แต่ยังหวัง...


เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล ยาวนานและสืบทอดกันมา แต่ขณะนี้ได้มีเพียงแค่บางวัดที่เป็นวัดป่า...

          อีกเรื่องหนึ่งที่ตั้งสติที่ปลายนิ้ว เตรียมจะพิมพ์ให้รวดเร็วเท่ากับสมองที่โลดแล่น.. หลากหลายอาชีพที่เคยทำมาตั้งแต่จบการศึกษา ซึ่งเกี่ยวข้องการกับการใช้นิ้วมือทั้งสิบนี้ทั้งสิ้น เพราะการเรียนการสอนแต่ละวิชา อาตมาเก็บเกี่ยวได้หมด แม้จะไม่เก่งสุดยอดเหมือนใคร แต่ก็ยังจำและนำมาใช้ได้เป็นอย่างดี..

บรรยากาศเย็นน้อยลงกว่าเมื่อวาน เสียงสวดมนตร์ของพระอาจารย์มหาท่านดังแข่งกับเสียงรถที่ขวักไขว่รอบนอกกำแพง  หมู่บ้านเก่าแก่ มีชื่อเสียงด้านต่างๆ นับร้อยปี ยืนหยัดคู่กับวัดแห่งนี้  ซึ่งเด่นชัดและตระหง่านไปด้วยต้นโพธิ์ภายในอาราม ที่ครึ้มไปด้วยต้นเกลือ และหลากพันธุ์ไม้นานาชนิด...

ยามเช้าฝูงกระรอกขาวจะไต่ต้นมะขามและต้นไม้อื่น ๆ รอบวัด มาตามเสียงสัญญาณเคาะถาดผลไม้เก่าๆ ใบเล็กๆ กลางลานหมู่กุฏิวิปัสสนา และใกล้กับที่ฉันอาหารของคณะวิปัสสนาในบริเวณวัด เป็นที่รื่นรมย์ของผู้เข้ามาถวายจังหันหรือเพลในทุกวัน..

ลุงทายกและป้าทายิกา จะเข้ามาดูแลวัดในช่วงสาย ช่วยกันเก็บเครื่องเครา เหล่าถ้วยชามไปล้างเอากุศล ทำมาหลายสิบปี จนหลานชายหลานสาวจบการศึกษาดีดีไปหลายคน แต่ทั้งสองก็ยังช่วยวัดได้เป็นอย่างดี...

รถสามล้อถืบรับส่งผู้โดยสารเก่า ๆ ที่จอดหน้าทางเข้าสำนักวิปัสสนา จอดชิดริมทางเดิน เพื่อให้พระสงฆ์องค์เณรเดินได้สะดวก ซึ่งเป็นยานประจำของลุงทายก  เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในครอบครัวทั้งหมด ลูก หลานและคนในครอบครัว ได้กิน ได้ใช้ เพราะสามล้อเก่า ๆ คันนี้ เมื่อหลายสิบปีมีค่าลิบ..

ปั้นน้ำชาน้อย ๆ ที่อาตมารื้อออกมาจากพัสดุ เป็นกระป๋องสีเงินที่เก่าคร่ำคร่า มีผ้าหมอนนุ่ม ๆ ทำเป็นฝาปิด และบุขอบด้านในเป็นผ้าบุสำลีนุ่ม กับกาน้ำชากระเบื้อง ราคาไม่แพง ขลิบทองลายดอกสีชมพู  อาตมาสวมวิญญาณพระมีอายุ องค์ใดองค์หนึ่งในอดีต นั่งละเลียดฉันน้ำชาด้วยความมีสติ พร้อมทั้งนั่งเขียน "คำ" เพื่อเอาไว้สอดคล้องร้อยกรองในหนังสือเล่มต่างๆ ที่อยากจะเขียน มันเป็นการบ้านและเป็นการท้าทายอารมณ์ที่ดีทีเดียว

วันนี้เป็นวันที่อาตมายุ่งมากที่สุดอีกวันหนึ่ง  แต่เป็นวันที่จัดลำดับการทำงานได้ยอดเยี่ยมวันหนึ่ง และเป็นวันที่บริหารอารมณ์ได้ดีอีกวันหนึ่ง  อีกทั้งเป็นวันที่โคตะระทรหดทางด้านการใช้เวลาอีกวันหนึ่งเช่นเดียวกัน...ใช่ อาตมาทำได้...

น้ำชาเป็นชายี่ห้อเก่าแก่ ตรา "สามม้า" ที่พวกเราเคยได้กินกัน  มีอยู่ช่วงหนึ่ง ใบชาล้นห้องพัสดุสงฆ์  ซึ่งบางวัดไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี  อาตมาจึงขอท่านพระอาจารย์ที่ดูแลพัสดุสงฆ์ที่สนิทกันบ้างนิดหน่อย หรือนอบน้อม "ขอ" ด้วยความเคารพยิ่ง  เพราะเกิดความคิดขึ้นมาว่า เวลาไม้แก่นขนุนที่มันขาดแคลน ไม่มีส่งเข้ามาใช้ซักจีวร  เราน่าจะใช้ใบชาสามม้านี่แหละ มาซักได้  และแล้วก็ซักได้จริง ๆ  ...

กระทะใบโต ตั้งอยู่บนลานแก่น ทีทางวัดตั้งชื่อกัน ซึ่งเป็นลานสำหรับซักผ้าจีวรของพระและเณร ในวันโกน หรือใกล้วันสำคัญในโอกาสต่าง ๆ และวัดสาขาบางแห่ง จะติดตั้งโรงอบยาสมุนไพรไว้ด้วย เพื่อบริการแก่พระภิกษุสามเณร ที่ป่วยหรืออยากจะผ่อนคลายเช่นกัน...

          เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล ยาวนานและสืบทอดกันมา แต่ขณะนี้ได้มีเพียงบางวัดที่เป็นวัดป่า สายปฏิบัติธรรม วัดกรรมฐาน หรือวัดที่มีข้อวัตรปฏิบัติชัดเจนจะสืบทอดเอกลักษณ์ต่าง ๆ ไว้มากมาย...

สามล้อถีบ... อาตมานั่งมองหลายครั้ง ด้วยภาพและความรู้สึกนิ่ง ๆ เพื่อระลึกนึกถึงชีวิตหลายชีวิตที่มันทับซ้อนอยู่ในหน่วยความจำ... ค่อย ๆ รื้อออกมาอย่างช้า ๆ ...

ลุงคนหนึ่ง..อายุราวๆ ประมาณ 70 ปี เห็นจะได้  ได้เจอกันบ่อยครั้งบริเวณตลาดใจกลางเมืองใหญ่ทางภาคอิสาน  เวลาที่ไปซื้อของ จะได้เจอลุงแกนั่งบนรถสามล้อ เพื่อรอรับลูกค้าอยู่ที่จุดจอดเป็นประจำ  บางครั้งก็ได้ยินแกทักทายขึ้นมาก่อน  กับเรื่องราวของพ่อค้า แม่ขาย หลายรูปแบบ ซึ่งก็ต้องดินรนหาเลี้ยงหลายปากที่อยู่เบื้องหลัง..

ลุงเริญ เท่าที่อาตมาสืบทราบถามจากคนอื่น แกไม่ใช่คนในเมืองนี้แต่เป็นคนจังหวัดภาคกลาง หนีตายมาใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ในเมืองใหญ่ กับเงินก้อนเล็กน้อยที่เหลือจากเงินเกษียณอายุราชการ  อาตมาไม่ทราบหรอกว่าได้มากี่มากน้อยหรือหายไปไหนหมด ทราบเพียงแต่ว่า รถที่ใช้ทำมาหาิกินอยู่ทุกวันนี้ เป็นรถที่ซื้อต่อจากเจ้าของเก่ามาก่อน ซึ่งหนีความจนโดยมีลูกเขยฝรั่งสบายโรงเรียนจีนไป  เลยขายรถสามล้อถีบกลางเก่ากลางใหม่คนนี้ให้ในราคาครึ่งหมื่น !!! (โห สำหรับอาตมาแล้วนี่ถือว่าแพงนะ)

บางวันได้รับส่งผู้โดยสารบ้าง ไม่ได้ส่งบ้าง ไม่ีมีใครเรียกใช้เลย เพราะรถสามล้อเครื่อง (ตุ๊กตุ๊ก) จอดเทียบข้างอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งสะดวกกว่า รวดเร็วกว่า ไม่ต้องลุ้นหรือเหนื่อยแทนคนถีบบริการ...

อาตมาเข้ามาเยี่ยมไข้ในโรงพยาบาลบ่อยครั้ง พาให้นึกถึงลุงเริญได้บ่อยเช่นกัน เพราะว่าลุงเริญไม่สบาย  มีอาการของโรคปอด บ่อยครั้งที่เห็นแกไอแห้ง โก่งคอสุดตัว แล้วเอาผ้าปิดปาก  ทรมานและน่าสงสารเป็นที่สุด..

บางวันแกได้กินข้าว และไม่ได้กินข้าวจะบ่อยกว่า  บางครั้งอาตมาได้ไปตั้งโรงทานแจกอาหารตามที่ต่าง ๆ จะเห็นลุงเริญแก่บ่อยครั้ง  ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ลุงเริญแกจะอยู่ในสภาพนี้มานาน..  

บรรยากาศหนาวเย็นจับใจอย่างนี้  แล้วแกจะไปนอนตรงไหนหนอ?? ร่วมสองปี สามปีผ่านไป ไม่เคยได้คุยกับแกเลย เพราะงานที่รับผิดชอบ กอปรกับเราไม่ได้ใช้ชีวิตในทางโลก ต้องเดินผ่านร้านย่านตลาดเหมือนอดีต.. แต่เปลี่ยนมาเดินเข้าออกโรงพยาบาลหรือสถานที่อันควรแทน ซึ่งเป็นการดูแล เยียวยา รักษาทางกาย ให้ทุเลาลงแทน

วันเวลาผ่านไปไม่เท่าไหร่ แม้จะรวดเร็วจนตั้งเตรียมไม่ทัน แต่สมอง และสายตายังจับจ้องอยู่บางสถานที่ที่คุ้นเคย เหมือนกับว่าต้องการจะหา หรือจะช่วยใครบางคนในหลาย ๆ ครั้ง  หนึ่งในนั้นใจคิดเสมอ อยากจะช่วยคนที่ด้อยทุกทางในสังคม  เพียงแต่คิด แต่เริ่มทำในบางอย่าง บางเรื่อง..

          ครั้งหนึ่ง อาตมาไปร่วมสร้างทานบารมี จัดมหาโรงทานใหญ่ ใกล้กับโรงพยาบาลจังหวัด ได้เห็นลุงเริญเข้ามารับอาหารจากซุ้มของทางกลุ่มอาตมาด้วย แกเดินวนเติมอยู่หลายรอบ ด้วยความอร่อย ถูกปาก และไม่เคยกิน  คำอวยพรของแก ทำให้ทั้งคณะพระ และญาติโยมที่ร่วมทำ มีความสุข ปลาบปลื้ม อย่างลืมตัว เพราะภาษาที่แกพูด เป็นภาษาจากใจ ซึ่งร้อยแก้วออกมาไม่เหมือนใคร.. จากใจที่บริสุทธิ์ โดยไม่เจือสิ่งใด..

หากคนเราได้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อคนใดคนหนึ่ง และเจือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือ ความเต็มใจ เต็มที่ และเต็มกำลัง สิ่ง ๆ นั้นจะมีคุณค่าและมีความหมายสำหรับคนใดคนหนึ่งเสมอ..

หมายเลขบันทึก: 421358เขียนเมื่อ 19 มกราคม 2011 19:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 18:07 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สาธุ ขอบคุณที่ท่านบันทึกให้เรา Gotoknow ได้อ่านนะครับ

อย่างน้อยก็ช่วยให้เราได้คิด ได้สติ ไม่ประมาทจนเกินไป

แม้ว่าบางครั้งจะประมาทเอามาก ๆ เลยทีเดียวก็ตาม

ขอบพระคุณจริงๆ ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท