เริ่มปีใหม่นี้มีโอกาสได้ตั้งใจอ่านหนังสือถึง ๖ เล่ม "สร้างชีวิต" ของพลตรีหลวงวิจิตรวาทการ "ปลูกรัก" ของหลวงปู่ติชนัทฮันห์ "ทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวนา" และ "คำตอบหลวงปู่ชา" ของหลวงพ่อชา สุภัทโธ และ "งานของมนุษย์และวิธีการของท่านผู้รู้" ของหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ
กัลยาณมิตรท่านหนึ่ง "อยากให้เขียนเล่าเกี่ยวกับการฝึกปฏิบัติธรรมหรือเกี่ยวกับการฝึกเจริญสติปัญญา เนื่องจากมีบางท่านบอกว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก ไม่อยากจะฝึก ไม่มีเวลาหรือไม่ว่าง"
ตามที่ได้เรียนรู้มาพอจะทราบว่า "หากไม่มีความรู้จริงไม่ควรไปสอนคนอื่น" บันทึกฉบับนี้จึงเป็นการเล่า ไม่ใช่การสอนเพราะยังรู้น้อยมาก ขอเริ่มเล่าเรื่องที่ได้อ่านและฝึกในวันนี้ และอาจเล่าต่อเพิ่มเติมในเม้นท์หากมีผู้อยากทราบ
หลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ สอนว่า "การเจริญสติต้องทำมาก ๆ ทำบ่อย ๆ นั่งทำก็ได้ นอนทำก็ได้ ขึ้นรถลงเรือทำได้ทั้งนั้น เวลานั่งรถยนต์ก็เอามือวางไว้บนขา พลิกขึ้น คว่ำลงก้ได้ หรือไม่อยากพลิกขึ้นไม่อยากคว่ำลง เราเพียงเอานิ้วมือสัมผัสนิ้วก็ได้ ให้มีความตื่นตัว ทำช้า ๆ หรือจะกำมือ เหยียดมือก็ได้"
คำว่าให้ทำแบบนั้นแบบนี้ตลอดเวลาหมายความว่า "เราทำความรู้สึกเช่นการซักเสื้อผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างชาม เขียนหนังสือ หรือซื้อขาย เพียงเรามีความรู้สึกเท่านั้น แต่ความรู้สึกนี้มันจะสะสมเอาไว้ทีละน้อยจนเคยชิน"
การเจริญสติคือ "การที่เรารู้สึกยกเท้าไปยกเท้ามา ยกมือไปยกมือมา เรานอนกำมือเหยียด ทำอยู่อย่างนั้น หลับแล้วก็แล้วไปเมื่อตื่นขึ้นมาต้องทำใหม่ การทำบ่อย ๆ แบบนี้เรียกว่าการเจริญสติประจำวัน"
หลวงพ่อเทียนได้บวชเพื่อศึกษาธรรมและบวชมาหลายวัด ก็ไม่สามารถเอาชนะความโกรธได้ จนกระทั่งอายุ ๔๕ ปีท่านได้บวชอีกครั้งหนึ่ง และปฏิบัติโดยทำกรรมฐานวิธีเคลื่อนไหว แต่ท่านไท่ได้ภาวนา "ติง นิ่ง" (ติงแปลว่าไหว) อย่างที่คนอื่นทำกัน ท่านเพียงแต่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของร่างกายและจิตใจเท่านั้น ท่านใช้เวลาเพียง ๒ - ๓ วันท่านก็วสามารถหลุดพ้นจากความทุกข์ได้อย่างเด็ดขาด โดยปราศจากพิธีรีตองหรือครูอาจารย์ ในเวลา ๑๑ ค่ำ เดือน ๘ พ.ศ.๒๕๐๐
หนังสือเล่มนี้กล่าวถึง ๒ ภาคคือ ภาคงานของมนุษย์ "ให้ทำงานด้วยใจรัก ศรัทธาในงานและทำงานเพื่องาน" และภาควิธีการของท่านผู้รู้ "ก่อนที่จะเกิดความรักและศรัทธาในงาน ต้องทำความรู้สึกตัวและตื่นตัวอยู่เสมอ"
หลวงพ่อสอนว่า "ธรรมะ" คือคนทุกคน อยู่กับคนทุกคน สุดแล้วแต่ว่าบุคคลนั้นจะทำให้มันปรากฏขึ้นมาหรือไม่ ถ้าบุคคลนั้นไม่ทำให้มันปรากฏขึ้นมา ไม่ทำวิธีนั้นให้เกิดขึ้นมา สิ่งนั้นก็จะไม่ปรากฏ
"วิธีการฝึกของฉัน" เมื่ออ่านหนังสือหรือคำสอนแล้วฉันจะฝึกทันที ฝึกทุกขณะ ที่ในบ้านหรือนอกบ้านก็ฝึกได้ เดินรอบ ๆ บ้าน เดินก็ให้รู้สึกว่าเท้าใดย่างก้าว เท้าใดย่ำ หยุดก็รู้ว่าหยุด จะหยิบจะจับก็ให้รู้ทุกครั้ง มีบ้างที่จิตใจวอกแวกออกไป แต่ก็ตามทันให้กลับมาฝึกใหม่
การขับรถก็ระมัดระวัง เปลี่ยนพฤติกรรมขึ้น สามารถรู้ตัวทุกครั้งก่อนติดเครื่อง เท้าต้องเหยียบคันเร่ง ต้องเหยียบเบรค ต้องหยุดรถที่เกียร์ว่างเสมอ ไม่หยุดรถคาเกียร์ มองซ้ายมองขวาถนัดขึ้น และที่สำคัญจะขับตามคันไหนไปแค่ไหนก็ทำได้
"ผลของการฝึก" การฝึกแบบนี้ทำให้ทำอะไรช้าลง เดิมเป็นคนใจร้อน ใช้เวลาเป็นตัวกำหนดในการทำงาน รีบเร่ง ขับรถเร็ว (มาก) เพื่อนขับรถช้าเคยขอเป็นคนขับแทน และไม่ชอบขับรถตามใคร เมื่อหยุดรถก็คาเกียร์เดินหน้าไว้แต่ใช้เท้าขวาเหยียบเบรครอ เพราะกลัวรถจะออกตัวช้า
ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งของฉันคือ ชอบคิดแทนคนอื่น ทุกข์ของตัวเองไม่พอ ยังแบกรับทุกข์ของคนอื่นเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะรู้ความหมายของการปลง การวาง แต่ขาดการฝึกที่จิต จึงไม่สามารถปล่อยปลงวางได้ แต่เมื่อฝึกบ่อย ๆ แล้วได้พบว่าการคิดแทนคนอื่นหายไป อยากจะทำอะไรก็เป็นการตัดสินใจเพียงปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องวิเศษแต่มีความเข้าใจธรรมชาติมากขึ้นนั่นเอง
ขอบอกว่า "ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแต่มีความรัก ความศรัทธา พยายามฝึกไปทีละน้อย ๆ แล้วจะได้คำตอบด้วยตัวเอง" หลวงพ่อเทียนท่านกล่าวไว้ตอนท้ายในบท "จิตหลุดพ้น" ว่า "แม้ว่านิสัยคนนั้นไม่เหมือนกัน จริตของคนก็ไม่เหมือนกัน สติปัญญาของคนก็ไม่เหมือนกัน แต่สภาวะจิตที่หลุดพ้น อันที่ไม่ทุกข์นั้นเหมือนกันหมด"
ขอขอบพระคุณ อาจารย์โสภณ เปียสนิท เป็นอย่างสูง ที่ได้ให้กำลังใจและเป็นแรงบันดาลใจให้มีโอกาสได้เขียนเรื่องเล่าผ่านบันทึกนี้
เรื่องของการเจริญสติสำหรับตาลแล้ว
คิดว่าตัวเองยังมีความเพียรพยายามไม่มากพอเลยค่ะ
แต่ก็ชอบศึกษามากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นบันทึกของ อาจารย์โสภณ คุณณัฐรดา ชอบเข้าไปอ่านค่ะ
พี่คิมยังไม่ง่วงเหรอคะ ครูตาลเพิ่มความน่ารักของเด็ก ๆ อีก 1 บันทึกแล้วค่ะ
สวัสดียามดึกค่ะพี่คิม
ชอบจังเลยค่ะ "ให้ทำงานด้วยใจรัก ศรัทธาในงานและทำงานเพื่องาน"
"ก่อนที่จะเกิดความรักและศรัทธาในงาน ต้องทำความรู้สึกตัวและตื่นตัวอยู่เสมอ"
ดีเลยค่ะ แบบนี้เราก็สามารถปฏิบัติธรรมได้ทุกที่ ทุกเวลา
เพียงแค่เรามีสติอยู่ในทุกๆการเคลื่อนไหวทุกๆการกระทำของเราเอง ^^
ขอบคุณค่ะพี่คิม
มาอ่าน มาชื่นชม พร้อมอนุโมทนาบุญครับ ขอเป็นกำลังใจให้หลุดพ้นจากความคิดว่า "สอน"
ไปสู่การแบ่งปันตามวิสัยทัศน์ของ g2k
ไปสู่การสนทนาธรรม ที่พระกล่าวว่าเป็นหนึ่งใน มงคล 38
ไปสู่การให้ธรรมเป็นทาน ที่พระสอนว่า "ชนะการให้ทั้งปวง"
ไปสู่การทำหน้าที่กัลยณมิตร ที่พระสอนว่า เป็นบุพนิมิต รุ่งอรุณของชีวิต
เป็นต้น
ขอบคุณนะคะพี่คิมที่ได้ถ่ายทอดสิ่งดีๆ พร้อมประสบการณ์ตรงของพี่เองมันทำให้บันทึกนี้อ่านแล้วเข้าใจง่ายและทำให้คล้อยตามได้อย่างไม่สงสัยเลย เพราะอะไรที่พี่ว่าดีบี๋เห็นด้วยค่ะ เพราะพี่จะมีเหตุผลมา Support เสมอ คนอ่านจะได้ไม่ต้องคิดมากให้ปวดหัวค่ะ ^--^
*** ทำให้เข้าใจว่าการปฏิบัติงาน คือการปฏิบัติธรรมได้ดีขึ้นจากบันทึกนี้
*** ขอบคุณพี่คิมค่ะ
สวัสดีค่ะน้องตาลอิงจันทร์
ขอขอบคุณที่มาเจิม และติดตามอ่าน "สร้างแรงบันดาลใจให้เล่าต่ออีกแล้วนะคะ"
ที่ตาลว่ามา...จากคำสอนของหลวงปู่ชา สุภัทโทค่ะ ไว้เล่าในบันทึกหน้าดีกว่านะคะ
หากจะฝึกไม่ต้องรอว่างหรือพยายามหรอกนะคะ เอาง่าย ๆ แบบนี้ก็ได้ค่ะ "วันละ ๑ นาที ก่อนนอน ก่อนอาบน้ำ ซึ่งเป็นเวลาส่วนตัว" ขอเป็นกำลังใจค่ะ
พี่คิมเป็นคนดื้อรั้น ใจร้อนเป็นไฟ ยังทำได้นะคะ
สวัสดีค่ะน้องหนึ่งHana สุวิญญา ธนสีลังกูล
หลวงพ่อชา สุภัทโท ท่านบอกว่า "การอ่าน การฟัง คือการรู้ค่ะ แต่จะให้ดีต้องปฏิบัติ" ค่ะ
น้องหนึ่งได้เปรียบ เพราะมีโอกาสอยู่ใกล้วัดและสำนักปฏิบัติมากมาย ขอเป็นกำลังใจค่ะ
"การทำงานคือการกระทำที่เป็นธรรมชาติแล้วจะเกิดธรรมะ"
สวัสดีค่ะอาจารย์โสภณ เปียสนิท
ขอขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งหนึ่งที่ช่วยสร้างโจทย์และเป็นแรงบันดาลใจให้ได้เขียนเล่าประสบการณ์จากการฝึก
หากจะเริ่มแต่ต้น มีมากมายนะคะ เป็นอุทาหรณ์ต่อผู้อ่านมาก ๆ แต่อาจเป็นการวกวนเสียเวลาค่ะ ขอเริ่มปัจจุบันไปก่อน หากเข้าประเด็นจึงจะเพิ่มเติมในเม้นท์ค่ะ
น้องอิงจันทร์...ได้ให้โจทย์มาอีกประเด็น ตรงกับคำสอนของหลวงปู่ชา สุภัทโท พอดี จะขอเล่าในบันทึกหน้าค่ะ
ธรรมทาน เป็นการให้ก็จริง นึกถึงคำสอนของพระในบ้านอีกแล้วค่ะ พระในบ้านทั้งสองท่านสอนว่า "เกิดมาชาติหนึ่ง ควรหาโอกาสใกล้ชิดกับคนมีธรรม สนทนาธรรม ชี้แนวทางธรรม และเผยแผ่แนวทางธรรม จึงไม่เสียชาติเกิด" ค่ะ
สวัสดียามเช้าวันเด็กค่ะพี่คิมที่รัก...
ได้อ่านธรรมะดีๆเช้าๆอย่างนี้สดชื่นและตั้งสติคิดตามได้ดีจังค่ะ
พอเราเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากคำสอนหลายๆที่ประกอบกันแล้ว ทำให้เราวางจิตได้นิ่งในระดับหนึ่ง อีหน่อยคงฝึกได้มากกว่านี้ค่ะ..
ขอบคุณกับบันทึกที่มาจากใจนะคะ
สวัสดีค่ะน้องBaby
ผลของการฝึกปฏิบัติ จะเกิดขึ้นในตัวเราเอง เราสามารถตอบโจทย์ได้ตัวเอง และสิ่งที่ไม่สามารถคือ "ไม่สามารถไปบอกให้ใครมารับความรู้สึกนั้นได้"
อย่างบางครั้ง "พี่คิมฝึกเดินอยู่ในบ้าน ทำให้มองเห็นเท้าของตัวเองโดยพิจารณา"ค่ะ
หากหยุดยืนมองออกไปนอกบ้าน "ทำให้มองเห็นสิ่งที่เราไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน แต่เป็นความรู้สึกอย่างธรรมชาติ ที่เยือกเย็นลงค่ะ"
ที่สำคัญรู้ได้ว่า "กิเลสลดลง...แต่ยังไม่หมด" ฮา ๆ ๆ ๆ
เพื่อนเกิดงง "พี่คิมบอกว่าไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว"
ขอเป็นกำลังใจให้น้องบี๋ค่ะ ขอให้มีความสุขในปีใหม่มาก ๆ นะคะ
สวัสดีค่ะน้องกิติยา เตชะวรรณวุฒิ
ธรรมะ...สอนให้การทำงานเป็นธรรมชาติ ที่มาจากการกระทำอย่างธรรมชาติ และจะเกิดธรรมะในตัวเองค่ะ
บันทึกต่อไปจะเล่าเรื่อง คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโทค่ะ
