เศรษฐกิจดีรัฐบาลยันไม่ขึ้นแวต


ในรอบสัปดาห์นี้ ที่ผ่านมายังพอจะมีข่าวดีให้ประชาชนผู้บริโภคดีใจได้บ้าง เพราะล่าสุดกรมสรรพากรก็ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะไม่ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากปัจจุบันที่เก็บอยู่ 7% จากสัปดาห์ก่อนมีแต่ข่าวร้ายจากราคาสินค้าน้ำมัน ดอกเบี้ยปรับขึ้นยกแผง

ในรอบสัปดาห์นี้ ที่ผ่านมายังพอจะมีข่าวดีให้ประชาชนผู้บริโภคดีใจได้บ้าง เพราะล่าสุดกรมสรรพากรก็ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะไม่ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากปัจจุบันที่เก็บอยู่ 7% จากสัปดาห์ก่อนมีแต่ข่าวร้ายจากราคาสินค้าน้ำมัน ดอกเบี้ยปรับขึ้นยกแผงด้านการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2554 หรือตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค. 2553 คลังจัดเก็บรายได้ได้เกินเป้าหมาย โดยเดือน ธ.ค. 2553 สูงกว่าเป้า 1.5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีงบประมาณจัดเก็บรายได้สุทธิสูงกว่าเป้าหมาย 4.1 หมื่นล้านบาท หรือ 11.7% ทำให้คลังมั่นใจว่าจะจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2554 ได้สูงกว่าเป้าหมาย 1.6 ล้านล้านบาท แน่นอน

       จากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้น ทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติจัดทำงบประมาณกลางปี 2554 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจลดลงเหลือวงเงินเพียง 1.1 แสนล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ในวงเงิน 1.2 แสนล้านบาท  อย่างไรก็ตาม ถึงรัฐบาลจะจัดเก็บรายได้ได้เพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลก็ยังพยายามจะลดรายจ่ายด้วย โดยกรมบัญชีกลางมีแผนจะควบคุมรายจ่ายด้านค่ารักษาพยาบาลไม่ให้เบิกจ่ายเกิน 7 หมื่นล้านบาท ด้วยการยกเลิกให้เบิกยานอกบัญชียาหลักเพิ่มเติมในอีก 8 กลุ่ม จากทั้งหมด 9 กลุ่ม เพื่อประหยัดงบประมาณให้ได้ 4,851 ล้านบาท

       แต่ทันทีที่มีข่าวจะควบคุมการเบิกจ่ายยา นายกสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย ก็ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยทันที ดังนั้นข่าวการควบคุมค่ารักษาพยาบาลดังกล่าวนี้จะทำได้ตามแผนหรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป เพราะการลดค่ารักษาพยาบาลของรัฐก็เหมือนลดสวัสดิการของข้าราชการ อาจมีผลไปบั่นทอนกำลังใจในการทำงานของข้าราชการทั่วประเทศได้ นั่นหมายถึงคะแนนเสียงที่รัฐบาลจะได้จากการเลือกตั้งสมัยหน้าอาจจะลดลงก็เป็นได้  ทั้งนี้ในส่วนของการจัดทำวงเงินงบปี 2555 ในเบื้องต้นกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายไว้ที่ 2.28 ล้านล้านบาท เป็นงบขาดดุล 3.8 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้ทั้งสิ้น 1.9 ล้านล้านบาท ภายใต้สมมติฐานที่ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 4-5% และมีอัตราเงินเฟ้อที่ 3-4%

       สำหรับคอหวยเริ่มมีข่าวดีเรื่องหวยออนไลน์ หลังนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ผู้อำนวยการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ในฐานะที่ปรึกษาโครงการประชาวิวัฒน์ ได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ด้วยการนำสลากการกุศลมาออกเป็นสลากแบบออนไลน์ คาดเริ่มได้งวดเดือน ก.พ.2555 มีวงเงินประมาณ 8,000 ล้านบาท ขายฉบับละ 40 บาท ให้เลือกเลขได้ 6 หลัก เหมือนกับสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากการกุศลปกติแต่การจ่ายรางวัลใช่จะผันแปรตามจำนวนผู้ที่ถูกรางวัล และยอดเงินที่มีผู้ซื้อสลากในแต่ละงวด ซึ่งงานนี้แว่ว ๆ ว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้คัดค้าน

       ขณะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางและเล็กที่ยังไม่ได้ปรับขึ้น ต่างก็ทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง แต่ทางด้านสถาบันการเงินเฉพาะกิจยังรอดูท่าทีไม่ปรับดอกเบี้ยขึ้นเหมือนธนาคารพาณิชย์ทั่วไป แต่ก็ไม่แน่หากคณะกรรมการ นโยบายการเงินปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายขึ้นจากปัจจุบันที่ 2.25% อย่างต่อเนื่องสถาบันการเงินเฉพาะกิจอาจจะอั้นการขึ้นดอกเบี้ยไม่อยู่ก็ได้ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ทยอยประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2553 มีการประกาศออกมาแล้ว 10 ธนาคาร รวมมีกำไรสุทธิ 100,009 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.94% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยธนาคารกรุงเทพยังครองแชมป์ทำกำไรเป็นอันดับ 1 มีกำไรสุทธิสูงสุด24,593 ล้านบาท ส่วนดัชนีตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ปิดที่ 1,006.57 จุด โดยต่างชาติยังขายต่อเนื่อง เพราะกังวลกับปัญหาเงินเฟ้อของจีน หลังปี 2553 จีนโตเกินคาด10.3% และมีอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3.3% สูงกว่าที่ตลาดคาด

โพสต์ทูเดย์

ประจำวันที่ 24 มกราคม 2554

หมายเลขบันทึก: 422218เขียนเมื่อ 24 มกราคม 2011 10:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 18:10 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท