ทุ่นเงินเป็นทุ่นที่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา เพื่อที่จะใช้เป็นทุ่นสำหรับทำแพโดยเฉพาะ ทำจากปูนซีเมนต์ปั้นให้มีรูปร่างคล้ายโอ่งใหญ่ สำหรับใส่น้ำฝนที่มีใช้กันอยู่ทั่ว ๆ ไป รูปทรงกลมแป้น คล้ายลูกอิน (ลูกอินจะค่อนไปทางกลม ส่วนลูกจันจะค่อนไปทางแบน ผมเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่จะไม่รู้จักเลยทั้งสองลูก ) มีสัดส่วนโดยละเอียด ดังนี้
ความจุ ประมาณ 1000 ลิตร
ความสูง 96 ซ.ม.
ความกว้าง 135 - 140 ซ.ม.
ความหนา ประมาณ 3.5 - 4.0 ซ.ม.
น้ำหนักสุทธิ 265 ก.ก.
ส่วนก้นกว้าง 100 ซ.ม.
ส่วนปากกว้าง 45 ซ.ม.
มีขอบปากเป็นรูปวงแหวนกว้าง 10 ซ.ม.
ส่วนที่จมน้ำ 25 ซ.ม.
ส่วนที่ลอยพ้นน้ำ 71 ซ.ม.
( ลอยน้ำได้อย่างสมดุล )
ทุ่นเงินนี้ผมไม่ได้ใช้วิธีซื้อโอ่งใหญ่ มาทดลองใช้เป็นทุ่นแต่อย่างใด ผมใช้วิธีค่อย ๆสังเกตุ ค่อย ๆคิด ค่อย ๆดู กว่าจะมาเป็นรูปเป็นร่าง เข้าร่องเข้ารอย ก็ประมาณปี 2536 ( เริ่มคิดจะทำแพอยู่อย่างจริงจังในปี 2533 จึงมาซื้อบ่อทรายร้างลูกเล็ก ๆ ลูกหนึ่ง อยู่ที่ ต.ลำเหย อ.ดอนตูม จ.นครปฐม เนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ เป็นพื้นน้ำเกือบทั้งหมด )
เหตุที่ทำให้ผมคิดทำทุ่นเงินขี้นมาได้ ก็เพราะว่า ผมไม่เชื่อ ไม่ยอมรับว่า ทุ่นสำหรับจะใช้ทำแพมีอยู่เพียง 4 - 5 อย่าง อย่างที่เราคุ้นเคยเท่านั้น น่าจะมีทุ่นแพแบบอื่น ๆ มาให้เราเลือกใช้เป็นทุ่นแพของเราได้อีก
หาไปหามาก็มาสะดุดตาที่โอ่งใหญ่ใส่น้ำฝนที่อยู่รอบ ๆ บ้าน เกิดข้อสงสัยขึ้นมาในใจว่า โอ่งเหล่านี้มีน้ำเต็มอยู่ข้างใน แต่น้ำก็ไม่รั่ว ไม่ซึมออกมาข้างนอกเลยแม้แต่น้อย แม้จะผ่านการใช้งานมานานเป็น 10 ปี ( ไปขอดูตามบ้านในละแวกใกล้เคียง บางลูกอายุเกือบ 20 ปี ก็ยังมี ) เพราะฉนั้น ถ้าเราเอามาใช้ในทางกลับกัน ให้น้ำอยู่ข้างนอก ให้น้ำอยู่รอบ ๆ ก็น่าจะใช้การได้ดีเช่นกัน ( คือ เอาลงไปลอยน้ำ น้ำก็คงจะไม่ซึมเข้าไปข้างใน และคงจะใช้ได้นานเป็น 10 ปีเหมือนกัน ) หากเป็นไปได้จริงตามนี้ ก็นำมาทำเป็นทุ่นสำหรับทำแพได้
แต่โอ่งลูกมันใหญ่และมีน้ำหนักมาก มันจะลอยน้ำได้หรือ มันอาจจะจมก็ได้ หากมันลอย มันจะลอยแบบไหน ลอยมากลอยน้อยอย่างไร
ลงท้ายก็ต้องทดลองเอง เพราะไปถามใคร ใครคนนั้นก็ตอบว่า ไม่รู้ ไม่เคยเห็น แม้แต่ช่างปั้นโอ่งมืออาชีพ ก็บอกว่า ไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่เคยเอาโอ่งลอยน้ำเลย
