"ไส้เดือนดิน" สัตว์ที่ตาบอด เพราะมีถิ่นพำนักอยู่ใต้ดิน มิหนำซ้ำยังมีสองเพศในตัวเดียวกัน คุณผู้หญิงทั้งหลายไม่อยากมอง...นานมาแล้วที่ไม่มีใครใส่ใจกับไส้เดือน
แต่วันนี้ไส้เดือนดิน คือ สัตว์ที่กำลังสร้างรายได้ให้กับคนเรา
จริง ๆ แล้ว ไส้เดือนดินจัดเป็นสัตว์ที่มีโปรตีน จากการวิเคราะห์คุณค่าทางอาหารของโปรตีนที่ได้จากไส้เดือนดิน พบว่า คุณค่าทางอาหารที่ได้จากไส้เดือนดิน ประกอบด้วย กรดอะมิโน กรดไขมัน แร่ธาตุและวิตามิน ซึ่งพบว่ามีปริมาณมากและมีคุณค่าเหมาะแก่การใช้เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ ปลา ปลาไหล ลูกไก่ สัตว์ปีกทุกชนิด และ หมู โดยใช้ทดแทนอาหารจากเนื้อ และ ปลาได้ดี มูลของไส้เดือนดิน จัดเป็นปุ๋ยหมักชั้นดีในการปลูกพืชอีกด้วย
ข้อมูลอ้างอิงจาก : http://www.thaiworm.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=406689&Ntype=2
นอกจากนี้ ท่านทราบไหมว่า "ไส้เดือน" ยังเป็นอาหารเมนูพิสดารของคนได้อีกด้วย
ในประเทศนิวซีแลนด์ ถือว่าเมนูอาหารที่ทำจากไส้เดือนดินเป็นอาหารที่หรูหราและแปลก ได้รับความสนใจมาก
ในประเทศญี่ปุ่นก็เคยนำไส้เดือนดินมาทำพาย และในฟาร์มเลี้ยงไส้เดือนดินขนาดใหญ่เคยนำไส้เดือนดินมาทอดกับไข่ ถือว่าเป็นอาหารจานพิเศษ
แอฟริกาใต้ว่ามีการกินไส้เดือนดินย่างและยังคง กินอยู่ในปัจจุบันนอก จากนี้ เคยมีรายงานหลายฉบับเกี่ยวกับการกินไส้เดือนดิน เพื่อเป็นยารักษาโรค เช่น นิ่ว ดีซ่าน ริดสีดวงทวาร ไข้ ฝีดาษหรือไข้ทรพิษ และในสมัยก่อนเคยมีการใช้เถ้าของไส้เดือนดินทำเป็นผงยาสีฟัน หรือใช้บำรุงผม ด้วย
ใน ประเทศจีนได้มีการใช้ไส้เดือนทำยา รักษาโรคหลายชนิด โดยการนำไส้เดือนดินมาตากแห้ง มาบดเป็นยาผง เข้าสูตรยาต่างๆ สำหรับผลิตเป็นยาบำรุงหรือยารักษาโรค เช่น ในตำราแพทย์แผนโบราณ ใช้ไส้เดือนดินเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง บางตำราเรียกไส้เดือนดินว่า รากดินหรือไส้ดินก็มี
ตำราสรรพคุณยาโบราณได้กล่าวไว้ว่าไส้เดือนดินทั้งตัว (แห้ง ) มีรสเย็น คาว ต้มน้ำดื่ม หรือทำเป็นเม็ด มีสรรพคุณแก้ไข้พิษ ระงับความร้อน แก้อาการเกร็ง แก้ตาแดง แก้อัมพาตครึ่งซีก แก้คอพอก แก้เจ็บปวดตามข้อ และใช้ส่วนขี้เถ้าที่ได้จากการเผาไส้เดือนดิน ซึ่งมีรสเย็น เค็ม มีสรรพคุณแก้ไข แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้ปากคอเปื่อย แก้ทอนซิลอักเสบ แก้ฝีในคอ แก้ปวดกระดูก
ภาพประกอบจาก : google