แผนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 3
รหัสวิชา ว40242 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาชีววิทยา ปีการศึกษา 2553
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 3 เรื่องความหมายและกลไกการเกิดพฤติกรรมในสิ่งมีชีวิต เวลา 1 ชั่วโมง
สาระที่ 1 สิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดำรงชีวิต
มาตรฐานการเรียนรู้ ว 1.1 เข้าใจหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสิ่งมีชีวิตที่ทำงานสัมพันธ์กัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ในการดำรงชีวิตของตนเองและดูแลสิ่งมีชีวิต
สาระสำคัญ
พฤติกรรม (Behavior) คือ กริยาอาการที่แสดงออกหรือปฏิกิริยาโต้ตอบเมื่อเผชิญกับสิ่งเร้า (Stimulus) หรือสถานการณ์ต่างๆ อาการแสดงออกต่าง ๆ เหล่านั้น อาจเป็นการเคลื่อนไหวที่สังเกตได้หรือวัดได้ เช่น การเดิน การพูด การเขียน การคิด การเต้นของหัวใจ เป็นต้น ส่วนสิ่งเร้าที่มากระทบแล้วก่อให้เกิดพฤติกรรมก็อาจจะเป็นสิ่งเร้าภายใน (Internal Stimulus) และสิ่งเร้าภายนอก (External Stimulus)
การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกร่างกายสิ่งมีชีวิตนั้น อาจเกิดขึ้นทันทีทันใดหรืออาจเกิดขึ้นช้า ๆ ทำให้ชีวิตแสดงพฤติกรรม (behavior) ซึ่งเป็นกลไกอย่างหนึ่งในการรักษาดุลยภาพของร่างกาย
สาระการเรียนรู้
1. ความหมายของพฤติกรรม
2. กลไกการเกิดพฤติกรรม
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. สืบค้นข้อมูล ทดลอง และอธิบายพฤติกรรมของสัตว์บางชนิดในสิ่งแวดล้อม
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายของพฤติกรรมได้
2. อธิบายกลไกการเกิดพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตได้
3. ยกตัวอย่างพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้
4. ระบุเป้าหมายในการแสดงพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้
ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 ขั้นนำเสนอ
1. นำภาพเกี่ยวกับการแสดงออกของสุนัขให้นักเรียนสังเกตและอภิปรายร่วมกัน ดังนี้
- เวลาสุนัขกระดิกหาง หมายความว่าอย่างไร
- ท่าทางการขู่กรรโชกของสุนัข หมายถึงอะไร
- เราทราบได้อย่างไรว่าสุนัขโกรธ ดีใจ หิว หรือกลัว
2. แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้
3. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน จำนวน 10 ข้อ
ขั้นที่ 2 ขั้นวางแผน
4. แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 12 กลุ่ม ๆ ละ 3 คน โดยให้แต่ละกลุ่มเลือกหัวหน้ากลุ่ม พร้อมทั้งตั้งชื่อกลุ่ม (ใช้กลุ่มเดิม)
5. นักเรียนศึกษาความรู้เรื่องความหมายและกลไกการเกิดพฤติกรรมในสิ่งมีชีวิต
จากใบความรู้ที่ 2 เรื่อง ความหมายและกลไกการเกิดพฤติกรรมในสิ่งมีชีวิต
ขั้นที่ 3 ขั้นปฏิบัติ
6. นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมตามแบบบันทึกกิจกรรมที่ 3 เรื่องความหมายและกลไกการเกิดพฤติกรรมในสิ่งมีชีวิต
7. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันเขียนแผนที่ความคิดเรื่องความหมายและกลไกการเกิดพฤติกรรมในสิ่งมีชีวิต
8. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน พร้อมกับนำผลงานไปช่วยกันจัดแสดงบนบอร์ดหน้าห้องเรียน หรือสถานที่ที่เหมาะสม
ขั้นที่ 4 ขั้นประเมินผล
9. ทดสอบความรู้ความเข้าใจ เรื่อง ความหมายและกลไกการเกิดพฤติกรรมในสิ่งมีชีวิต โดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน จำนวน 10 ข้อ (ชุดเดิมกับก่อนเรียน)
10. ประเมินผลงานการทำกิจกรรมของกลุ่มโดยตรวจให้คะแนนการทำกิจกรรมในแบบบันทึกการทำกิจกรรมที่ 2 เรื่องความหมายและกลไกการเกิดพฤติกรรมในสิ่งมีชีวิต
11. ประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้
1. สื่อการเรียนรู้
1. ภาพข่าว
2. ใบความรู้ที่ 2 เรื่องความหมายและกลไกการเกิดพฤติกรรมในสิ่งมีชีวิต
3. แบบทดสอบความรู้ความเข้าใจ เรื่อง ความหมายและกลไกการเกิดพฤติกรรม
ในสิ่งมีชีวิต จำนวน 10 ข้อ
2. แหล่งเรียนรู้
1. ห้องสมุด
2. อินเตอร์เน็ต
การวัดและประเมินผล
1. ประเมินความรู้
2. ประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้/คุณลักษณะอันพึงประสงค์
3. ประเมินผลงาน
เกณฑ์การวัดและประเมินผล
1. การให้คะแนนแบบทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียน
1.1 ให้คะแนน 1 คะแนน สำหรับข้อที่ตอบถูก
1.2 ให้คะแนน 0 คะแนน สำหรับข้อที่ตอบผิด
2. ให้คะแนนพฤติกรรมการเรียนรู้
2.1 คะแนน 1 คะแนน หมายถึง ไม่ผ่าน
2.2 คะแนน 2 คะแนน หมายถึง ผ่าน
2.3 คะแนน 3 คะแนน หมายถึง ดี
2.4 คะแนน 4 คะแนน หมายถึง ดีเยี่ยม
3. การให้คะแนนผลงาน/แบบฝึกหัด
3.1 ร้อยละ 0-20 หมายถึง ระดับคุณภาพควรปรับปรุง
3.2 ร้อยละ 21-50 หมายถึง ระดับคุณภาพพอใช้
3.4 ร้อยละ 51-80 หมายถึง ระดับคุณภาพดี
3.5 ร้อยละ 81-100 หมายถึง ระดับคุณภาพดีเยี่ยม
เกณฑ์การประเมิน
ข้อเสนอแนะจากผู้บริหารหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
ลงชื่อ
(นายคำก้อน วงแสนสุข)
ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนสหัสขันธ์ศึกษา
................/.............../..............
บันทึกผลหลังการทำกิจกรรมการเรียนรู้
1. เวลาที่ใช้ในการทำกิจกรรม
( ) ทันตามกำหนดเวลา ( ) ใช้เวลาน้อยกว่า ............นาที ( ) ใช้เวลามากกว่า ............นาทีกิจกรรมที่ควรปรับเวลาคือ....................................................................................................................
2. ผลการทำกิจกรรมการเรียนรู้
2.1 ด้านความรู้ความเข้าใจ จากการทำแบบทดสอบหลังเรียน นักเรียนมีคะแนนดังนี้
ได้คะแนน 6 - 10 คะแนน (ร้อยละ 60 ขึ้นไป) จำนวน................คน คิดเป็นร้อยละ...........................
ได้คะแนน 0 – 5 คะแนน (น้อยกว่าร้อยละ 60) จำนวน...............คน คิดเป็นร้อยละ...........................
สำหรับนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน (ได้คะแนนน้อยกว่าร้อยละ 60) ได้ดำเนินการดังนี้
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
2.2 ด้านผลงาน จากการสร้างสรรค์ผลงานตามกิจกรรมการเรียนรู้ และแบบฝึกหัด
นักเรียนมีคะแนนผลงานดังนี้
ผลงานในระดับดีมาก (ร้อยละ 81-100) จำนวน......................กลุ่ม คิดเป็นร้อยละ.............................
ผลงานในระดับดี (ร้อยละ 51-80) จำนวน......................กลุ่ม คิดเป็นร้อยละ..............................
ผลงานในระดับพอใช้ (ร้อยละ 21-50) จำนวน......................กลุ่ม คิดเป็นร้อยละ..............................
ผลงานในระดับต้องปรับปรุง (ร้อยละ 0-20) จำนวน....................กลุ่ม คิดเป็นร้อยละ.......................
สำหรับนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน (มีผลงานในระดับต้องปรับปรุง) ได้ดำเนินการดังนี้
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์/พฤติกรรมการเรียนรู้ นักเรียนได้รับการประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ในระดับต่างๆดังนี้
ระดับดีเยี่ยม (4 คะแนน) จำนวน......................คน คิดเป็นร้อยละ............................
ระดับดี (3 คะแนน) จำนวน......................คน คิดเป็นร้อยละ............................
ระดับผ่าน (2 คะแนน) จำนวน......................คน คิดเป็นร้อยละ............................
ระดับไม่ผ่าน (1 คะแนน) จำนวน......................คน คิดเป็นร้อยละ............................
สำหรับนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน (พฤติกรรมการเรียนรู้ในระดับไม่ผ่าน) ได้ดำเนินการดังนี้
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
2.4 ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
ลงชื่อ
(นางนิกร ชมภูจักร)
ตำแหน่ง ครูชำนาญการ
................../..................../.....................
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน เรื่อง: ความหมายและกลไกการเกิดพฤติกรรมในสิ่งมีชีวิต
คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด แล้วทำเครื่องหมาย X ลงในกระดาษคำตอบ |
|
1.อะไรเป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกิดพฤติกรรรม ก. ระบบกล้ามเนื้อ ข. ระบบประสาท ค. ก และ ข ง. ก , ข และ ฮอร์โมน
|
6. การแสดงพฤติกรรมที่ต่างกันอาจขึ้นอยู่กับอะไร ก. อายุและ เพศ ข. ขนาดของร่างกายและสิ่งแวดล้อม ค. ความเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อและระบบ ประสาท ง. ถูกทุกข้อ |
2. "พฤติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นแบบง่ายๆ เช่น การเคลื่อนที่แบบไร้ทิศทาง" ข้อความนี้ตรงกับสัตว์ประเภทใด ก. โพรทิสต์ ข. สัตว์ชั้นสูง ค. ซีเลนเทอเรต ง. ข้อ 1 และ 3
|
7. การแสดงพฤติกรรมเป็นส่วนหนึ่งของกลไกใด ก. สรีรวิทยา ข. การแสดงความรู้สึก ค. การเสริมสร้างร่างกาย ง. การรักษาดุลยภาพของร่างกาย |
3. ข้อใดไม่จัดเป็นอวัยวะรับความรู้สึก ก. ตา ข. จมูก ค. ผิวหนัง ง. ปาก
|
8. กลไกการเกิดพฤติกรรมของสัตว์ขึ้นอยู่กับอะไร ก. สมอง ข. ประสาท ข. การสัมผัส ง. การมองเห็น |
