายของวัน.. แต่ท่านหนึ่งถูกพระสหายธรรมหลายรูปช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลประจำจังหวัดที่ดีที่สุด.. เพื่อรักษาท่านให้ทุเลาโดยด่วน เหตุการณ์ในวัดปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะไม่อยากให้ญาติโยมที่มาร่วมงานตกใจจนกังวล ช่วงบ่ายของวันคณะพระที่มาช่วยงานจึงไปเยี่ยมไข้.. และได้ทราบว่าท่านมีอาการของเส้นเลือดฝอยในสมองแตกหลายตำแหน่ง อาจจะต้องเป็นอัมพฤก ต้องทำการผ่าตัดด่วน และต้องรักษาตัวอีกหลายเพลา กว่าจะหายเป็นปกติ..
หลังจากเสร็จสิ้นงานกฐินแล้ว พระหนึ่งก็รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลในทางภาคเหนือ และกลับมาในใจกลางกรุง ด้วยความสนใจดูแลของเพื่อนสหายธรรมหลายรูปเพื่อเป็นการสร้างบารมี จึงทำให้ท่านหายเร็วขึ้น กำลังใจและความรู้สึกที่ดีที่มีให้กันและกัน..
ไม่นานท่านก็เข้ามาขอขมาในเรื่องต่างๆ ขณะที่ท่านป่วยอยู่ ทำให้ท่านเชื่อเรื่องกรรมมากขึ้น หลายเรื่องที่ท่านเจตนาทำในขณะที่เป็นโยม และในขณะที่เป็นพระ.. ท่านเล่าให้ฟังทุกเรื่อง และนั่นก็คือ "วิบากของกรรม".. วิบากกรรมที่ท่านได้รับตอนเป็นพระ ท่านให้ท่านสำรวม ระวังในเรื่องความเป็นอยู่ และต้องตั้งใจอยู่ในร่มธรรม ต้องอยู่ให้ได้และทำให้ได้ เพราะครั้งหนึ่งเราได้เกิดเป็นผู้ชาย และได้บวชเพื่อใกล้ชิดพระพุทธเจ้า ผู้สูงสุดและประเสริฐสุดในอริยะทั้งปวง...ต้องอยู่ให้ได้
กายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี อย่าได้คิดเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจตนา ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี ขอให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกันด้วยเถิด
ไม่มีความเห็น