เตือน..สารเคลือบผิวผักผลไม้ต้องห้าม 3 : มอร์ฟอลีน
โดย meepole
จากตอนที่ 1 ทำให้เราทราบว่าสารเคลือบคืออะไร
ตอนที่ 2 ทำให้เราทราบว่าสารมอร์ฟอลีนไม่อันตราย
ประเด็นปัญหาคือ แล้วทำไมสารดังกล่าวจึงเป็นสารต้องห้าม
ในขณะที่พบว่าสารมอร์ฟอลีนเองนั้นไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ ไม่ได้เป็นทั้งสารก่อมะเร็ง สารก่อวิรูป ทั้งในคนและสัตว์ทดลองพวกหนู
แต่เนื่องจากสารมอร์ฟอลีน สามารถเกิดปฏิกิริยาได้หลายแบบ ภายใต้สภาวะที่เหมาะสมสารนี้สามารถทำปฏิกิริยากับไนเตรท หรือไนโตรเจนออกไซด์เกิดเป็นสารก่อมะเร็งที่ชื่อว่า
N-nitrosomorpholine (NMOR)
ดังนั้นสาเหตุที่สารมอร์ฟอลีนถูกห้ามไม่ให้ใช้ เพราะสารนี้เป็นสารตั้งต้นของ N-nitrosomorpholine (NMOR) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง (carcinogen) นั่นเอง
มีการศึกษาทดลองและขอให้ช่วยพิจารณากันดูนะคะ จากการศึกษาในหนู พบว่าในอาหารที่มีไนเตรทมากเกินพอ สารนี้ (morpholine) สามารถเปลี่ยนแปลงโดยรวมกับไนโตรเจนกลายเป็นสาร NMOR ดังกล่าว และในการทดลองโดยให้สารมอร์ฟอลีนและไนเตรทแก่หนูพบว่าทำให้เกิดมะเร็งในตับ (hepatocellular carcinoma) สันนิษฐานว่าเนื่องจากการเกิดสาร NMOR และในการศึกษาโดยคาดประมาณจากก้อนเนื้องอกของหนูพบว่าปริมาณที่ปลอดภัยสำหรับคนคือประมาณ 4.3 นาโนกรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว/วัน
จากการทดลองในห้องปฏิบัติการเมื่อเอาสารมอร์ฟอลีนผสมกับไนเตรทโดยมีเนื้อแอปเปิ้ลอยู่ด้วยก็ไม่พบสารNMOR เกิดขึ้น ทำให้สันนิษฐานว่าเป็นไปได้ว่าการเกิดสาร NMOR ในคนอาจเกิดในขั้นตอนการย่อยอาหาร และโดยการคาดการณ์จากปริมาณสารมอร์ฟอลีนที่ร่างกายได้รับ พบว่าร่างกายเราสามารถสร้างสาร NMOR ได้ประมาณ 2.2 และ 3.6 นาโนกรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว/วัน ในผู้ใหญ่และเด็กตามลำดับ ซึ่งจะเห็นว่ายังต่ำกว่าปริมาณปลอดภัยที่สามารถมีได้ข้างต้น ทั้งนี้ทั้งนั้นค่าดังกล่าวขึ้นกับสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วย
และจากการศึกษาไม่พบสาร NMOR บนผิวเปลือกของแอปเปิ้ล
อ่านจากที่meepole พยายามค้นคว้าเชื่อมโยงแล้ว ไม่แน่ใจว่าจะมีใครรู้สึกเหมือนในนิทานอีสปเรื่องลูกแกะกับหมาป่าไหม ที่หมาป่าหาเรื่องลูกแกะว่าเพราะแกะกินน้ำในลำธารเลยทำให้น้ำขุ่น ลูกแกะไม่กิน ก็พ่อแม่แกะกิน แล้วหมาป่าก็พาลจับลูกแกะกิน (คล้ายๆเช่นนี้) เพราะกำลังมองว่าเป็นประเด็นกีดกันทางการค้าด้วยหรือเปล่า?? แล้วทำไม ทุกอย่างต้องเต้นตามเพลงมากนัก ชี้แจงอธิบายกันด้วยหลักวิชาการ ต่อรองได้ หลายๆประเทศมากมายที่เจริญด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์เขาก็ยอมรับ อนุญาตได้
นี่เป็นความรู้สึกส่วนตัวค่ะ เพราะสารที่เราได้รับเข้าไปในแต่ละวันบางตัวก็มีลักษณะที่เกิดปฏิกิริยาผ่านวิถีต่างๆในร่างกายแล้วก่อเกิดสารก่อมะเร็งคล้ายๆข้างต้นก็มี
ทางเลือกของผู้บริโภค
สารเคลือบผิวหรือไขเหล่านี้บางครั้งจะเปลี่ยนเป็นสีขาวบนผิวผลไม้หรือผักเนื่องจากได้รับความร้อนหรือความชื้นที่มากเกินไป บางครั้งหากเราสังเกตุดีๆตอนซื้อจะเห็น กรณีนี้จะไม่มันวาวนะคะ แต่ก็ยังคงปลอดภัย
ผู้บริโภคมีทางเลือก สำหรับผักหรือผลไม้เคลือบไขเหล่านี้โดยทั่วไปไม่สามารถล้างออกโดยวิธีปกติ ยกเว้นบางชนิดที่ละลายได้ในน้ำ ซึ่งถึงแม้ว่าจะปลอดภัย แต่หากเราไม่สบายใจดังนั้นทำได้สองทางคือเลือกซื้อผลไม้แบบไม่มีไข อีกวิธีคือปอกเปลือกก่อนทาน เอารูปที่มีการลองขูดผิวของผลแอปเปิ้ลที่เคลือบด้วยแวกซ์หรือไขมาให้ดูด้านล่างนี้ค่ะ บางคนเห็นแล้วอาจร้องบรื๋อ...ทดลองทำเองที่บ้านได้ค่ะ แล้วลองเอาไปละลายน้ำดูนะคะ ว่าเป็นแบบไหน
ที่มาภาพ http://www.mumbaikar.com/
ข้อสรุป
การเคลือบไขบนผิวผลไม้แต่ละชนิดนั้นจะมีไขอยู่ค่อนข้างน้อย ดังนั้นบางครั้งก็ไม่ต้องตื่นตระหนกมากเกินไป ส่วนมากไขก็เป็นประเภททานได้ (food grade) เพียงแต่ถ้าไม่สบายใจเพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าในสารเคลือบนั้นมีสารใดผสมอยู่ ก็หลีกเลี่ยงเลือกผักผลไม้ที่ไม่เคลือบมาทาน เพราะผักผลไม้ที่ผลิตและขายในประเทศไทยเราไม่ได้เคลือบมีมากมาย แต่หากชอบผลไม้ที่ไม่มั่นใจว่าเคลือบหรือไม่เคลือบ ก่อนทานก็ควรเอามาแช่น้ำอย่างน้อย 1 ชั่วโมง แล้วล้างให้สะอาดอีกครั้ง หรือไม่ก็คงต้องเอาผิวเปลือกออกก่อนทาน (ซึ่งแน่นอนว่าผลไม้บางชนิด วิตามินดีๆอยู่ที่เปลือก) แต่ถ้าทานผลไม้ส่งออกหรือนำเข้า ก็พิจารณาตัดสินใจหลังการอ่านข้อเขียนนี้ได้ตามอัธยาศัยค่ะ (แต่ผู้เขียนเอง เลือกที่จะไม่ทานแน่นอนค่ะ)
มีข้อเขียนเรื่องราวน่าสนใจอีกชุดหนึ่งจากผู้บริโภค มาให้อ่านประกอบการตัดสินใจอีกมุมมอง เป็นเพียงเพิ่มเติม ที่นี่ค่ะ
http://kish.in/wax-coated-apples/
อ้างอิง
Fact Sheet: Use of Morpholine in Apple Coatings http://www.hc-sc.gc.ca/fn-an/securit/facts-faits/factsheet_applecoating-fiche_info_pomme_enrober-eng.php
http://www.food.gov.uk/news/newsarchive/2010/oct/morpholine
http://www.chemtrack.org/HazMap-Agent-Info.asp?ID=862
MORPHOLINE http://toxnet.nlm.nih.gov/
ไม่กล้าทานแอ๊ปเปิ้ล สาลี่โดยไม่ปอกเปลือกมานานแล้วค่ะ
ขอบคุณสาระประโยชน์และข้อแนะนำดีๆนะคะคุณmee_pole
สวัสดีค่ะ
นานมาแล้ว ซื้อแอ๊ปเปิ้ลแบบราคาถูก ๆ มามาทาน เด็ก ๆ บอกว่ามีกลิ่นมอฟอร์ลีน ลองดมดูก็ใช่ค่ะ จึงไม่ทานและเลิกซื้อ
นาน ๆ ซื้อของแพงทานสักครั้ง แต่ก็หวาดกลัวค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณกุลมาตา
สารปนเปื้อนต่างๆทำให้เราค่อนข้างต้องระมัดระวังมากในการซื้อหาของมาบริโภค ขนาดmeepole ระวังมากแล้วยังโดนดี แล้วจะเขียนเตือนครั้งต่อไป เพราะกำลังสืบอยู่ว่าเป็นสารอะไรค่ะ
สวัสดีค่ะครูคิม คงได้พักผ่อนมากขึ้นแล้วนะคะ
ไช่ค่ะถ้าเราจมูกดีๆ เอามาใส่ฝ่ามือ 2-3ผล ดมดูจะมีกลิ่นคาวๆ เวลาเปิดกล่องกระดาษบรรจุแอปเปิ้ลจะได้กลิ่นแปลกๆคล้ายๆว่าคาว นั่นเป็นกลิ่นสารมอร์ฟอลีน แต่บางคนเข้าใจว่าเป็นกลิ่นอับชื้นของกล่องกระดาษ ซึ่งถ้ารู้จักก็จะรู้ว่าเป็นคนละกลิ่นกัน
เรียน คุณ nee pole ผมดูผลงานคุณ น่าจะมีแนวคิดตรงกับผมบ้าง ผมน้องใหม่ ที่ต้องการคำแนะนำ และหาข้อมูลเพื่อนำมาคิดเขียนเสนอสิ่งใหม่ ๆ ในเว็บ เพื่อผลักดันสังคม (ตามแนวคิดผม) แวะชมผมบ้าง แล้วส่งข้อคิดเห็นเป็นพระคุณยิ่งครับ
สวัสดีค่ะ
ยินดีต้อนรับสู่ สังคม GTK ค่ะ meepole เองก็เพิ่งมาเป็นสมาชิกใหม่ที่นี่ได้ 2 เดือนเต็มค่ะ ก็มีความสุขที่ได้เขียน มีความสุขที่มีคนแวะเวียนมาอ่าน มากบ้างน้อยบ้างไม่เป็นไร เพราะเรารักการเขียน มีคนอ่าน 1 คนก็ happy ค่ะ เคยเขียนแต่ตำรา รายงานวิจัย บทความลงน.ส.พ วารสาร pocket book ล้วนเป็นการเขียนทางเดียว ไม่รู้เขาคิดอะไร แต่ที่นี่หลายครั้งมีคนเขียนกลับมา เราก็เรียนรู้ไปด้วย
การมีคนเข้ามาคุยก็จะรู้สึกเป็นกำไรชีวิตที่มีเพื่อนลปรร สร้างมิตรภาพใหม่ ความรู้สึกที่ดีต่อกัน เปิดวิสัยทัศน์ ยอมรับมุมมองของคนอื่นมากขึ้น นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่meepole ได้เรียนรู้เพื่อฝึกตัวเอง เพราะ บอกตรงๆว่า เป็นคนหลบการอยู่ในสังคมที่วุ่นวายมากจนเพื่อนสนิทเรียกว่า ปูเสฉวน เลยค่ะ คือชอบหลบอยู่นิ่งๆ ไม่ค่อยให้ใครรู้ว่าเราเป็นใคร เพราะอยากเป็นตัวของตัวเอง
แต่การลองเข้ามาที่นี่ทำให้เริ่มแตะอะไรออกนอก frame ได้ เลือกที่จะคุย ลปรร เข้าใจเขาผ่านเรื่องที่เขาขียน ก็คงได้คุณวัฒนาเข้ามาช่วยกันสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่เพิ่มขึ้น
ขอบคุณค่ะสำหรับการเข้ามาทักทายกัน
สวัสดีครับ mee_pole ผมยังสงสัยในคำนี้ครับ อาจารย์กรุณา ช่วยหน่อย (สารก่อวิรูป )
ด้วยความขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ คุณวอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei นับถือจริงๆค่ะ สมเป็นผู้เฒ่าที่อ่านละเอียด เจอคำนี้ได้
สารก่อวิรูป หรือสารก่อลูกวิรูป (Teratogen) เป็นสารเคมีใดก็ตามที่ก่อความผิดปกติของการพัฒนาตัวอ่อนทำให้ได้ลูกพิการแต่กำเนิด สารเหล่านี้มีค่อนข้างมากในสิ่งแวดล้อม อาหาร ยาบางชนิด เครื่องสำอาง สารเคมีจากของใช้ต่างๆ เพียงแต่เมื่อแม่ตั้งครรถ์ ถ้าได้รับหรือเคยได้รับสะสมในร่างกายระดับหนึ่งลูกก็อาจออกมาพิการได้
ดังนั้น การกำเนิดลูกวิรูปเกิดจากการที่มารดาตั้งครรภ์แล้วมีโอกาสรับสัมผัส หรือได้รับสารพิษต่างๆ มากมาย จากอาหาร สิ่งแวดล้อมที่กล่าวมา อาจเกิดพิษสะสมและส่งผลกระทบไปยังลูกในครรภ์ทำให้เกิดความผิดปกติของยีนหรือโครโมโซม และนำไปสู่ความพิการ
ขอบคุณที่ถามค่ะ ว่าแล้วเอารูปให้ดูเป็นตัวอย่าง เอากบนะคะ แต่ตอนสอนในห้องจะเป็นรูปเด็กทารกที่มีลักษณะไม่น่าเชื่อว่าจะมีได้ในโลก เศร้าและน่ากลัวมากค่ะ ไม่เอามาให้ดูเดี๋ยวโดนดุว่าไม่เซนเซอร์ภาพ ในภาพนี้เป็น ลูก(กบ) วิรูปค่ะ พูดภาษาชาวบ้านไม่เป็นทางการก็เรียกว่าลูกพิการก็ได้ แต่เป็นพิการแต่กำเนิดนะคะ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์
มนุษย์นี้ ทำได้ทุกอย่างเลยนะคะ
สวัสดีค่ะ คุณณัฐรดา
ขอบคุณค่ะที่แวะมา
เชื่อไหมคะ meepole เคยบอกนศ.ว่าโชคดีมากที่เราเป็น top of the food chain ถ้ามีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ กินคนเป็นอาหาร สมช.นั้นๆจะสูญพันธุ์ก่อนคน เพราะมันจะตายเพราะสารพิษในตัวคน เพราะเราสะสมไว้มากมายจริงๆ หุ หุ :0