หากดูจากไตเติ้ลที่ผู้เขียนได้นำมาเป็นหัวข้อเรื่องแล้วคิดเพียงชั้นเดียวว  จะได้คำตอบที่ตรงกันออกมาเป็นคำถามว่า  แล้วจะเทน้ำให้เต็มแก้วที่รั่วนั้นให้เต็มอย่างไร  คำตอบที่ตอบได้ทันทีคือเป็นไปไม่ได้แล้วก็จบเท่านั้น  แต่หากมองในมุมมองที่ลึกลงไปกว่านั้น  ผู้เขียนกำลังชี้ให้เห็นประโยชน์ของการใช้ความอดทนในเจตนาที่จะทำเพื่อผู้อื่นอย่างไม่จำกัดแล้วอย่างไม่มีแววที่จะเห็นผล  แต่แท้จริงแล้วนั้นผลได้เกิดขึ้นแล้วกับผู้ที่มีเจตนาทำเพื่อผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์ใจโดยไม่สนใจว่าผลนั้นจะเป็นอย่างไรเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่  ในท้ายที่สุดแม้ผลนั้นจะไม่เกิดเป็นรูปธรรมขึ้นมาเหมือนการพยายามเทน้ำใส่แก้วที่รั่วให้เต็มแต่ก็ยังทำเพื่อผู้อื่นต่อไปนั่นเอง

การหวังผลตอบแทนอย่างละเอียดและแยบยลคือการหวังผลนั้นให้เกิดขึ้นกับผู้อื่น  ถึงแม้จะเป็นการหวังให้ผลนั้นไปเกิดกับผู้อื่นแล้วก็ตาม  เมื่อใดก็ตามยังมีความหวังเมื่อนั้นย่อมมีความท้อแท้เกิดขึ้น  เพราะเรายังหวังลึก ๆ  ว่าสิ่งที่เราทำในปัจจุบันนี้เมื่อใดจะเกิดผล  การหวังผลตอบแทนขั้นละเอียดนี้ก็ยังสามารถก่อทุกข์ให้กับตนได้อยู่  แล้วทุกข์ที่เกิดขึ้นกับตนนั้นเป็นทุกข์ที่ละเอียดหากไม่ใช้ประสบการณ์ในการสังเกตุอาจจะมองไม่เห็นว่าความทุกข์ในตนได้เกิดขึ้นแล้ว  และเมื่อเป็นความทุกข์ที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว  สภาวะที่เกิดการกัดกร่อนทางจิตใจก็เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน

ความละเอียดลึกซึ้งแล้วก่อทุกข์ให้เกิดขึ้นในตน  ย่อมเป็นความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนยากที่ปุถุชนจะมองเห็น  ตรรกะที่ว่าการเทน้ำใส่แก้วน้ำที่รั่วให้เต็ม  จึงนำมาใช้เปรียบเทียบการทำดีเพื่อผู้อื่น  นั่นหมายความว่าไม่หวังผลแห่งความดีแล้ว  ซึ่งเป็นปกติของผู้ติดทองหลังพระ  หากแต่พัฒนาให้สูงกว่านั้นคือไม่หวังผลหรือไม่รู้เสียด้วยว่าผลนั้นจะเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่เมื่อใด  ขอให้มีความริเริ่มในการทำเพื่อผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์ใจก็พอแล้ว  จึงมีลักษณะเหมือนการเทน้ำใส่แก้วน้ำที่รัวให้เต็ม  ถ้าน้ำเต็มได้ก็ยินดีมีมุทิตาจิต  ถ้าน้ำรั่วออกไม่หยุดก็ไม่มีย่อท้อต่ออุปสรรคมุ่งมั่นที่จะทำเพื่อผู้อื่นต่อไปด้วยกำลังใจที่ล้นเปี่ยมเสมอ  นั่นหมายความว่าการกระทำดังกล่าวได้ผ่านการวิเคราะห์ตามเหตุปัจจัยโดยการใช้ปฏิจจสมุปบาทเป็นอย่างดีแล้วว่าผลนั้นจะมีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้  แม้ปัจจุบันจะไม่เห็นผลหรือเห็นผลเลือนลางเหมือนการเทน้ำให้เต็มแก้วที่รั่วก็ตาม

เฉพาะการปิดทองหลังพระหรือการทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทนมาถึงตนก็ยากเต็มทน  กว่าจะดับความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากคำถามที่ว่าเมื่อใดสิ่งที่ดีจะเกิดขึ้นกับตนก็นับว่ายากแล้ว  แต่การไม่หวังผลที่เกิดขึ้นต่อผู้อื่นและส่วนรวม  โดยไม่หวังว่าเมื่อไรผู้อื่นและสังคมจะสงบสุขยิ่งยากกว่าการหวังผลตอบแทนเพื่อให้ผลนั้นส่งถึงตนนั้นยากกว่าหลายเท่า  ความรู้สึกที่ว่าเมื่อไรผู้อื่นและสังคมสงบสุขจะก่อทุกข์ให้ตนได้มากกว่าความรู้สึกที่ว่าเมื่อไรตนเองจะได้รับผลดีหรือประสบความสำเร็จเสียอีก  ความปรารถนาโดยหวังว่าจะให้ประโยชน์สุขเกิดขึ้นต่อผู้อื่นและสังคมจึงดับได้ยากกว่าความรู้สึกที่อยากให้เกิดขึ้นกับตนมากมายมหาศาล  แต่หากไม่ดับหรือดับความรู้สึกนี้ไม่ได้ก็นำทุกข์มาสู่ตนเช่นกัน  ด้วยเหตุนี้ตรรกะที่ว่าเทน้ำให้เต็มแก้วที่รั่วจะถูกนำมาพิชิตความรู้สึกที่ทำให้ตนเป็นทุกข์ในขั้นละเอียดอ่อนเช่นนี้ได้

ดังนั้นการทำดีโดยการทำเพื่อผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์โดยเจตนา  โดยไม่หวังผลใด ๆ  ต่อตนเองหรือผู้ใดแต่อย่างใดทั้งสิ้นเกิดขึ้นตามเจตนาก็ดียังไม่เกิดก็มีความเพียรต่อไปไม่ต้องสนใจว่าจะยากเย็นแสนเข็ญเพียงใดก็ตาม  หากใครทำเช่นนี้ได้จะได้ชื่อว่าเป็นวีระบุรุษหรือวีระสตรีอย่างแท้จริง  เพราะการทำเช่นนี้ได้เหมือนการพยายามเทน้ำใส่แก้วที่รั่วให้เต็มอย่างไม่รู้ว่าจะเต็มเมื่อไร  เต็มแล้วก็ยังรั่วออกได้อีก  จึงทำได้ยากยิ่งที่จะใส่น้ำในแก้วที่รั่วให้เต็มแต่ก็ยังเพียรที่จะเทน้ำใส่แก้วน้ำนั้นต่อไปอย่างไม่ต้องมีความหวังใด ๆ  ทั้งสิ้น