น้ำบ่าดาย..เจ้า..


สะท้อนใจ...คนดีกำลังจะจากไป...เหมือนใบไม้อีกใบในป่าใหญ่กำลังจะร่วงหล่น

"ตุ๊จ๋านเจ้า....บ่าฮู้ว่า ตุ๊จ๋านจะฮับน้ำอะหยังดีเจ้า....!!!"

   อีกสำเนียงหนึ่งที่เป็นสัญญา ติดก้องอยู่ในหูเวลาเดินทางขึ้นทางภาคเหนือ..น้ำเสียงของหญิงมีอายุรูปร่างท้วม ไม่สูงมากนัก กับชุดไทยพื้นเมืองผ้าสิ้นลายทางเชียงใหม่ ที่สร้างความเปิ่นให้กับพระภาคกลางที่ไปร่วมบุญในหลายปีก่อน...มุข "ถวายน้ำ" ของแม่น้อยสร้างอารมณ์ขันได้หลายกระบุงเทียว เมื่อนึกถึงทุกครั้ง...

เมื่อครั้งที่อาตมาขึ้นไปจังหวัดเชียงใหม่เมื่อหลายปีก่อน เพราะพระอาจารย์เจ้าสำนักนิมนตร์ไปช่วยสร้างวัด อาตมาก็ไม่รู้ด้วยความเป็นพระใหม่ในข้อวัตร สิกขา และเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับวินัย รวมถึงการสร้า่งวัด เพราะไม่เคยทำ เห็นท่านนิมนตร์ขึ้นรถตู้ ด้วยความที่อยากจะร่วมสร้างวัดก็เลยบึ่งรถมาถึงเชียงใหม่ และได้อยู่ที่นีี่มาร่วม 2 พรรษาในสมัยนั้น..คะโยม (อ่านว่า คะ-โยม แปลว่า ญาติโยม) ดีใจหลายที่เห็นตุ๊เจ้า (พระ) มาร่วมกันสร้างวัด...

"แป๋งเอกสารฮื้อมันแล้วๆ เหียเน้อตุ๊จ๋าน ไปยื่นเขาจะได้บ่ามีปั๋นหา"

เสียงคะโยมนั่งคุยกันและนั่งเรียนท่านเจ้าสำนักวัยห้าสิบกว่าที่สุขุม นุ่ม และน่าเกรงขามยิ่งนัก  อาตมาเป็นพระใหม่ที่ติดสอยกันมาหลายองค์ที่นั่งลำดับฉันบาตร กันอย่างเงียบสงบ... บรรยากาศในธรรมสถานแห่งนี้เป็นเพียงสำนักสงฆ์ ยังไม่ขึ้นเป็นวัดเสียทีเดียว ขาดอะไรอีกหลายๆ อย่าง ซึ่งได้พยายามสร้างวัดกันมานาน..แต่ไม่สำเร็จ มาในครั้งนี้เป็นอีกความพยายามหนึ่งของพระเดชพระคุณท่านพระอาจารย์ ที่จะทำให้สำเร็จ..

เนื้อที่วัดเพียงหกไร่กว่ากับกำแพงปูนรอบวัดที่จัดทำขึ้น มีกุฏิรายรอบกำแพงบริเวณวัด โรงครัว โรงธรรม โบสถ์หลังน้อยบนเนินต่ำ ศาลาที่พักนักบวชหญิงสองชั้นทรงไทย ศาลาหลังน้อยเอนกประสงค์ที่จัดสร้างด้วยความคิดแบบร่วมสมัย ก่อปูนและทำเป็นลายลักษณ์แบบไม้ กระบอกไผ่ ตอเผา ฯลฯ ซึ่งเป็นดีไซน์ที่น่ารักและประหยัด เจ้าของต้นคิดเป็นพระอาจารย์เมืองสุพรรณบุรี (เช่นเดียวกับท่านเจ้าสำนัก) ซึ่งฝากเอาไว้เป็นที่ระลึกได้อย่างงดงาม...

