วันนี้ได้ไปร่วมงานฌาปนกิจเพื่อนสนิทที่เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ด้วยสาเหตุหัวใจล้มเหลว เมื่อวันแรกที่ทราบก็รีบไปร่วมฟังพระสวดอภิธรรม ทั้งตกใจและเสียใจ ได้แต่พยายามปลงกับการจากไปอย่างกระทันหันของเพื่อน ไม่กล้าถามไถ่จากครอบครัวและคนใกล้ชิดว่าเรื่องราวสาเหตุความเป็นมา
ด้วยวัยเพียง ๕๖ ปี น้องผึ้งลูกสาวคนโตของเพื่อนเล่าว่า "วันเกิดของพ่อคือ ๒๖ ธันวาคม มีผู้โทรศัพท์มาอวยพรวันเกิดให้กับพ่อมากมาย แต่หนูได้ถือโอกาสบอกทุกคนว่าพ่อหนูได้เสียชีวิตแล้วเมื่อวานนี้"
เพื่อนผู้ทำหน้าที่พิธีกรงานฌาปนกิจ ได้เล่าว่า "ผมไม่คิดว่าพฤทธิ์จะจากพวกเราไปอย่างรวดเร็วและกระทันหันอย่างนี้ ซึ่งผมกับเขาได้คุยกันเรื่องความเป็นความตาย เขาบอกว่าหากเขาตายขอให้ผมไปทำหน้าที่พิธีกรงานศพให้ วันนี้ผมได้มาทำหน้าที่ตามที่รับปากไว้ด้วยความเต็มใจ" นี่คือหน้าที่ของเพื่อน
เพื่อนผู้ทำหน้าที่พิธีกรกล่าวว่า "งานศพ" เป็นเรื่องที่ให้ข้อคิดแก่คนยังอยู่ เป็นต้นว่าเป็นการกล่าวถึงคุณความดีของผู้ตาย เป็นการมาแสดงความรัก ความอาลัยต่อผู้ตาย และแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้ใกล้ชิดของผู้ตาย นอกจากนี้ทำให้เรามองเห็นความตายเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นธรรมชาติของชีวิต และคนที่ยังอยู่ต้องหมั่นประกอบกรรมดีตลอดเวลา
"ข้อคิดที่สำคัญ" น่าจะเป็นเรื่องการนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลมากกว่า เพราะผู้ตายรับราชการอยู่หน่วยงานแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่อำเภอวังทอง วันนั้นผู้ตายบอกว่ารู้สึกไม่สบาย ทานอะไรก็อาเจียน หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม หายใจไม่สะดวกและแน่นหน้าอก เพื่อนร่วมงานจึงนำส่งโรงพยาบาลประจำอำเภอ วันต่อมาเห็นว่าอาการทรุดหนักลงจึงนำส่งโรงพยาบาลในจังหวัด และเสียชีวิตลง
ความจริงแล้วอำเภอวังทองอยู่ห่างจากจังหวัดพิษณุโลกเพียง ๑๕ กิโลเมตร และในจังหวัดมีโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือทางการแพทย์และมีหมอมีพยาบาลจำนวนเพียงพอหลายแห่งรวมทั้งโรงพยาบาลเอกชนมีอยู่จำนวนมาก เมื่อถึงคราวจำเป็นไม่ว่าโรงพยาบาลใด หรือโรงพยาบาลหนึ่งก็น่าจะเรียกใช้ก่อน เพราะโรงพยาบาลเอกชนในพิษณุโลกหลายแห่งไม่ได้เป็นโรงพยาบาลที่เรียกเก็บค่ารักษาอย่างโหดร้ายเกินไป
วันที่เกิดเหตุการณ์ภรรยาและลูกสาวคนโตต้องไปทำงานตามปกติ เมื่อลูกสาวคนโตทราบข่าวจากโรงพยาบาลจึงได้แจ้งให้น้องสาวรีบไปดูแลพ่อ เมื่อลูกสาวคนเล็กไปถึงพบว่าพ่อมีอาการหนักมาก และได้พยายามบอกลูกสาวคนเล็กว่า "พ่อทนไม่ไหวแล้วน่าจะต้องตาย" จากนั้นแพทย์และพยาบาลได้ช่วยกันยื้อยุดชีวิตอย่างสุดความสามารถ และไม่มีใครได้พูดคุยกับพ่อของเขาอีกเลย
ขอแสดงความเสียใจและเป็นกำลังใจให้คุณนงลักษณ์ น้องผึ้ง น้องส้ม และญาติสนิททุกท่านมีความเข้มแข็ง และขอให้เพื่อนเดินทางไปสู่ภพสรวงสวรรค์ เพราะเพื่อนเป็นคนดี และทำแต่ความดีเสมอมา
อ.คิม
ทุกคนต้องถึงเวลา .......ตามอายุขัย อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้
ชาติ ชรา มรณัง
ขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวเพื่อน อ.คิมด้วยค่ะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
วาระส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
คิดใดสมมุ่งหวังดังปรารถนา
ขอให้การเดินทางสร้างตำรา
มีความเจิญก้าวหน้าสถาพร
ปลอดภัยจากโรคาพยาธิ
มีอำนาจสุขโขสโมสร
มีชื่อเสียงก้องไกลไทยนคร
คอยปันป้อนความรู้สู่สังคม
จากใจ....ธนา นนทพุทธ
สวัสดีค่ะพี่คิม
สวัสดีค่ะพี่krutoiting
ขอขอบคุณค่ะ ขอให้พี่ต้อยมีความสุข สดชื่นในปีใหม่เช่นกันค่ะ
สวัสดีค่ะคุณนาย ธนา นนทพุทธ
ขอน้อมรับพรปีใหม่ด้วยความขอบคุณค่ะ ขอให้ท่านและครอบครัวมีความสุขเช่นกันค่ะ
สวัสดีค่ะน้องอิงจันทร์
ขอขอบคุณค่ะ ขอให้น้องและลูก ๆ มีความสุขมาก ๆ เช่นกันนะคะ วันนี้พี่คิม อยู่บ้าน ออกไปไหนคงลำบาก เมื่อวานไปงานศพรถติดแน่นยาวเหยียดค่ะ
สวัสดีคะ
ครูคิมคะ สบายดีนะคะ คิดถึงมากๆๆคะ
ขอให้มีความสุขตลอดปีนี้ และตลอดไปนะคะ
รักคะ
สวัสดีค่ะ..พี่ครูคิม
ความตาย..เป็นสถานะการสิ้นสุดของการมีชีวิตของสิ่งมีชีวิต
การตายอย่างกระทันหันโดยที่เราไม่คาดคิด เป็นความรู้สึกของการสูญเสีย
เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2554 ที่ผ่านมา ครูเล็กก็ไปงานสวดพระอภิธรรมศพ
ของคนในหมู่บ้านที่ต่างจังหวัดเช่นกัน เมื่อมองไปที่ป้ายบอกเวลาของการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
ก็พบว่า..ชายผู้ที่นอนอยู่ในโลงเบื้องหน้า อายุเพียง 43 ปี น้อยกว่าครูเล็กซะอีก
ครูเล็กได้แต่นึกในใจให้เขาไปสู่สุขติ เกิดในภพภูมิที่ดี
ครูเล็ก ขอแสดงความเสียใจกับเพื่อนพี่ครูคิมด้วยนะคะ