ความจริงอยากจะเล่าแต่ต้น ก็กลัววกวน กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ มีเรื่องสอนใจมากมายค่ะ จึงได้แต่เล่าตัดตอนมาตรงนี้ไปก่อน
ปีใหม่นี้ขอให้น้องและน้องฟางมีความสุขมาก ๆ นะคะ วันนี้วันเด็กคงไปบริการเด็ก ๆ เต็มที่ ขอเป็นกำลังใจค่ะ
สวัสดีค่ะน้องkrugui Chutima
ความจริงต้องเล่าตั้งแต่ต้น เริ่มตั้งแต่การหันหน้าเข้าหาพระธรรม (อย่างจริงจัง) แต่กลัวคนอ่านสับสน และเลิกอ่านไปเสียก่อน
หนังสือธรรมะ ๑ เล่ม สามารถอ่านได้หลายร้อยครั้ง เพราะเราคิดตามและปฏิบัติตามค่ะ
หลวงพ่อชา สุภัทโทสอนว่า "การรู้ธรรมะเป็นการเอาชนะคนอื่น แต่การมีธรรมะเป็นการเอาชนะตนเอง" ค่ะ
ที่สำคัญ...พี่คิมจะเล่าต่อค่ะ เพราะมีโจทย์มาเพิ่มเติมมากมาย ขอขอบคุณน้องอีกคนกัลยาณมิตรที่เข้ามาแลกเปลี่ยน สร้างแรงบันดาลใจให้พี่คิมได้ต่อยอดความรู้ค่ะ
สวัสดีค่ะน้องpoo
สั้น ๆ แต่มั่นใจใน...กำลังใจค่ะ
น้องปูลองทบทวนเมื่อพบพี่คิมครั้งแรกดูนะคะ "มีคนส่วนใหญ่มักจะถามพี่คิมว่า...คริสต์อะไร"
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาบาทหลวงท่านหนึ่งถามอีกว่า "ครูคิมคริสต์อะไร..." ในใจอยากจะตอบว่า "คิดสะตางค์"...ฮา ๆ ๆ ๆ
เพราะตอนเด็กเรียนมาจากโรงเรียนคาทอลิคค่ะ คำสอนพระคริสต์เต็มสมองจนทุกวันนี้ และปฏิบัติตามนะคะส่วนที่เป็น "จริยวัตร"
ติดตามอ่านต่อนะคะ
อนุโมทนาบุญกับคุณครูผู้ลิขิต ผู้ฝึกจิตตัวดีที่ศึกษา
มีความรู้สู่ปฏิบัติด้วยศรัทธา เกิดปัญญารู้จริงสิ่งที่ทำ
สวัสดีค่ะน้องติ๋มKanchana
หลวงพ่อชา...ท่านสอนให้พวกเราได้รู้แล้วนำไปปฏิบัติค่ะ พี่คิมใช้เวลาฝึกมาเรื่อย ๆ ไม่ได้ตั้งเป้หมายอะไร เพียงแต่เมื่อมีเวลาแล้วก็ขยันฝึกบ่อยๆ ขึ้นค่ะ
การรู้ธรรมะทำให้เราได้คิดคือคิดเรื่องดี ๆ อาจรู้จักหักห้ามตนเอง รู้จักละอายใจในการกระทำค่ะ
แต่ท่านสอนว่า การปฏิบัติทำให้เรารู้จักใจตนเอง เข้าใจธรรมชาติ ปล่อย ละ วาง ค่ะ
ขอให้น้องติ๋มมีความสุขในวันเด็กนะคะ
สวัสดีค่ะคุณ วิโรจน์ พูลสุข
ขอขอบพระคุณค่ะ
คุณวิโรจน์ พูลสุข มีบุญบารมีและวาสนาดีกว่ามีโอกาสได้ฝึกปฏิบัติมาเป็นเวลานาน มีสิ่งดี ๆ ก็นำมาแบ่งปันบ้างนะคะ
ส่วนครูคิมกำลังฝึกเตาะแตะ ตอนนี้มีเวลาและโอกาสเพิ่มขึ้น อีกอย่างมีบ้านอยู่ในหมู่บ้านที่สงบ เงียบด้วยค่ะ