แม่น้อย เข้ามาปฏิบัติธรรมในวัดแห่งนี้มานานนับสิบปี..ตั้งแต่ยังทำธุรกิจส่งผักเข้าตลาดสี่มุมเมือง...แม่น้อยเคยเล่าว่า

"เจ้าถูกโกงมาหลายเตื้อ (ครั้ง).. เจ็บใจ๋ขนาด  ต๋อนนั้นฟุ้งซ่านนอนบ่าหลับ..ตุ๊กใจ๋แต้.."

ด้วยสำเนียงที่น่ารักและความซื่อของแม่น้อย ทำให้อาตมาอดขำในถ้อยทีของเธอไม่ได้.. บางครั้งนำตาไหลเพราะคำพูด สร้างอารมณ์ขันไม่น้อย โดยเฉพาะมุกถวายน้ำ...(พระสหายของอาตมาก็เคยโดนมุกนี้..ซึ่งเธอเล่นคนเดียวมาหลายปี)

"...ตุ๊จ๋านเจ้า...บ่าฮู้ว่าตุ๊จ๋านจะฮับน้ำอะหยังดี"

"มีน้ำอะไรบ้างล่ะโยม?" พระใหม่เมืองกรุงเอ่ยถามต่อ

"มีน้ำบ่าเกี๋ยง  บ่าก้วย บ่าลำไย บ่าขะนัด เก็กโฮย และก่าน้ำบ่าดาย"

"เอาน้ำไอ้ข้างหลังสุดนี่ละ ท่าจะแปลกดี.. อะไรน่ะ บ่าดาย บ่าดาย เอามาๆ"

"เจ้า.." 

สักพักโยมก็ยกถาดน้ำมา พร้อมกับน้ำปานะที่สาธยาย โยมบรรจงถวายน้ำแต่ละองค์ด้วยท่าทีอ่อนน้อม กราบทุกองค์ด้วยความศรัทธาจากใจ.. และมาถึงองค์สุดท้าย เหลือเพียงแก้วน้ำใบเดียวพร้อมน้ำ ที่โยมจัดถวาย...

"ไหนล่ะโยม อ้ายน้ำบ่าดาย น้ำบ่าดายของโยมน่ะ อยู่ไหน?" ท่านถามด้วยสงสัย

"นี่จะไดเจ้า...(เสียงยานๆ) น้ำบ่าดาย" (เสียงโยมหัวเราะเล็กน้อยน่ารัก)

"นี่มันน้ำเปล่าหนิโยม"...

"แม่นละเจ้า......... น้ำบ่าดายก่าคือน้ำเป-ล่า  หรือน้ำเปล่าเจ้า...อิอิอิ"

"เสียงญาติโยมที่นั่งมองอยู่พากันหัวเราะงอหาย  เพราะมุขนี้แม่น้อยจะเล่นกับพระใหม่ที่ไม่เคยขึ้นมาทางเหนือ...เป็นการเย้าหยอกสร้างความคุ้นเคย"

แม่น้อยเป็นแม่ขาวที่จิตใจงดงาม การดูแลพระสงฆ์ องค์เณรไม่ใช่แค่เพียงสำนักสงฆ์แห่งนี้แห่งเดียว วัดทั่วทั้งเมืองเชียงใหม่ รู้จักแม่น้อยกันเป็นอย่างดี ด้วยความใจดี อุทิศกายใจทั้งชีวิตมอบแด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์  จิตที่อาสาดูแลความเป็นอยู่ของพระในวัด จึงเป็นเรื่องราวที่สำคัญสำหรับแม่น้อย... รถอีซูซุเก่าคันหนึ่งข้างหลังเป็นกะบะติดหลังคาแคปที่ใช้งานมานานนับสิบปี กับงานขนผักส่งตลาดสี่มุมเมืองเมื่อสมัยก่อน เพื่อลูกเพื่อครอบครัว เป็นหญิงม่ายที่สู้งานมาทั้งชีวิต หนีความจนและยอมทนกับความลำบาก..และการถูกคดโกงจากเงินค้าขายผักที่คิดรวมแล้วหลายแสนบาท... แต่แล้วแม่น้อยก็ยกหนี้ให้... หันหลังเข้าวัดเต็มตัวในตอนท้าย..