ผมตัดสินใจสั่งให้เขาปั้นเป็นพิเศษสำหรับผม 2 ลูก ให้ใช้ปูนปอร์ตแลนด์ตราช้าง แทนปูนตราเสือที่เขาเคยใช้ตามปกติ และให้หนากว่าโอ่งใส่น้ำ เพราะต้องการความแข็งแรงมากขึ้น ไม่ต้องการใส่น้ำ
ครั้นถึงวันที่ช่างนำทุ่นแพ (ต้องเรียกให้ต่างกัน เพื่อแยกให้เห็นอย่างชัดเจน ) 2 ลูกแรกมาส่ง ผมบอกให้ช่างกลิ้งลงไปในน้ำก่อนหนึ่งลูก อีกลูกหนึ่งปล่อยทิ้งไว้บนรถก่อน ( รถปิคอัพบรรทุกได้ 2 ลูก ) เผื่อไว้ก่อนว่า จมไม่ยอมลอย หรือว่าลอยแบบไม่ค่อยเต็มใจ ก็จะได้เหลือไปใช้ใส่น้ำ 1 ลูก ไม่ต้องเสียทิ้งน้ำไปคราวเดียว 2 ลูก
ช่างสำทับกับผมว่า " เอาลงน้ำผมเอาลงให้ได้ ง่ายมาก แต่หากจะให้ผมเอาขึ้นมาอีก ผมไม่เอาขึ้นให้นะ "
ณ เวลานั้น ตอนที่ทุ่นแพถูกกลิ้งจากรถลงไปในน้ำ กระทบกับผิวน้ำแตกกระจายพร้อมกับระลอกคลื่นขนาดใหญ๋ ทุ่นแพลูกแรก ลูกนั้นก็พลิกตัว ตั้งตรงขึ้น เอียงซ้าย เอียงขวาไปมา 2 - 3 ครั้งก็หยุดนิ่งสนิท เหมือนเราเล่นตุ๊กตาล้มลุก วินาทีนั้นผมตระโกนบอกทุก ๆ คนว่า " ใช้ได้ แจ๋วเลย ใช้ได้สบายมาก " " ที่เหลืออีกลูกหนึ่งบนรถ เอาลงไปเลย "
หลังจากสงบจากอารมณ์ดีใจในตอนนั้นแล้ว ผมสั่งให้ช่างปั้นมาให้ผมอีก 28 ลูก เสร็จแค่ไหนก็ทยอยมาส่ง ผมสั่งให้ช่างปั๊มเลขที่ของทุ่นเรียงไปตามลำดับทุกลูก พร้อมกับวันที่ เดือน พ.ศ. ที่ทำด้วย ช่างคนนี้ก็น่ารัก ทำให้ตามที่ผมสั่งทุกอย่าง
ทุ่นทุกลูกมีเลขลำดับที่ เรียงไปตามลำดับพร้อมวันที่ เดือน พ.ศ.ที่ทำทุกลูก เช่น 30 25 มกราคม พ.ศ. 2537 ( ไม่ย่อเป็น 30 25 ม.ค. 2537 ) ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อบล็อกตัวอักษรมาปั๊มให้มากมายอย่างนั้นก็ได้
หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ได้รับทุ่นเงินครบจำนวน 30 ลูก แถมลูกร้าวอีก 1 ลูก มาลอยไว้ในบ่อเพื่อรอความพร้อมด้านทุนรอนในการปลูกสร้าง ผมทำวงล้อมไว้ให้ทุ่นเงินทั้ง 31 ลูก ลอยรวมกันอยู่ในบ่อเฉย ๆ โดยไม่ได้ทำอะไรเลย ตั้งแต่ปี 2537 ( จนบางคนเขาชักสงสัยว่า ผมคงจะบ้าไปแล้วมั๊ง เอาโอ่งมาลอยน้ำทิ้งไว้ทำไมตั้งเยอะ ไม่เห็นทำอะไร )
ผมมาปลูกสร้างเป็นตัวเรือนแพเพื่ออยู่อาศัย เมื่อปี 2542 เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวเหมือนบ้านทั่ว ๆ ไป หลังคามุงสังกะสี ขนาด 6x12 ตร.ม. มี 2 ห้องนอน ห้องโถงอเนกประสงค์ ห้องครัว ( ไม่รวมระเบียงหลัง ซึ่งมาสร้างเพิ่มเติมภายหลัง ) โครงสร้างหลักเป็นคานเหล็กตัว C แล้ววางตง ตั้งเสา ปูพื้นตามปกติทั่วไป ใช้ทุ่นเงินจำนวน 24 ลูก เป็นทุ่นรองรับอยู่ด้านล่าง ถึงวันนี้ทุ่นเงินทุกลูกยังอยู่ในสภาพดี ไม่รั่ว ไม่ซึม อีก 10 ปี ผมคิดว่า น่าจะยังคงใช้การได้อยู่
ขอบคุณครับพี่เชษฐ์ เยี่ยมจริงๆ ตามไปดูที่บันทึกแรกมาแล้ว
ขอบคุณสำหรับช่อดอกไม้จากอาจารย์ครับ
ขอบคุณคุณวอญ่า ในคำชมครับ
สวัสดีค่ะ
แวะมาติดตามอ่าน ขั้นตอนการคิดค้น เมื่อได้ผลสำเร็จแล้ว ทำให้ใจเบิกบานมากเลยนะคะ แต่หนูแอบสงสัยนิดนึงว่า จากรูปในบันทึกก่อนหน้านี้ หากฝนตกหนัก แล้วน้ำลงไปในทุ่นเงิน จะทำให้มีปัญหาไหมคะ
ขออนุญาตแลกเปลี่ยนค่ะ :)
สวัสดีครับ คุณมะปรางเปรี้ยว
ขอบคุณสำหรับดอกไม้และความสนใจที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในเรื่องทุ่นเงิน
ปัญหาเรื่องน้ำฝนกับทุ่นเงินนี้ ทุกคนมีความสงสัยเช่นเดียวกับคุณมะปรางเปรี้ยวทุกคนเลยครับ เหตุที่ทำให้น่าสงสัยเพราะ ทุ่นเงินเป็นทุ่นเปิด ไม่มีฝาปิดอยู่ที่ด้านบน ดังนั้นหากมีน้ำไหลลงไป จนเต็มตัวทุ่น ทุ่นเงินต้องจมลงไปในน้ำอย่างแน่นอนครับ
ตัวทุ่นเงินในภาพทั้งหมด วางอยู่ใน 2 ลักษณะ คือ อยู่ในร่มและอยู่กลางแจ้ง
- อยู่ในร่ม คือ อยู่ใต้หลังคา ไม่มีปัญหาเลยเว้นแต่มีพายุ ลมกระโชกแรงร่วมด้วยจนพัดหลังคาเปิดเปิงไป หรือไม่ก็ปล่อยให้หลังคารั่วจนน้ำไหลทะลุผ่านพื้นแพแล้วลงไปในตัวทุ่น ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น นาน ๆ จนน้ำเต็มทุ่น ทุ่นเงินลูกนั้นก็ต้องจม
-อยู่กลางแจ้ง คือ อยู่นอกชายคาบ้าน ( ตามภาพอยู่ด้านที่เป็นระเบียงหลัง ) หากฝนตกหนัก น้ำฝนก็ย่อมจะไหลลงไปมาก หากฝนตกน้อยก็ไหลลงไปน้อยเป็นธรรมดา แต่ฝนแม้จะตกหนักขนาดไหนก็ต้องหยุดตก น้ำฝนที่เคยตกมาก็มีผลเพียงทำให้มีน้ำอยู่ในตัวทุ่นเงินบ้างเท่านั้นเอง ไม่กระทบถึงการรับ น.น. บรรทุกของทุ่นเงินแต่อย่างใด ( ป.ล. ทุ่นเงิน 2 ลูกที่เห็นวันเดือนปีที่ทำ นั่นแหละคือทุ่นที่อยู่ระเบียงหลัง ผมได้ใส่ทราย น.น. 300 ก.ก./ลูก ไว้ในตัวทุ่น เพื่อถ่วงน้ำหนักให้ทุ่นชุดนี้จมลงได้ระดับเดียวกับระดับพื้นแพหลัก )
ขออภัยหากเรียบเรียงคำพูดแล้วชวนให้งง ยังไม่หายสงสัยถามมาอีกนะครับ
ขอบคุณมากๆ ค่ะ :)