เรื่องของแม่หมอน..คนไข้อีกรายหนึ่งที่อาตมาคาดหวังในการเยี่ยมไข้ นานนับเดือน ความรู้สึกในการเข้าไปพบปะ หรือสนทนากัน เพื่อให้กำลังใจกัน เป็นการสื่อสารสองทาง ที่มีความเป็นไปได้สูงในการเยียวยา รักษาใจ ให้มีภูมิคุ้มกันเกี่ยวกับเวทนา และความลำบากกาย เสริมกำลังใจให้มีความอดทนต่อความเจ็บปวด อาการป่วยที่รอรับการเยียวยาจากบรรดาแพทย์ และพยาบาลที่ร่วมด้วยช่วยกันอย่างเต็มที่...
เรื่องของโยมหมอน ทำให้อาตมาได้นึกถึงน้าสาวที่เคารพรักคนหนึ่ง ที่เคยเล่าให้ฟัง... ตอนนี้น้าหมอนพร้อมแล้วที่จะพบกับอาตมา.. ก่อนหน้านี้ หัวหน้าพยาบาลตึก 8 ได้เล่ากิติศัพท์ของอาตมาให้คนไข้หลายๆ คนได้ฟัง หนึ่งในนั้นก็คือแม่หมอน...
คนไข้รายนี้ไม่มีแม้กระทั่งบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารใดๆ เกี่ยวกับบุคคล หรือยืนยันทางด้านทะเบียนราษฎร์แม้แต่อย่างเดียว แต่ทางโรงพยาบาลก็ได้รับเข้ารักษา เพื่อยืนยันสิทธิ์ในความเป็นคน และสิทธิในการรักษาและการใช้ประโยชน์ในสถานพยาบาล อาตมาได้ยินเรื่องนี้แล้ว อยากจะสาธุหลาย ๆ บรรทัด ซึ่งนับว่าเยี่ยมยอดที่สุด เกี่ยวกับ สิทธิเสรีภาพในความเป็นคน และในความเป็นคนไทย ในการยืนยันที่จะใช้สิทธิืของตนเองในการรักษาพยาบาลตน เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บ.....สาธุ..
ในห้องคนไข้เป็นกลุ่ม อยู่กันหลายเตียง เหมือนห้องผู้ป่วยอื่นๆ ที่เคยเข้าเยี่ยม.. เตียงมุมห้องด้านในสุด หญิงชราคนหนึ่งร่างท้วม ผิวคล้ำ ผมร่วง นั่งคอยมองทางเข้า และเห็นอาตมาเดินเข้ามาในห้องแต่ไกล แววตาแห่งความหวัง รอยยิ้มและท่าทางดีใจ และนอบน้อมผิดปกติ.. โยมก้มตัวลงช้าๆ และ มือซ้ายและขวา พยายามจะกราบลงหมอนที่เตรียมไว้ แต่ดูทุลักทุเลน่าเห็นใจ.. สองตามีน้ำคลอเบ้า เสียงอันสั่นเครือแสดงถึงความปิติอย่างที่สุด..
โยมแม่หมอนนะ...
เจ้าค่ะ... เสียงโยมตอบรอบมาด้วยถ้อยที..
หญิงชราเอื้อมมือปิดวิทยุเครื่องใหม่ กล่องใส่ยังวางอยู่ข้างบนที่นอนข้าง ๆ กำแพง..ด้วยความระมัดระวัง และเมื่อพระนั่งที่เก้าอี้ มุมที่สมควร ผู้ป่วยเตียงอื่น ๆ เริ่มขยับหาที่นั่ง และจัดเตรียมเก้าอี้ เข้ามาใกล้ที่สุด เพื่อนั่งฟังบทสนทนาและคำถาม.. สิ่งที่คนป่วยอยากได้สูงสุด คือ ความหวัง และกำลังใจ รวมถึง เรื่องราวต่าง ๆ ที่กำลังจะเป็นไป จากวันนี้..ถ้าหากว่าปฏิบัติตนตามที่ได้แนะนำ
กำลังใจของคนเรานั้น จะก่อเกิดหรือมีได้นั้น ต้องเริ่มมาจากตัวเองก่อน เริ่มมาจากจิตใจอันเข้มแข็งของตัวเอง ต้องสร้างจากจิตใต้สำนึกในการที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้นตามที่เราฝัน หรือปรารถนา หรือสร้างความเข้มแข็งให้ในจิต อย่าได้คิดหากำลังใจจากใครเลย หากเราไม่คิดแม้จะสู้หรือกระทำจากความตั้งใจ คนรอบข้างได้เพียงแต่นั่งมอง เพียงแค่กำลังใจ ซึ่งเป็นเพียงน้ำใจเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากว่ากำลังใจมาจากตัวเองนั้น ยิ่งใหญ่กว่าจากพ่อแม่ หรือคนรอบข้างที่มีพระคุณหลายเท่านัก
โยมแม่หมอน คือคนไร้ราก ไร้ที่อยู่ ก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่แม่บ้าน ทำความสะอาดในร้านสุกี้แห่งหนึ่งในตัวจังหวัด แต่เมื่อเริ่มสุขภาพไม่ดี จึงหยุดทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะไม่มีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อ ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีบ้าน ไม่ีมีอะไร หรือใครที่พอจะพึ่งพาอาศัยได้.. ฉากสุดท้ายแห่งวาระ จึงเป็นเรื่องราวที่สงบเงียบ และยุติทุกสิ่งทุกอย่างบนเพียงเตียงเก่า ๆ ของโรงพยาบาล นั่นคือความหวังสุดท้ายที่คนไข้ เคยพูดกับพยาบาลท่านหนึ่ง
ความอ่อนแรง อ่อนใจประดังเข้ามาหาคนไข้กับเรื่องราวเก่า ๆ ตลอดเวลา ทำให้สติ และปัญญาในการที่จะใช้ชีวิต หมดลง ไม่มีพละกำลังในการจะยืนเพื่อสู้ เพื่อหาบางสิ่งบางเพื่อให้ใจมีพละกำลัง... ไม่เคยคิดแม้จะเดินเข้าวัด ไม่เคยไหว้พระ ไม่เคยไหว้ใคร ไม่เคยมีใครเคยให้กำลังกับเราแม้แต่ครั้งเดียว
ชีวิตที่เปรียบเหมือนต้นไม้ที่แห้งกร้าน เหี่ยวเฉายืนบนพื้นดินที่แห้งแล้ง.. ไม่มีปุ๋ยใดๆ รดลงพร้อมกับสายน้ำที่ฉ่ำชื้น..เหมือนกับชีวิตถูกปฏิเสธจากเส้นทางบุญ
แต่ ณ วันนี้ ชีวิตที่เฉา แห้งเจียนตายของ โยมแม่หมอน.. ได้ถูกสวรรค์บันดาล ให้ฉ่ำเย็นอย่างวิเศษ เมื่อได้เข้ารับการรักษา.. เสียงธรรมะจากคลื่นความถี่วิทยุแห่งหนึ่ง เบิกทางบุญกุศลให้แก่โยมแม่หมอนแล้ว.. ธรรมะจากพระวิปัสสนาจารย์ พระนักเทศน์ พระนักจัดรายการหลายท่าน ได้ส่งเสียงผ่านคลื่นวิทยุความถี่ทุกวัน ด้วยความอนุเคราะห์ของพยาบาลที่ดูแล ร่่างกายที่ไร้วิญญาณของบรรดาคนไข้ ให้กลายสภาพมาเป็นไม้ใหญ่ที่หยัดยืนอยู่ไปได้อีกนานวัน..
ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกคน ทุกท่านที่พยายามปฏิบัติธรรม ให้ก่อเกิดปัญญา เกิดดวงตาเห็นธรรม เกิดความงดงามความสว่างในจิต ให้มีความเยือกเย็น ไพบูลย์ รู้วาระและความเป็นไป ท่ามกลางความสงบ และมีสติ กำหนดรู้ ถึงเวทนาในสังขาร.. และจิตวิญญาณ อย่างเต็มภาคภูมิ ต่อไป
มาเยี่ยมเยือนแม่หมอนครับผม นมัสการครับพระคุณเจ้า