4. พฤติกรรมใดที่แสดงออกเมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้น ก. ความต้องการทางเพศ ข. นอน ค. วิ่ง ง. กินอาหาร |
9. พฤติกรรมจะสลับซับซ้อนมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการเจริญเติบโตของอะไร ก. ระบบหายใจ ข. ระบบกล้ามเนื้อ ค. ระบบประสาท ง. ระบบโครงกระดูก |
5. แรงดึงดูดของโลก จัดเป็นอะไร ก. พฤติกรรม ข. สิ่งเร้าภายนอก ค. สิ่งเร้าภายใน ง. อวัยวะรับความรู้สึกภายใน
|
10. การศึกษาพฤติกรรมสัตว์ทำได้กี่วิธี อะไรบ้าง ก. ชีววิทยา และ พฤติกรรม ข. สรีรวิทยา พฤติกรรม และ การแสดงออก ค. สรีรวิทยา และ จิตวิทยา ง. จิตวิทยา การสังเกต สรีรวิทยา และการเฝ้าดู |
ใบความรู้ ที่ 2
เรื่อง ความหมายและกลไกการเกิดพฤติกรรมในสิ่งมีชีวิต
1. ความหมายของพฤติกรรม
พฤติกรรม (Behavior) คือ กริยาอาการที่แสดงออกหรือปฏิกิริยาโต้ตอบเมื่อเผชิญกับสิ่งเร้า (Stimulus) หรือสถานการณ์ต่าง ๆ อาการแสดงออกต่าง ๆ เหล่านั้น อาจเป็นการเคลื่อนไหวที่สังเกต
ได้หรือวัดได้ เช่น การเดิน การพูด การเขียน การคิด
การเต้นของหัวใจ เป็นต้น
ส่วนสิ่งเร้าที่มากระทบแล้วก่อให้เกิดพฤติกรรมก็อาจจะเป็นสิ่งเร้าภายใน
(Internal Stimulus) และสิ่งเร้าภายนอก (External Stimulus)
สิ่งเร้าภายใน ได้แก่ สิ่งเร้าที่เกิดจากความต้องการทางกายภาพ เช่น
ความหิว ความกระหาย
สิ่งเร้าภายในนี้จะมีอิทธิพลสูงสุดในการกระตุ้นเด็กให้แสดงพฤติกรรม
และเมื่อเด็กเหล่านี้โตขึ้นในสังคม สิ่งเร้าใจภายในจะลดความสำคัญลง
สิ่งเร้าภายนอกทางสังคมที่เด็กได้รับรู้ในสังคมจะมีอิทธิพลมากกว่าในการกำหนดว่าบุคคลควรจะแสดงพฤติกรรมอย่างใดต่อผู้อื่น
สิ่งเร้าภายนอก ได้แก่ สิ่งกระตุ้นต่าง ๆ
สิ่งแวดล้อมทางสังคมที่สามารถสัมผัสได้ด้วยประสาท
ทั้ง 5 คือ หู ตา คอ จมูก การสัมผัส
การศึกษาพฤติกรรมของสัตว์ ทำได้ 2 วิธีคือ
1. วิธีการทางสรีรวิทยา (Physiological approach)
มีจุดมุ่งหมายเพื่ออธิบาย พฤติกรรมในรูปของกลไกการทำงาน
ของระบบประสาท
2. วิธีการทางจิตวิทยา (Psychological approach) เป็นการศึกษาถึงผลของปัจจัยต่างๆรอบตัวและปัจจัยภายในร่างกายที่มีผลต่อการพัฒนาและการแสดงออกของพฤติกรรมที่มองเห็นได้ชัดเจน
2. กลไกการเกิดพฤติกรรม
ขณะที่แมววิ่งไล่จับหนูหรือตะครุบจิ้งจกเป็นอาหาร
ถ้าพิจารณาถึงกลไกของระบบประสาทที่ทำให้ร่างกายตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมได้รวดเร็ว
ก็น่าจะอธิบายได้ว่า
แมวรับรู้สิ่งเร้าโดยการได้ยินและการเก็บเหยื่อซึ่งเป็นสิ่งเร้าภายนอก
แล้วส่งกระแสประสาทไปยังสมอง จากนั้นสมองจะสั่งการมายังอวัยวะต่างๆ
ให้ทำงานหรือแสดงพฤติกรรมออกมา
ในการแสดงพฤติกรรมของสัตว์นั้นนอกจากจะถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าแล้ว
สัตว์จะแสดงพฤติกรรมได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุจูงใจ (motivation)
ให้แสดงพฤติกรรมนั้นๆ
เหตุจูงใจนี้หมายถึงความพร้อมภายในร่างกายของสัตว์ก่อนที่จะแสดงพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง
ตัวอย่างของเหตุจูงใจนี้เช่น ความหิวโหย ความกระหาย
เหตุจูงใจเกิดจากการทำงานร่วมกันของปัจจัยหลายประการ ได้แก่
สุขภาพทั่วไปของสัตว์ ฮอร์โมน ระบบประสาท
หรือประสบการณ์ที่สัตว์ได้รับ
การที่สัตว์จะแสดงพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาได้
สัตว์จะต้องมีเหตุจูงใจอยู่ในระดับที่สูงพอสมควรและได้รับสิ่งเร้าหรือตัวกระตุ้นที่สอดคล้องกับเหตุจูงใจนั้นๆ
ตัวอย่างเช่น
เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดต่ำจะไปกระตุ้นหน่วยรับความรู้สึกในสมอง
สัตว์จะเกิดความหิวโหย
และสมองจะสั่งคำสั่งไปยังวงจรของกระแสประสาทที่ทำหน้าที่ควบคุมพฤติกรรมการกินอาหารให้พร้อมที่จะทำงาน
เมื่อสัตว์ได้รับตัวกระตุ้นที่เหมาะสมคือ อาหาร
วงจรกระแสประสาทจะทำให้เกิดพฤติกรรมการกินอาหารออกมาทันที
ตัวกระตุ้นที่เหมาะสมกับความพร้อมในร่างกายของสัตว์
และทำให้สัตว์ปลดปล่อยพฤติกรรมออกมาได้นี้ เรียกว่า
ตัวกระตุ้นปลดปล่อย (releasing stimulus)
ส่วนวงจรกระแสประสาทที่ไวต่อตัวกระตุ้นปลดปล่อยนี้เรียกว่า
กลไกการปลดปล่อยพฤติกรรม (releasing mechanism)
โดยทั่วไปความสัมพันธ์ระหว่างเหตุจูงใจ
และตัวกระตุ้นปลดปล่อยจะเป็นปฏิภาคกลับกัน
ถ้าเหตุจูงใจสูงสัตว์จะสามารถแสดงพฤติกรรมออกมาได้
แม้ตัวกระตุ้นปลดปล่อยจะไม่รุนแรง
ในทางตรงข้ามถ้าเหตุจูงใจของสัตว์ต่ำ สัตว์จะแสดงพฤติกรรมได้
เมื่อตัวกระตุ้นปลดปล่อยมีความรุนแรงมาก
จากตัวอย่างการแสดงพฤติกรรมที่กล่าวมา
คงพอจะทำให้เห็นภาพกลไกโครงสร้างของร่างกายที่ควบคุมการเกิดพฤติกรรมได้ดังแผนภาพ
ภาพประกอบ 3.1 กลไกการเกิดพฤติกรรมของสัตว์
ที่มา : http://www.nana-bio.com/e-learning/Behavior/Learned.htm
ภาพประกอบ 3.2 แผนภาพแสดงกลไกการเกิดพฤติกรรมและระบบประสาท
สำหรับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่ไม่มีระบบประสาทหรือมีระบบประสาทที่ไม่เจริญ
จะมีโครงสร้างบางอย่าง เช่น มีเส้นใยประสานงาน
และมีหน่วยรับความรู้สึกอยู่ที่ผิวของร่างกายซึ่งไวต่อสิ่งเร้าหลายชนิด
เป็นกลไกควบคุมการเกิดพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตพวกนี้ด้วย
พฤติกรรมจะสลับซับซ้อนเพียงใดขึ้นกับระดับความเจริญของปัจจัยสำคัญต่างๆ
(ในแผนภาพ) อันก่อให้เกิดพฤติกรรมนั้นๆ
ปัจจัยดังกล่าวแยกออกได้เป็น
