ลำนำชีวิต


หน้าที่ที่ไม่ได้ทำด้วยจิตวิญญาณแห่งความเป็นเจ้าของประเพณีและวัฒนธรรม ทำเพียงตามเงินจ้างรายเดือนหรืองานที่เหมาเป็นจ๊อป!!

          สังคมไทยทั้งหมดที่กล่าวถึงนี้ไม่ใช่เพียงแค่ในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ เท่านั้นแต่นับรวมทุกตำบลและหมู่บ้านทั่วประเทศไทย.. ซึ่งบางคนอาจจะไม่ใช่ความรู้สึกหรือความหมายอย่างนี้ หรือลืมคิดนึกไปเพราะอยู่แต่ในสังคมเมืองหลวง นิยามของสังคมไทยก็ต้องหมายรวมเอาทั้งหมดไปด้วยกัน...

วัฒนธรรมและยุคต่างๆ ของสมัยนิยมได้แผดเข้าไปสู่ทุกมุมบ้าน อาจจะปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเกือบทุกหลังคาเรือน มีดาวเทียม มีเคเบิ้ลทีวี มีอินเตอร์เน็ต หรือแม้กระทั่งเตาอบแบบต่างๆ ซึ่งนับว่าไม่จำเป็นเลยสำหรับความเป็นอยู่ ..เพียงแค่สนองอยากเหมือนอย่างที่คนอื่นเขามีกัน  จะได้ไม่น้อยหน้าหรืออับอายเวลามีเพื่อนมาเยี่ยมบ้าน..ความคิดคนเราก็ได้แค่นี้..

การดิ้นรนสร้างอาชีพในรูปแบบต่างๆ จึงเกิดขึ้นในสังคมชนบท เข้ามาเมืองหลวงเพื่อหางานทำ เพื่อสร้างรายได้และสร้างโอกาสให้กับตนเอง เพื่อเพิ่มศักยภาพความสามารถหรือความเป็นอยู่ให้ดูสูงกว่าอดีต.. บางบ้านเท่าที่เคยเข้าไปสัมผัสไม่นิยมให้บรรดาลูกหลานพูดภาษาพื้นเมือง พยายามที่จะพูดภาษาไทยภาคกลางให้ชัดที่สุด จะได้ไม่ไปทำโก๊ะให้ชาวกรุงเห็นว่าตน..มาจากบ้านนอก!!!

นี่แหละคือการสอนลูกสอนหลานให้ตาบอด!!! ไม่เห็นจารีตวัฒนธรรมเก่าโบราณที่เคยสืบสานกันมา....มีหลายหน่วยงานพยายามที่จะฟื้นฟูและสืบสานงานเก่าให้คงไว้ แต่ก็ทำเพียงเพราะตำแหน่ง หน้าที่ที่ไม่ได้ทำด้วยจิตวิญญาณแห่งความเป็นเจ้าของประเพณีและวัฒนธรรม ทำเพียงตามเงินจ้างรายเดือนหรืองานที่เหมาเป็นจ๊อป หรือที่เรียกว่าทำตามอัตราจ้าง..อืมม์นี่สังคมไทยกำลังถูกแปดเปื้อนไปด้วยมลทิน สังคมโลกที่หมุนไปตามยุคสมัยจากการสร้างสรรค์ด้วยน้ำมือมนุษย์ด้วยกัน แต่คนละรสนิยมหรือคนละรูปแบบชีวิต เพียงแต่มีอำนาจทางสื่อ หรือมีอำนาจทางการซื้อมากกว่าก็จูงจมูกลูกชาวนาให้เข้ามาสู่วังวนแห่งโลกาภิวัฒน์..แล้วใช่การพัฒนาที่แท้จริงไหมเล่า?

จิตวิญญาณแห่งความเป็นคนที่มีแต่การให้และการเอื้อเฟื้อในกลุ่มญาติพี่น้องและบรรดาคนร่วมชุมชนได้หมดไป.. รั้วปูนสูงตระหง่านกั้นเขตบ้านแต่ละหลังให้มิดชิด ดูเหมือนเราไม่เคยรู้จักกัน ต่างคนต่างอยู่.. เด็กน้อยโตขึ้นทุกวันกลับไม่รู้จักคนข้างบ้านที่เคยช่วยบดกล้วยบดปลาทูให้กิน  มันน่าอดสูแท้.. ความผูกพันธ์กำลังจะเลือนหาย ความวุ่นวายในสังคมโลกยุคใหม่กำลังจะคืบคลานเข้ามา...

หลายพื้นที่ตามหมู่บ้านในทุกภาค บ้านบางหลังถูกรื้อทิ้ง เหลือเพียงแต่ซากเสา ห้องน้ำ หรือต้นไม้ในกระถางที่รอวันตาย สภาพเป็นพื้นที่ขาดการดูแล เพียงเพราะต้นตระกูลหรือพ่อแม่สิ้นไป ไม่มีใครอยู่ด้วยเพราะตนเองต้องอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ จึงรื้อบ้านขายไม้เก่า ไม่มีความผูกพันใดๆ ที่จะเก็บไว้ให้ยุ่งยาก เพราะสิ้นสุดกันแค่นี้ไม่ต้องเป็นภาระให้ใครต้องมาดูแล เหลือเพียงแต่ความทรงจำที่รอวันจาง..

ชนบทยุคใหม่ปรับแนวคิดและนิสัยเหมือนคนในหมู่บ้านสำเร็จรูปตามตัวเมืองเพราะมีรั้วซีเมนต์มากั้นไว้ ชนบทยุคใหม่ต่างคนต่างอยู่ และถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาเพราะมีความเป็นส่วนตัวไม่ต้องเสียเวลาเอื้อเฟื้อให้ใคร..อาจจะเป็นเพราะกลัวเสียเวลาดูภาพยนตร์เรื่องยาวจากเอเชียที่กำลังเป็นที่นิยม..หรือแฟชั่นที่มีให้ชมตลอด 24 ชม. ผ่านดาวเทียมบานใหญ่ที่ติดตั้งไว้หน้าบ้าน..

และตอนนี้สังคมชนบทยุคใหม่รอการเยียวยาจากผู้รู้อีกหลายเรื่อง.. เพราะว่าค่านิยมที่มากับสังคมโลกาภิวัฒน์ทำให้คนถูกล้างสมองและเรียนรู้ในสิ่งที่ผิดหลายเรื่องราว ทำให้ขนมธรรมเนียมและประเพณีทีสืบสานถ่ายทอดกันมาไม่มีมนต์ขลัีง ยั้งจิตใจให้โอนอ่อนเหมือนกับผู้เฒ่าผู้แก่เมื่ออดีต วัฒนธรรมที่ล้ำค่าได้ถูกกลืนไปกับอินเตอร์เน็ต ทุกสิ่งอย่างถูกเก็บเอาไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์อันน้อยๆ วางบนโต๊ะเล็กๆ ...

และทุกสิ่งอย่างก็ถูกมองเป็นเรื่องเล็ก ไม่น่าตื่นเต้น หรือไม่น่าค้นหา เพราะเพียงว่าอยากทราบอะไรหรือต้องการอะไร เพียงแค่ปลายนิ้วหาข้อมูลทุกเรื่องราวจากเครื่องประมวลผลเท่านั้น...แล้วชีวิตก็เล็กๆ เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว..

หมายเลขบันทึก: 423138เขียนเมื่อ 29 มกราคม 2011 15:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม 2012 16:26 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท