ตอน การเริ่มต้นเกี่ยวกับประสบการณ์ในการทำงาน


ตอน การเริ่มต้นเกี่ยวกับประสบการณ์ในการทำงาน

 

 

 

 

ตอน  การเริ่มต้นเกี่ยวกับประสบการณ์ในการทำงาน

 

                เมื่อปี พ.ศ. 2525 หลังจากที่เรียนจบ ปวท.แล้ว ผู้เขียนได้สอบเข้าทำงานตำแหน่งพนักงานการเงิน ณ สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด โดยสอบได้ลำดับที่ 1 ประสบการณ์ในการทำงานในครั้งนี้ ผู้เขียนได้รับมอบหมายโดยให้ทำหน้าที่ รับ – จ่ายเงิน  เก็บรักษาเงินสดของสหกรณ์ฯ เรียกว่า “ให้ทำหน้าที่ดูแล รักษาเงินของสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด” เมื่อผู้เขียนได้รับมอบหมายหน้าที่ดังกล่าว ผู้เขียนได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิได้ขาดตก บกพร่องใด ๆ ทั้งสิ้น  สิ่งหนึ่งที่อยู่ในความนึกคิดของผู้เขียน นั่นคือ  “ทำอย่างไรก็ได้  แต่ห้ามทุจริตในหน้าที่  เพราะผู้เขียนคิดว่า การทุจริตต่อเงินของประชาชน เงินของหลวง นั้นจะทำให้ตัวเราเองไม่มีความเจริญต่อชีวิตการทำงานและหมดอนาคต” เนื่องจาก ก่อนที่ผู้เขียนจะเข้าไปทำงานนี้ มีผู้ที่ทุจริตในเรื่องการเงินของสหกรณ์ ฯ จำนวน 2 คน...

                เมื่อสอบได้แล้ว การทำหน้าที่ทางด้านการเงิน พ่อต้องนำที่นาซึ่งเป็น น.ส.3 ก. ไปจำนองสหกรณ์ฯ เพื่อค้ำประกันให้กับผู้เขียนได้ทำงาน ในการทำงานด้านการเงิน เนื่องจากก่อนหน้านี้มีผู้ทุจริตไปแล้ว 2 ราย จึงทำให้ทุกคนต่างก็มองดูผู้เขียนและเกรงว่าผู้เขียนจะทุจริตเหมือนสองรายแรกนั้น...ผู้เขียนได้ใช้ชีวิตในการทำงานด้านการเงินที่สหกรณ์ฯ อยู่ถึง 6 ปี โดยในแต่ละวันผู้เขียนได้รับสมุดบัญชีรับ – จ่ายส่วนตัวของผู้เขียนไว้เองเพื่อให้ทราบว่าในแต่ละวัน ผู้เขียนได้รับเงินอะไรไว้บ้าง? และจ่ายเงินอะไรออกไปบ้าง?...และสรุปยอดในแต่ละวันว่าคงเหลือเป็นเงินสดในมือเท่าไร?...การเก็บเงินสดอำนาจในการเก็บในครั้งนั้น จะให้เก็บไว้วันละ 5,000 บาท ต่อวัน...และให้เก็บรักษาไว้ในตู้เซฟในตอนเย็น...แต่มีบางวันที่มีการรับเงินกู้ที่สมาชิกนำมาชำระหนี้หลังเวลา 15.00 น. หลังจากที่ธนาคารออมสินปิดแล้ว...(สมัยก่อนที่อำเภอพรหมพิรามมีธนาคารออมสินแห่งเดียว ยังไม่มีธนาคารกรุงไทยเช่นปัจจุบันนี้)...บางครั้งก็เป็นเงินจำนวนมาก...นี่เอง!...ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้สองคนแรกนั้น...นำเงินไปหมุน เช่น เล่นการพนัน  ใช้จ่ายส่วนตัว เรียกว่า “พอสรุปแล้วเขาสองคนทุจริต คนละเป็นล้าน"...แต่ผู้เขียนจะดูว่าถ้าไม่จำเป็นจะไม่เก็บเงินให้เหลือไว้ในบัญชีไว้มากจนผิดสังเกตเพราะการกระทำดังกล่าวดูไม่เหมาะสม  ผู้เขียนจะพยายามนำเงินฝากเข้าบัญชีให้หมดเหลือไว้พอค่าใช้จ่ายเบี้ยเลี้ยงกรรมการ หรือค่าใช้จ่ายบางรายการซึ่งไม่มาก...

                ถ้ามีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ก็จะขอผลัดขอเป็นวันรุ่งขึ้นที่มีการรับเงินก่อนจึงจะจ่ายให้ หรือไม่ก็รอให้กรรมการมาเซ็นต์ถอนเงินจากธนาคารให้...ผู้เขียนปฏิบัติเช่นนี้ตลอดทุกวัน...ทำมาตลอด 6 ปี ซึ่งการรับ – จ่ายเงินบางช่วงจะรับจ่ายเงินเป็นล้านหรือหลายล้าน การที่อยู่กับเงินจำนวนมากบางครั้งต้องตั้งสติให้มั่น ไม่ว่อกแว่ก ให้ดูว่าเงินนั้นเป็นเศษกระดาษ ห้ามคิดอกุศล ห้ามทุจริต ห้ามคิดว่าเป็นของเรา เพราะไม่เช่นนั้นบอกได้เลย “รายไหนก็รายนั้น เห็นเงินของเขาว่าเป็นเงินของเรา เข้าข่ายทุจริตแน่นอน”...ผู้เขียนปฏิบัติเช่นนี้มาเรื่อย ๆ จนเป็นที่ไว้วางใจของคณะกรรมการและผู้จัดการ...เมื่อถึงฤดูการพิจารณาความดีความชอบ ผู้เขียนได้ 2 ขั้น ทุกปี...จนเป็นที่อิจฉาของผู้ที่ไม่ได้...แต่ทำอย่างไรได้ คณะกรรมการให้เพราะเป็นการทำความดีของผู้เขียนเอง...ที่เก็บรักษา ดูแลเงินไม่ให้เกิดการทุจริต...มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผู้เขียนจำความได้ว่า มีพี่ในที่ทำงานซึ่งทำงานธุรการ เขาไม่ได้ความดีความชอบ 2 ขั้น แต่ผู้เขียนได้ เขาไม่พอใจ เขาใช้เท้าปิดประตูเหล็กอย่างดัง...ในขณะนั้น ผู้เขียนได้แต่งงานกับพ่อบ้านซึ่งทำงานที่สำนักงานสหกรณ์อำเภอพรหมพิรามแล้ว... แล้วเขาก็บ่นดัง ๆ ว่า ทำงานมาตั้งนาน ไม่ค่อยได้ 2 ขั้น แต่ผู้เขียนมาทำไม่กี่ปีได้ 2 ขั้นทุกปี...ความคิดแว่บขึ้นมาในหัวของผู้เขียน ก็เกิดความเห็นใจเขาเช่นกัน...แต่ทำอย่างไรได้ คณะกรรมการเขาเป็นผู้ให้ ตัวเราเองไม่ได้ร้องขอ...เวลาจะให้เขาจะประชุมลับกัน พอประชุมคณะกรรมการเสร็จแล้ว...ผู้เขียนจึงรู้ว่าเราได้ 2 ขั้น อีกแล้ว...มีกรรมการบางท่านเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เหตุที่ผู้เขียนได้ 2 ขั้น ทุกปี นั้น เป็นเพราะว่า ผู้เขียนทำงานด้านการเงินดีมาตลอด ไม่เคยทำให้หน้าที่บกพร่อง เสียหาย และยังดูแลเรื่องอื่น ๆ ด้วย ยามที่ไม่มีผู้ใดทำ...เรียกว่า มีความสามารถที่ช่วยงานด้านอื่นได้ด้วย...

                หลังจากนั้นมา...ผู้เขียนได้พูดคุยกับพ่อบ้านว่ารู้สึกไม่สบายใจ...เรียกว่าไม่ค่อยสนุกกับการทำงานที่นี่...พ่อบ้านได้อ่านข่าวในคอลัมภ์“หมึกเขียว” งานคือเงิน เงินคืองาน ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ (โดยทำการขนส่งหนังสือพิมพ์ทางรถไฟ เนื่องจากการขนส่งทางรถยนต์ยังไม่มี)...ว่า สำนักงาน ก.พ. เปิดรับเจ้าหน้าที่ธุรการ เจ้าพนักงานธุรการ (ซี 1,ซี 2) เพื่อบรรจุเป็นข้าราชการ แล้วก็ให้ผู้เขียนกรอกรายละเอียดเพื่อไปซื้อใบสมัครทางไปรษณีย์...โดยพ่อบ้านทำหน้าที่ส่งไปรษณีย์ให้ทุกเรื่องจนจบกระบวนการสมัครสอบ ดำเนินการสอบ เมื่อประกาศผลสอบผู้เขียนสอบได้ลำดับที่ 21 ตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการ 2 ผู้เขียนรอสำนักงาน ก.พ. เรียกตัวเป็นเวลาเกือบ 3 ปี (เพราะในสมัยนั้นจะติดบัญชีไว้ 3 ปี จึงจะประกาศยกเลิกบัญชี)...โดยสอบไว้ตั้งแต่เจ้าตัวโตยังไม่เกิด จนเจ้าตัวโตเกิดมาได้ 6 เดือน ผู้เขียนจึงได้เรียกบรรจุเข้ารับราชการที่ สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร

                ประสบการณ์ที่ได้รับในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งพนักงานการเงินนอกจากหน้าที่ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ประสบการณ์ที่ได้รับอีก คือ  การทำบัญชีสมุดเงินสดเป็น (ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานบัญชี ในสมัยนั้นเขาจะให้ผู้ที่ทำหน้าที่การเงินกับบัญชีแยกออกจากกันเป็นคนละคน เนื่องจากเกรงว่าจะทุจริตได้ในการนำทั้งสองหน้าที่มารวมกัน)...การทำงบดุล การทำงบกำไรขาดทุน  การทำบัญชีออมทรัพย์ของสมาชิก  การทำบัญชีซื้อ – ขายสินค้า ฯลฯ เรียกว่า “ประสบการณ์ในระหว่างเวลา 6 ปี นี้ ผู้เขียนได้รับความรู้ในเรื่องการเงินและบัญชีเป็นอย่างมาก” ซึ่งไม่เคยคิดว่าจะเป็นประสบการณ์ที่ผู้เขียนสามารถนำไปแก้ไขงานของทางราชการได้ในอนาคต...ผู้เขียนต้องขอขอบคุณคณะกรรมการของสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด ทุกท่านในสมัยปี พ.ศ. 2525 – 2531 ที่ทำให้ผู้เขียนมีที่ทำงานเลี้ยงครอบครัวและดำรงชีพได้ในระยะหนึ่ง...ซึ่งการออกจากงานของผู้เขียนในครั้งนั้น คณะกรรมการทุกท่านไม่อยากให้ผู้เขียนออกเลย...แต่เมื่อทราบว่า เพื่ออนาคต ทุกท่านก็ยินดีที่ผู้เขียนไปได้งานที่มั่นคงกว่างานที่ทำอยู่...

 

สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนได้รับความไว้วางใจจากคณะกรรมการ ฯ คือ...

การที่คณะกรรมการเซ็นต์ใบถอนเงินของธนาคาร โดยเซ็นต์ไว้ให้

เปล่า ๆ ไว้หลาย ๆ ใบ เพื่อให้ผู้เขียนได้สะดวกในการไปเบิก - จ่าย

แต่สำหรับผู้เขียน เพื่อความสบายใจของผู้เขียนและคณะกรรมการ

เอง...ผู้เขียนจะคอยบอกว่าตอนนี้มีเซ็นต์ไว้กี่ใบ...ใช้ไปแล้วกี่ไป...

คงเหลือกี่ใบทุกครั้งที่มีการเบิกจ่ายเงิน...นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง...

แต่ถ้ามองมุมกลับ ผู้เขียนกลับนำไปเบิกเงินจากธนาคารแล้วนำไปใช้

ส่วนตัว...อะไร?...จะเกิดขึ้น...แต่ผู้เขียนก็กลับไม่ทำ...

แต่ระวัง + รักษา  ดูแลเงิน...จนสุดชีวิต...จนกระทั่งออกจากงาน...

ผู้เขียนเคยถามกรรมการว่า ไม่กลัวหรือ?...กรรมการบอกว่า...

 

"เป็นเพราะผู้เขียนสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในความสุจริตต่อหน้าที่

และเชื่อใจว่า...ผู้เขียนไม่คิดทุจริตแน่นอน"...เชื่อในการกระทำ

ของผู้เขียน...

 

นี่คือ  :...สิ่งที่ผู้เขียนได้รับจากการทำงาน ณ ที่แห่งนี้...

ซึ่งเป็นการพิสูจน์ในเรื่องของ "ความซื่อสัตย์  สุจริต"

ต่อหน้าที่...นั่นเอง...

 

 

ข้อคิด  :  การทำงานที่เกี่ยวกับการเงิน  ตัวเราต้องระมัดระวังตัว

ให้มากที่สุด...อย่าเผลอใจไปหลงไหลในเงินที่ไม่ใช่ของเราแล้ว

คิดว่ามันเป็นของเรา...ให้คิดเสียว่า  "เงินหลวง ตกน้ำไม่ไหล

ตกไฟไม่ไหม้"  อย่าได้นำมาเป็นของตนเด็ดขาด!... 

 

 อ่านประสบการณ์ชีวิตของการทำงาน "รับราชการ"

ทุกฉบับ ได้จากที่นี่...

ประสบการณ์ชีวิตของการทำงาน "รับราชการ"

 

 

  

หมายเลขบันทึก: 421962เขียนเมื่อ 22 มกราคม 2011 21:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:39 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • เป็นข้อคิดที่ดีครับ โดยเฉพาะกับคนที่ใกล้ชิดกับเงินทอง (ของคนอื่น)
  • ขอบคุณครับที่ไปเยี่ยมเยือน
  • ปณิธิ ภูศรีเทศ

สวัสดีค่ะมาอ่านสาระที่ดีมีข้อคิดจากการทำงาน การทำหน้าสุจริตอยู่ไหนๆก็มีความสุขนะคะ และเจริญรุ่งเรืองค่ะ ขอบคุณที่แบ่งปัน

สวัสดีค่ะ...อาจารย์ปณิธิ...Ico48...

  • ค่ะ...ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ทำงานเกี่ยวกับการเงินมาก ต้องระวังค่ะ...เพราะปัจจุบันมีสิ่งยั่วยุมากกว่าสมัยก่อน...เพราะถ้าพลาดขึ้นมา หมดทั้งชื่อและอนาคตเราเลยละค่ะ...
  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะค่ะ...

สวัสดีค่ะ...ครู Rinda...Ico48...

  • คนเราถ้ามีความซื่อสัตย์ สุจริตต่อหน้าที่ ทำงานที่ไหน ๆ ก็จะมีแต่ความเจริญก้าวหน้า ไม่มีชะนักปักหลังให้ทิ่มแทงหรอกค่ะ...แล้วจะเป็นความภาคภูมิใจของเราเองเสียอีกว่า เราสามารถรักษาของ ๆ หลวง ได้ ไม่เฉพาะแต่ของ ๆ เราที่เราดูแล...ของหลวงเราก็รักษาได้ค่ะ...
  • ขอบคุณที่แวะมาค่ะ...
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท