มีหลักธรรมหนึ่ง ชื่อ อปัณณกปฏิปทา (ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด) เพื่อการอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน และให้สงบยิ่งๆขึ้นไป ประกอบด้วย ๓ องค์ธรรม คือ การคุ้มครองทวาร (๑) เพื่อไม่สร้างกิเลสใหม่ และการขูดเกลากิเลสเก่าออก (๒) เมื่อไม่เพิ่มของใหม่ ลดของเก่า จิตจึงค่อยๆสงบขึ้น
ซึ่งจะทำอย่างนั้นได้ ต้องไม่ทานจนอิ่มเกินไป (๓) อันจะชวนให้เกียจคร้าน
มีพุทธพจน์อธิบายความหมายขององค์ธรรมไว้ในพระสูตรนี้ค่ะ
รโถปมสูตร
ว่าด้วยอุปมาด้วยรถ
[๒๓๙] ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ มีสุขโสมนัสมากอยู่ในปัจจุบัน และย่อมปรารภเหตุเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
ธรรม ๓ ประการ อะไรบ้าง คือ
๑ ภิกษุคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย
๒ รู้ประมาณในการบริโภคอาหาร
๓ ประกอบความเพียรเครื่องตื่นเนืองๆ
ภิกษุชื่อว่าคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย เป็นอย่างไร
คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปทางตาแล้ว ไม่รวบถือ ไม่แยกถือ ปฏิบัติเพื่อสำรวมจักขุนทรีย์ซึ่งเมื่อไม่สำรวมแล้วก็จะพึงเป็นเหตุให้ถูกธรรมที่เป็นบาปอกุศลคือ อภิชฌา และ โทมนัส ครอบงำได้ จึงรักษาจักขุนทรีย์ ถึงความสำรวมในจักขุนทรีย์
ภิกษุฟังเสียงทางหูแล้ว ... ดมกลิ่นทางจมูก .... ลิ้มรสทางลิ้น .... ถูกต้องโผฏฐัพพะทางกาย .... รู้แจ้งธรรมารมณ์ทางใจแล้วไม่รวบถือ ไม่แยกถือ ปฏิบัติเพื่อสำรวมมนินทรีย์ซึ่งเมื่อไม่สำรวมแล้วก็จะพึงเป็นเหตุให้ถูกธรรมที่เป็นบาปอกุศลคือ อภิชฌา และ โทมนัส ครอบงำได้ จึงรักษามนินทรีย์ งความสำรวมในมนินทรีย์
นายสารถีฝึกม้าผู้ฉลาด เป็นอาจารย์ฝึกม้าขึ้นสู่รถม้าซึ่งมีประตักเตรียมพร้อมไว้แล้ว ดึงเชือกด้วยมือซ้าย ถือประตักด้วยมือขวา ขับไปข้างหน้าก็ได้ ถอยหลังก็ได้ ในถนนใหญ่สี่แยกซึ่งมีพื้นเรียบเสมอตามต้องการแม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมศึกษาเพื่อรักษา ย่อมศึกษาเพื่อสำรวม ย่อมศึกษาเพื่อฝึกฝน ย่อมศึกษาเพื่อระงับอินทรีย์ ๖ ประการนี้
ภิกษุชื่อว่าคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลายเป็นอย่างนี้แล
ภิกษุชื่อว่ารู้ประมาณในการบริโภคอาหาร เป็นอย่างไร
คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้พิจารณาโดยแยบคายแล้วฉันอาหาร ไม่ใช่เพื่อเล่น ไม่ใช่เพื่อมัวเมา ไม่ใช่เพื่อประดับ ไม่ใช่เพื่อตกแต่ง แต่เพียงเพื่อความดำรงอยู่ได้แห่งกายนี้ เพื่อให้กายนี้เป็นไปได้ เพื่อกำจัดความเบียดเบียน เพื่ออนุเคราะห์พรหมจรรย์ด้วยคิดเห็นว่า เราจักกำจัดเวทนาเก่าและจักไม่ให้เวทนาใหม่เกิดขึ้น ความดำเนินไปแห่งกาย ความไม่มีโทษ และความผาสุกจักมีแก่เรา
บุรุษพึงทาแผลเพื่อต้องการให้หาย หรือบุรุษพึงหยอดเพลารถก็เพียงเพื่อต้องการขนสิ่งของไปได้แม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน พิจารณาโดยแยบคายแล้วฉันอาหาร ไม่ใช่เพื่อเล่น ไม่ใช่เพื่อมัวเมา ไม่ใช่เพื่อประดับ ไม่ใช่เพื่อตกแต่ง แต่เพียงเพื่อความดำรงอยู่ได้แห่งกายนี้ เพื่อให้กายนี้เป็นไปได้ เพื่อกำจัดความเบียดเบียน เพื่ออนุเคราะห์พรหมจรรย์ด้วยคิดเห็นว่า เราจักกำจัดเวทนาเก่าและจักไม่ให้เวทนาใหม่เกิดขึ้น ความดำเนินไปแห่งกาย ความไม่มีโทษ และความผาสุกจักมีแก่เรา
ภิกษุชื่อว่ารู้ประมาณในการบริโภคอาหารเป็นอย่างนี้แล
ภิกษุชื่อว่าประกอบความเพียรเป็นเครื่องตื่นอยู่เนืองๆ เป็นอย่างไร
คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรมทั้งหลายที่เป็นเหตุขัดขวาง ด้วยการจงกรม ด้วยการนั่ง ตลอดวัน ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรมทั้งหลายที่เป็นเหตุขัดขวางด้วยการจงกรม ด้วยการนั่ง ตลอดปฐมยามแห่งราตรี นอนดุจราชสีห์โดยข้างเบื้องขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะ หมายใจว่าจะลุกขึ้น ตลอดมัชฌิมยามแห่งราตรี ลุกขึ้นชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรมทั้งหลายที่เป็นเหตุขัดขวาง ด้วยการจงกรม การนั่ง ตลอดปัจฉิมยามแห่งราตรี
ภิกษุชื่อว่าประกอบความเพียรเครื่องตื่นอยู่เนืองๆ เป็นอย่างนี้แล
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล ชื่อว่ามีสุขโสมนัสมากอยู่ในปัจจุบัน และชื่อว่าปรารภเหตุเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
...........................................................
จากพระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค (แปล)
หมายเหตุ
อภิชฌามักพบคำแปลบ่อยๆว่า "โลภอยากได้ของเขา" แต่ดิฉันชอบคำแปลที่พระคุณเจ้า ป.อ.ปยุตฺโต แปลไว้ในที่หนึ่งว่า "ความร่านทะยานอยาก" มากกว่าค่ะ
รวบถือ (นิมิตฺตคฺคาหี - มองภาพด้านเดียว) คือมองภาพรวม โดยเห็นเป็นหญิง หรือชาย เห็นว่ารูปสวย เสียงไพเราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสที่อ่อนนุ่ม เป็นอารมณ์ที่น่าปรารถนาด้วยอำนาจฉันทราคะ
แยกถือ (อนุพฺยญฺชนคฺคาหี - มองภาพ 2 ด้าน) คือมองแยกเป็นส่วนๆไปด้วยอำนาจกิเลส เช่น เห็นมือ เท้า ว่าสวยหรือไม่สวย เห็นอาการยิ้มแย้ม หัวเราะ การพูด ว่าน่ารัก หรือไม่น่ารัก ถ้าเห็นว่าว่าสวย น่ารัก ก็เกิดอิฏฐารมณ์ (อารมณ์ที่น่าปรารถนาด้วยอำนาจราคะ) ถ้าเห็นว่าไม่สวย ไม่น่ารัก ก็เกิดอนิฏฐารมณ์ (อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนาด้วยอำนาจปฏิฆะ หรือความขัดใจ)
สวัสดีค่ะ
มาศึกษาธรรม ตอนเลิกพักกลางวันค่ะ วันนี้อากาศเย็นครึ้มฝน
แต่ลมแรงค่ะ คุณณัฐรดาสบายดีนะคะ
ภาพหอไตรวัดพระธาตุหริภุญชัย ลำพูนค่ะ
สวัสดีครับพี่ณัฐรดา
แวะมาเรียนรู้ และเติมธรรมะที่พี่นำมามอบให้เช่นเดิมครับ
ความเพียร นำมาซึ่งความสุข จากผลของการปฏิบัติจริง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ใหมครับพี่
ขอบคุณครับ