1. หน่วยรับความรู้สึก (receptor) คือส่วนของเซลล์ หรือเนื้อเยื่อที่ไวเป็นพิเศษต่อสิ่งเร้าชนิดใดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะ และสามารถเปลี่ยนพลังงานที่ได้รับจากการกระตุ้น เช่น แสง ความร้อน ให้เป็นกระแสประสาท แบ่งเป็น หน่วยรับความรู้สึกภายนอกร่างกาย และหน่วยรับความรู้สึกภายในร่างกาย
2. ระบบประสาทส่วนกลาง (central nervous system) คือ ศูนย์รวมข้อมูลและออกคำสั่ง ประกอบด้วยกลุ่มเซลล์ประสาท และเส้นใยประสาทจำนวนมากมารวมกัน ซึ่งจะมีความสลับซับซ้อนมากน้อยเพียงใดขึ้นกับชนิดของสัตว์ ในสัตว์มีกระดูกสันหลังจะมีระบบประสาทส่วนกลางที่พัฒนาการดี เช่น สมอง และไขสันหลัง ในโพรโทซัว และฟองน้ำ จะไม่มีระบบประสาทส่วนกลางนี้เลย สิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะมีหน่วยรับความรู้สึกที่ไวต่อสิ่งเร้าอยู่ใกล้กับหน่วยปฏิบัติงานมาก จึงแสดงพฤติกรรมได้โดยไม่ต้องผ่านระบบประสาทส่วนกลาง
3. หน่วยปฏิบัติงาน (effector) คือ ส่วนของร่างกายที่ใช้ตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ ในรูปการเคลื่อนไหว ระดับความเจริญของหน่วยปฏิบัติงานในสัตว์มักจะสัมพันธ์กับระดับความเจริญของหน่วยรับความรู้สึกของระบบประสาทส่วนกลาง เช่น ในสัตว์มักจะมีกล้ามเนื้อเป็นหน่วยปฏิบัติงาน
สัตว์แสดงพฤติกรรมมากมายหลายอย่างเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่แตกต่างกัน การแสดงพฤติกรรมไม่ได้เป็นไปอย่างง่ายๆ ตรงไปตรงมาเท่านั้น บางพฤติกรรมก็ซับซ้อนโดยเฉพาะพฤติกรรมของคนซึ่งยากแก่การจำแนกได้ว่าการแสดงออกนั้นเป็นพฤติกรรมแบบใดแน่ อย่างไรก็ตามนักพฤติกรรมได้พยายามจำแนกพฤติกรรมออกเป็นแบบต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษาและทำความเข้าใจ
3. ประเภทของพฤติกรรม : แบ่งออกเป็น 2 แบบคือ
1. พฤติกรรมที่มีมาแต่กำเนิด (Inherited behavior) เป็นพฤติกรรมแบบง่ายๆ เป็นลักษณะเฉพาะที่ใช้ในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าชนิดใดชนิดหนึ่ง เช่น แสง เสียง แรงโน้มถ่วงของโลก สารเคมี หรือเหตุการณ์ที่เกิดเป็นช่วงเวลาที่สม่ำสมอ เช่น กลางวัน กลางคืน น้ำขึ้นน้ำลง ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงฤดูกาล ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวเพื่อปรับตำแหน่งที่เหมาะสม ความสามารถในการแสดงพฤติกรรมได้มาจากพันธุกรรมเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้มาก่อน มีแบบแผนที่แน่นอนเฉพาะตัว สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันจะแสดงลักษณะเหมือนกันหมด มีลักษณะดังนี้
1.
เป็นพฤติกรรมง่ายๆที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าชนิดใดชนิดหนึ่ง
2.
การแสดงพฤติกรรมได้มาจากพันธุกรรมเท่านั้น
ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้มาก่อน
3.
มีแบบแผนที่แน่นอนเฉพาะตัว
สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันจะแสดงลักษณะเหมือนกัน
หมด
2. พฤติกรรมการเรียนรู้ (Learned behavior) เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นได้โดยอาศัยประสบการณ์หรือการเรียนรู้ของสัตว์ พฤติกรรมแบบส่วนนี้ส่วนใหญ่พบในสัตว์ชั้นสูงที่มีระบบประสาทที่เจริญดี แต่ในสัตว์ชั้นต่ำบางชนิดก็สามารถแสดงพฤติกรรมประเภทนี้ได้
กิจกรรมที่ 2 ความหมายของพฤติกรรม
1. ให้นักเรียนจัดทำ Mind Mapping เกี่ยวกับ ความหมาย กลไกการเกิดและประเภทของพฤติกรรม
2. ให้นักเรียนลงความเห็นจากประโยคสถานการณ์ ที่กำหนดให้แล้วเขียนตอบ ว่าอะไรคือสิ่งเร้าและอะไร คือพฤติกรรมที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้านั้นในตาราง
สถานการณ์ |
สิ่งเร้า |
พฤติกรรมที่ตอบสนอง |
1. สุนัขน้ำลายไหลเมื่อเห็นไก่ย่างบนโต๊ะ |
||
2. กิ้งกือม้วนตัวเป็นวงกลมเมื่อคนเอาไม้ เขี่ยตัวมัน |
||
3. กบจำศีลอยู่ใต้ดินในหน้าแล้ง |
||
4. ลูกนกส่งเสียงร้องและอ้าปากกว้างเมื่อแม่ นกบินกลับรังพร้อมอาหาร |
ละเอียดมากครับ แต่เด็กผมถึงชั้น ม.๓ ครับ
ชื่อเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอน วิชาสุขศึกษา เรื่องสร้างเสริมสุขภาพ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โดยใช้บทเรียนมัลติมีเดีย ผู้รายงาน นางเครือวัลย์ บุญกว้าง ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการ โรงเรียนเทศบาลนาเชือก สังกัดกองการศึกษา เทศบาลตำบลนาเชือก อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม กรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ปีที่พิมพ์ 2554 บทคัดย่อ การพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอน วิชาสุขศึกษา เรื่องสร้างเสริมสุขภาพ ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โดยใช้บทเรียนมัลติมีเดีย โดยมุ่งให้ผู้เรียนได้ศึกษาเรียนรู้ในการดูแลสุขภาพ ให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ห่างไกลจากโรคระบาดในชุมชน สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น การศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมายของการศึกษา 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนมัลติมีเดีย เรื่อง สร้างเสริมสุขภาพ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนมัลติมีเดีย 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนมัลติมีเดีย กลุ่มเป้าหมายได้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 27 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาสุขศึกษา จำนวน 12 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อน - หลังเรียน จำนวน 30 ข้อ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ระหว่างบทเรียน ๆ ละ 8 ข้อ รวม 48 ข้อ แบบประเมินความพึงพอใจ และบทเรียนมัลติมีเดีย จำนวน 6 เรื่อง ได้แก่ เรื่อง สิ่งแวดล้อม สุขบัญญัติแห่งชาติ การป้องกันโรค กินเพื่อสุขภาพ การควบคุมอารมณ์ และกิจกรรมคลายเครียด สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการศึกษาค้นคว้าปรากฏผลดังนี้ 1. บทเรียนมัลติมีเดีย เรื่อง สร้างเสริมสุขภาพ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนเทศบาลนาเชือก มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 88.12/83.09 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่คาดหวังไว้ คือ ตามเกณฑ์ 80/80 2. ดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนมัลติมีเดีย เรื่อง สร้างเสริมสุขภาพ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนเทศบาลนาเชือก ปรากฏว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเฉลี่ย 53.95 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเฉลี่ย 83.09 มีค่าเท่ากับ 0.6327 แสดงว่าผู้เรียนมีความรู้หรือพัฒนาการ ในการเรียนรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 63.27 3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนมัลติมีเดีย เรื่อง สร้างเสริมสุขภาพ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนเทศบาลนาเชือก พบว่านักเรียนมีระดับความพึงพอใจต่อการเรียน ด้วยบทเรียนมัลติมีเดีย 4.37 S.D. 0.62 อยู่ในระดับเหมาะสมมาก โดยสรุปการพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอน รายวิชาสุขศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง สร้างเสริมสุขภาพ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนเทศบาลนาเชือก โดยใช้บทเรียนมัลติมีเดีย มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเหมาะสม นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในระดับที่สูงขึ้น มีความสุขในการศึกษาเรียนรู้และมีความพึงพอใจในการเรียนในระดับมาก นักเรียนตั้งใจในการเรียนอย่างจริงจัง บทเรียนมัลติมีเดียดังกล่าว สามารถนำไปใช้พัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสอดคล้องและสนองแนวนโยบายปฏิรูปการเรียนรู้ของกระทรวงศึกษาธิการ
เยี่ยมๆๆครับ