การแคร์ความรู้สึกคนอื่น  คือความรู้สึกที่คิดว่า  เราทำอย่างนี้แล้วคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร  การแคร์ความรู้สึกคนอื่นจะทำให้การตัดสินใจการกระทำในสิ่งใดก็ตาม  ความคิดซึ่งคิดไปเองว่าคนโน้นคนนี้จะรู้สึกอะไร  จึงทำให้สิ่งที่เราแสดงออกมาไม่ตรงตามความเป็นจริงตามที่ใจคิด  ฉะนั้นผู้ที่แคร์ความรู้สึกคนอื่นจึงขาดพลังในการทำเพื่อผู้อื่นลงไปได้อย่างมากทีเดียว

ผลจากความไม่จริงใจโดยประการทั้งปวง  จะส่งผลถึงตนเองเสมออย่างช้าไม่ช้าไปกว่ายามละสังขารในชาตินั้น ๆ  อย่างแน่นอน  ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้เขียนจึงเขียนทุกอย่างที่เป็นความจริง  ทั้งความจริงจากความรู้สึก  ซึ่งถึงแม้จะเป็นความรู้สึกก็เป็นพื้นฐานที่ตั้งอยู่บนทฤษฎีในทางธรรมซึ่งแอบแฝงไปด้วยสัจธรรม  ถึงแม้การทำเช่นนี้จะทำให้ผู้เจียนหรือใครก็ตามมีความอึดอัดใจที่จะกระทำ  แต่เมื่อทำไปแล้วผลจะไปส่งผลหลังความตายให้ได้รับผลตามเจตนานั้นเสมอ  อย่างเช่นผู้เขียนไม่ว่าจะเขียนเว็บโดยใช้สำนวนที่กระชากความรู้สึกของผู้ที่ได้อ่านเพียงใดก็ตาม  แล้วหลายครั้งก็ไม่อยากเขียนออกมา  แต่ผู้เขียนก็รู้ทั้งรู้ว่าอนุสัยในจิตและสันดานในสมองจะถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นได้อย่างน้อยต้องมีปฏิฆะเกิดขึ้น  ซึ่งแน่นอนว่าการเขียนบทความทำนองนี้มีผลต่อจำนวนผู้เข้าชมอย่างแน่นอน  เมื่อผู้เขียนทำไปแล้วมีผลต่อผู้เขียนในปัจจุบัน เช่นทำให้ผู้อ่านขัดเคืองใจไม่อยากอ่าน  แต่ผลที่พิสูจน์จริงอยู่ที่ทั้งผู้เขียนแล้วผู้อ่านทั้งหลายตายไปแล้วนั่นแหล่ะ  เมื่อถึงเวลานั้นผู้อ่านทั้งหลายจะถามผู้เขียน ว่าในฐานะผู้เขียนเป็นเทพแล้วก็รู้ว่าตนเองเป็นเทพในร่างมนุษย์แล้วทำไมไม่ช่วยให้ผู้อ่านทั้งหลายพ้นทุกข์  ผู้เขียนจะตอบได้อย่างเต็มอกว่า  ผูเขียนได้เขียนเว็บกระทุ้งความทุกข์ของผู้อ่านแล้ว  ผู้อ่านนั่นแหล่ะมัวแต่มานั่งทุกข์  ตั้งแง่ตั้งเงือนไขในการอ่าน  ฯลฯ  แทนที่จะมองหาว่าทำไมตนเองทุกข์และแล้วผู้เขียนก็รอดตัวจากการมีผู้อ่านทั้งหลายเป็นนายเวร  แล้วผู้เขียนก็เป็นนายเวรของผู้อ่านทั้งหลายต่อไป

เรื่องความจริงใจหรือไม่จริงใจนี้ต้องเขียนถึงผลที่จะได้รับให้ไว้ละเอียดอย่างชัดเจน  เพราะเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้เราทั้งหลายรู้จักหิริโอตปะ  เมื่อเราทั้งหลายรู้ว่าหากเอาตัวรอดในปัจจุบัน  แล้วส่งผลเสียให้ตนเองในภายหลัง  เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเขียนออกมาให้อ่านให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปเลยไม่ดีหรือ  อย่างแรกเป็นช่องทางการสร้างบารมีในทางธรรมของผู้เขียน  แต่อย่างสำคัญคือผลที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนหากผู้เขียนเอาตัวรอดโดยการไม่กล้าเขียนสิ่งที่รู้  ผลจะเกิดขึ้นตั้งแต่ปัจจุบันเป็วิบากต่อผู้เขียนทันทีแล้วสะสมไว้ในความรู้สึกของผู้เขียนไปจนตลอดชีวิตว่า  "ทำไมไม่กล้าเขียนหรือกลัวจะไม่มีคนอ่าน"  แล้วพอผู้เขียนกับผู้อ่านทั้งหลายตายไป  แล้วผู้เขียนเจอคำถามเดิม  ผู้เขียนจะตอบคำถามผู้อ่านทั้งหลายไม่ได้  แล้วผู้อ่านทั้งหลายจะกลายเป็นนายเวรของผู้เขียนในที่สุด

ความไม่จริงใจนี้  เป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวของผู้ที่ไม่จริงใจทั้งหลาย  เช่นสมมุติว่าผู้เขียนตายไปแล้ว  แล้วผู้เขียนไม่มีความจริงใจคือตอบคำถามผู้อ่านทั้งหลายไม่ได้  แล้วได้รับความบีบคั้นทางจิตใจอันมีสาเหตุมาจากมีผู้อ่านทั้งหลายเป็นนายเวร  แล้วผู้เขียนเกิดทนสภาพกับความกดดันเช่นนั้นไม่ไหวทั้ง ๆ  ที่ผู้เขียนไปอยู่บนสวรรค์แล้วน่าจะสบายดีอยู่แล้ว  แต่กลับไม่สบายใจเพราะถูกกดดันด้วยเหตุที่มีผู้อ่านทั้งหลายเป็นนายเวร  ท้ายสุดผู้เขียนต้องแก้ปัญหาโดยการหนีลงมาเกิดแล้วเวียนว่ายตายเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตอีก  แล้วก็เวียนว่ายตายเกิดสร้างบาปกรรมไม่รู้จักจบสิ้นต่อไปอีก  นี่คือโทษซึ่งร้ายแรงแล้วของการไม่มีความจริงใจ

อย่างไรก็ตาม  ลำบากวันนี้สบายวันหน้าเสมอ  สบายวันนี้ก็ลำบากวันหน้าเสมอ  ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีเหตุปัจจัย  เนื่องจากผู้เขียนมีประสบการณ์จากการตายมาแล้ว  ทำให้ผู้เขียนได้เปรียบเพราะมีประสบการณ์จากการตายมาอย่างโชกโชน  ทำให้ผู้เขียนสามารถคาดการณ์ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นจากการกระทำในปัจจุบันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างจากการกระทำในปัจจุบัน  โดยมีประสบการณ์ในอดีตเป็นครูให้กับผู้เขียนเอง  ผู้เขียนจึงสามารถเล่าประสบการณ์แล้วคาดการณ์สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นมาแล้วให้ผู้อ่านทั้งหลายได้ฟังนั่นเอง