ชีวิตในช่วงท้ายกับการรับส่งพระไปในที่ต่างๆ ซึ่งโยมจะได้เงินเบี้ยเลี้ยงจากลูกๆ วางไว้ให้ใช้วันละสามร้อยบาท แล้วแต่ว่าจะเอาไปทำอะไร ไม่ีเคยตำหนิแม่เลย เป็นความสุข และเป็นความสุขของแม่น้อยเช่นเดียวกันที่จะได้สร้างกุศลบารมี โดยการรับใช้พระคุณเจ้า

อาตมาอาศัยร่มธรรมในสถานที่แห่งนี้มาได้สองพรรษาเต็ม (ร่วมสองปี) ได้รับความอนุเคราะห์จากโยมน้อยตลอดมาและในที่สุดก็กลับสู่วัดป่าใจกลางเมือง..

หลังจากที่ไม่ได้ติดต่อกับสำนักสาขาที่เชียงใหม่นี้อีก อาตมาทราบภายหลังว่า โยมน้อยเป็นมะเร็งที่เต้านมและปากมดลูกในระยะสุดท้าย...รู้สึกอึ้ง..กับข่าวนี้...แม่ขาวที่วัดใหญ่เล่าให้ฟังว่า โยมน้อยเป็นโรคร้ายนี้มานาน แต่ดูแลตัวเองตลอดโดยการทำจิตใจให้สงบ นิ่ง และมีความสุขกับการปฏิบัติธรรมทุกเวลา ทุกนาที  มีธรรมะตลอด ใชัจิตมองเวทนาเวลาที่มันกล้าหรือมันทรมาน  โยมน้อยจะกำหนดอาการเหล่านี้ ไม่แสดงสีหน้าให้ใครทราบ...แม้กระทั่งอาตมา..

รู้สึกสะท้อนใจ..คนดีกำลังจะจากไป..เหมือนใบไม้อีกใบในป่าใหญ่กำลังจะร่วงหล่น...

น้ำเสียงปลายสายที่อาตมาโทร.ไปคุยด้วยกับแม่น้อย สร้างความประทับใจจนถึงทุกวันนี้..เกือบสิบปีที่แม่น้อยจากไป.. ไม่ขอความเห็นใจ ไม่ขอกำลังใจ แต่ตรงกันข้ามกำหนดเวทนาและโดยใช้จิตภาวนาตลอด..

เคยได้ยินแม่น้อยพูดเล่นมานานแล้วว่า..."มะเร็งมันมาเล็งคะโยมไว้เมินแล้วเจ้า...แต่เจ้ายังสบายมาก เรื่องเล็กน้อย..." 

กำลังจะบอกท่านผู้อ่านทุกคนว่า โรคภัยไข้เจ็บ มันเป็นเรื่องสามัญปกติที่ทุกคนหนีไม่พ้น โรคใกล้ตัวที่สุดคือ "ความหิว" หิวในเรื่องราวต่าง ๆ เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับโรคอุปทาน... ให้เราสังเกต กำหนด และพิจารณ์ดูเรื่องโรค...ภัย...ใกล้ตัวกันบ้าง..

หมายเลขบันทึก: 423017เขียนเมื่อ 28 มกราคม 2011 17:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 18:13 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

นมัสการเจ้าค่ะ

ขำเรื่อง"น้ำบ่าดาย"ของแม่น้อยมากเลย

คนดีมักมีคนต้องการมากแม้แต่ความตายนะคะ....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท