บั้นปลายชีวิตอันอบอุ่น...ของคุณตาสนิท
ชีวิตคนเราถึงแม้จะหลีกหนีความแก่ เจ็บและตายไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะอยู่อย่างไรในบั้นปลายของชีวิตเมื่อยามเจ็บป่วยให้มีความสุขตามสมควรกับอัตภาพ ในช่วงระยะเวลาอันมีค่าก่อนตายได้ ดังเรื่องราวของคุณตาสนิท ที่จะบอกเล่าต่อไปนี้
คุณตาสนิทเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด
ที่เคยดิ้นรนเสาะแสวงหาการรักษา
ขอย้ายจากโรงพยาบาลชุมชุนไปยังโรงพยาบาลใหญ่เพียงเพื่อคาดหวังว่าจะสามารถช่วยเหลือ
และรักษาได้มากกว่าที่โรงพยาบาลชุมชนเล็กๆแห่งหนึ่งจะทำได้
แต่แล้วสิ่งที่คุณตาและครอบครัวประสบพร้อมกับคำตอบที่ได้รับก็ทำให้ต้องหันหลังกลับมารับการรักษาต่อเนื่องจากโรงพยาบาลชุมชนใกล้บ้าน
และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของพวกเราบุคลากรด้านสาธารณสุขที่จะมีโอกาสในการทำความดี
ประสานความร่วมมือระหว่างกัน แสวงหาตัวช่วย เทคนิคการดูแลต่างๆ
จนทำให้คุณตาและครอบครัวสามารถดำรงอยู่ในบั้นปลายของชีวิตได้อย่างมีความสุขตามสมควร
เราได้สัมผัสถึงกระบวนการเยียวยากันเองที่บ้านด้วยความเอื้ออาทรของลูกหลาน
คู่ชีวิต
รวมทั้งเพื่อนบ้านที่มาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจอย่างไม่ขาดสาย
บ้านชั้นล่างของคุณตาซึ่งเดิมเป็นบ้านชั้นเดียวใต้ถุนสูง
ญาติทำการก่ออิฐบล็อกปรับให้เป็นห้องโถงเสมือนห้องพิเศษขนาดใหญ่
อากาศถ่ายเทสะดวกเพราะมีหน้าต่างอยู่รายรอบตัวบ้าน
เป็นห้องพิเศษในบริบทของชุมชน ที่กว้างขวางพอที่จะรองรับผู้คน
กัลยาณมิตรที่มาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจได้เป็นอย่างดี
มีรถเข็นนั่ง และชุดอุปกรณ์สำหรับให้ออกซิเจนเตรียมไว้พร้อมใช้
อยู่ใกล้ๆกับเตียงนอนไม้ขนาดย่อมของผู้ป่วย มองลอดเข้าไปที่ใต้เตียง
เห็นกระบอกปัสสาวะถูกเตรียมไว้
เมื่อกวาดสายตาไปทั่วบริเวณ สะดุดเข้ากับเปลเด็กที่ผูกโยงไว้กับขื่อ
ไม่ไกลจากเตียงนอนของผู้ป่วยมากนัก มีเด็กน้อยหน้าตาบ้องแบ้ว
น่ารักน่าชัง หลับตาพริ้มอยู่ ทำให้ฉันหวลนึกถึงคำบอกเล่าของ
“สมใจ”ลูกสะไภ้ของผู้ป่วยเมื่อครั้งที่มาพบแพทย์ตามนัดที่โรงพยาบาลเพื่อขอรับยาแก้ปวดฉุกเฉิน(มอร์ฟีนไซรัปสูตรตำรับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว)
สมใจบอกว่าถ้าช่วงไหนที่ผู้ป่วยไม่ปวด จะดูอารมณ์ดี
ทั้งๆที่บางครั้งเหมือนไม่รู้สติมากนัก บางครั้งก็เพ้อ พูดเป็นคำๆ
ยิ้ม หัวเราะแล้วก็หลับต่อ ไม่โวยวาย ทำให้คนรอบข้างรู้สึกดี
บางครั้งที่เหมือนรู้สติก็จะขออุ้มหลาน
ญาติๆก็จะอุ้มหลานน้อยไปนอนข้างๆผู้ป่วยที่บนเตียง คุณตาก็จะอารมณ์ดี
ตบก้นหลานน้อยเล่นอยู่บ่อยๆ
คุณตาผูกพันกับหลานน้อยคนนี้มาก
เพราะว่าในวันที่เด็กคลอดเป็นวันเดียวกันกับที่คุณตาล้มป่วยเป็นครั้งแรก
จนต้องเข้านอนโรงพยาบาล และก็นอนเสียเป็นเวลานานเกือบเดือน
กว่าจะควบคุมอาการรบกวนได้
และมีความพร้อมที่จะกลับไปดูแลต่อเนื่องที่บ้าน
ในทุกคืนก่อนนอน ลูกๆจะสวดมนต์ให้คุณตาฟัง ไม่เคยขาด
แม้กระทั้งในคืนสุดท้ายก่อนที่คุณตาจะจากไป
คืนนั้น “พี่ระบอบ”พยาบาลประจำหมู่บ้านได้แวะเวียนไปให้กำลังใจ
และอยู่เป็นเพื่อนกับครอบครัวของคุณตาตั้งแต่หัวค่ำเมื่อญาติมาบอกว่าคุณตาอาการดูไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก
หลังจากที่ญาติๆ “ตานขัว”ให้เมื่อวาน
คืนนี้ญาติๆจึงนิมนต์พระมาอ่านธรรมให้ฟัง
ก่อนละสังขารไป คืนนั้น...คุณตาปราศจากอาการดิ้นรนกระวนกระวาย
มีการหายใจลึก ขาดเป็นห้วงๆ แล้วก็...จากไป
ท่ามกลางความเสียใจของหมู่ญาติและเพื่อนบ้านที่รายล้อมรอบเตียงผู้ป่วย
นี่คงเป็นเพราะคุณความดีของคุณตาสินะ ที่แม้แต่เวลาจะจากโลกนี้ไป
ก็ไม่เงียบเหงา
มีกัลยาณมิตรมากมายมาเฝ้าส่งคุณตาให้ถึงฝั่ง
เรื่องราวดีๆ จากระบบการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายของเราเกิดขึ้นอีกมากมาย ใน CUP ปัว...เมื่อวันก่อน เจอ “หมอจูน” ในที่ประชุมร่วมของ CUP ...เหมือนรู้ใจ เจอกันก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับคนไข้ระยะสุดท้ายในความดูแลให้คุยกัน...คล้ายพูดจาภาษาเดียวกัน และวันนั้นเรื่องราวของพ่อสมบูรณ์ ผู้ป่วยมะเร็งท่อทางเดินน้ำดี ตำบลศิลาแลงก็เริ่มต้นขึ้น
***
สวัสดีปีใหม่จ้า ขอเรียนรู้และอ่าเรื่องเล่าดีๆด้วยจ้า
ดีใจแทนผู้เจ็บป่วยที่ต้องการเสียชีวิตที่บ้านอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นคน ได้จากไปท่ามกลางลูกหลานอย่างมีความสุข
น้อง รพ ปัว สบายดีนะคะ
ด้วยความยินดีค่ะ พี่ท้องฟ้า...สวัสดีคนเมืองแป้เจ้า...
-ขอบคุณค่ะพี่แก้ว...ยังสบายดีค่ะ
-เมื่อญาติโทรมาแจ้งเราว่าผู้ป่วยเสียชีวิตแล้วที่บ้าน หลายครั้งที่ใจหนึ่งนั้นรู้สึกเสียใจกับความสูญเสียของคนที่อยู่เบื้องหลัง แต่อีกใจหนึ่งนั้นก็รู้สึกว่าเราได้ทำหน้าที่ของเพื่อนมนุษย์ที่ควรทำลุล่วงไปแล้ว นั่นก็คือการอยู่เคียงข้างผู้ป่วยและครอบครัวให้การสนับสนุนทั้งความรู้ แรงใจ ให้เขาได้เดินทางไปถึงฝั่งฝัน...
มาขออนุญาตเอาบทความดีๆไปลงหนังสือเครือข่าย MS-PCARE ในหัวข้อ community pallitive care นะครับ
ด้วยความยินดีค่ะอาจารย์ และถือโอกาสนี้ขออนุญาติใช้สไลด์ของอาจารย์เรื่อง Advance care plan จากการอบรมที่ทีเคพาเลซ ในการสอนบุคลากรพยาบาลต่อด้วยนะคะ...ขอบพระคุณค่ะ