หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

นักเรียนรุ่นเสาร์ ๕ ดูงานต่างประเทศ (๗๔) : อินเดีย - มีอิทธิพลขนาดนี้เลยรึ


บันทึกช่วยจำไว้เลยว่า “ผลของอัตราการเติบโตของประชากรที่สูงกว่าอัตราเพิ่มของผลผลิตภายในประเทศจะ มีส่วนในการผลักดันให้เกิดกำลังการซื้อเพิ่มขึ้น และทำให้ตลาดเอเชียและตะวันออกกลางมีอัตราการเติบโตของการบริโภคและการนำ เข้าน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น”

แม้แต่รัฐมนตรีคลังอินเดียยังพูดว่า “ลมมรสุมคือรัฐมนตรีคลังตัวจริงของอินเดีย” เรื่องลมฝนสำคัญกับอินเดียแค่ไหนคงยืนยันได้เนอะ

ไม่เชื่อก็ควรเชื่อได้แล้วว่าภาวะเศรษฐกิจอินเดียปีไหนจะดีหรือร้าย ผูกพันและแขวนชะตาอยู่กับ “มรสุม” มาเห็นกับตาอย่างนี้ยิ่งเห็นภาพความลำบากของคนอินเดียเมื่อเกิดภัยธรรมชาติชัดเลยละ

ไม่รู้คนของเขาจัดการตัวเองอย่างไรจึงอยู่อย่างพอเพียงได้อย่างที่เห็น หรือว่าเพราะพบความลำบากซะจนชินก็เลยรับได้ว่าเป็นความธรรมดา ตรงนี้ก็น่าสนใจในแง่การปรับตัวของสังคมของเขา

เพิ่งรู้ว่า monsoon มีรากศัพท์จากคำโปรตุเกส monço ต้นกำเนิดน่าจะมาจากภาษาอารบิกว่า mawsim และคำนี้กลายเสียงมาเป็น mausam ในภาษาฮินดีและอูรดู รวมทั้งภาษาถิ่นของอินเดียตอนเหนืออีกหลายภาษา มีความหมายกว้างขึ้นว่า หมายถึงสภาพอากาศ หรือสภาพอากาศที่เกี่ยวเนื่องกับฤดูกาล

แนวเทือกเขาหิมาลัยที่เป็นกันชนธรรมชาติให้กับพื้นที่อนุทวีปยามเกิดมรสุม ทอดตัวอยู่อย่างนี้ (ขอบคุณภาพจากเว็บไซด์)

พื้นที่ที่มีความสำคัญเกี่ยวกับฝนของอินเดีย คือ เกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งใกล้มาดากัสการ์ในมหาสมุทรอินเดียชื่อว่ามัสคารีน ลมที่พัดจากที่นี่สะสมความชื้นมาตลอดระยะทางกว่า ๓,๐๐๐ กิโลเมตร แล้วจึงมาตกเป็นฝน เทือกเขาหิมาลัยทางตอนเหนือของอินเดียคือกำแพงธรรมชาติที่คอยสกัดไม่ให้ มรสุมเคลื่อนต่อสู่ภาคพื้นทวีปและอ่อนกำลังทำให้ได้ปรับฝนเต็มที่จากลมมรสุม เส้นทางลมมรสุมนี้เชื่อกันว่าเก่าแก่ราว ๑๕-๒๐ ล้านปีมาแล้ว

ความเชื่อมโยงของสิ่งเหล่านี้ในอินเดียช่วยทำให้ฉันเข้าใจภาพของการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ผูกโยงอยู่กับมรสุมฤดูฝนที่กลายเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของปริมาณผลผลิตทางการเกษตร ภาวะเงินเฟ้อ ปริมาณการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค ปริมาณการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำ ปริมาณน้ำสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ในการผลิตมากขึ้น ขอบคุณมากเลย

ที่อินเดียเมื่อไรปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าปกติจะส่งตรงต่อภาคเกษตรกรรมและราคาพืชผล จนทำให้ต้องจำกัดการส่งออกหรือเพิ่มปริมาณการนำเข้าที่อาจทำให้ต้องลดกำลัง การผลิต มีผลต่อปริมาณการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำที่ขาดแคลนให้ยิ่งขาดแคลนหนักขึ้น มีผลต่อปริมาณน้ำสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่อาจทำให้ต้องลดกำลังการผลิตจนส่งผลโยงไปถึงสภาพการลงทุนและตลาดหุ้นด้วย

ฝนแล้งจึงกระทบต่อเศรษฐกิจอินเดียมากกว่าเศรษฐกิจโลกถดถอยซะอีก

นั่งประกอบอาชีพอย่างนี้ข้างถนนนี่แหละ หญ้าเลี้ยงม้านั้นเลี้ยงทั้งม้าและคน

ย้อนไปดูปี ๒๕๕๒ ปัญหาภัยแล้ง ประชากรที่เพิ่มขึ้นเป็นหลักสิบล้านขณะที่รายได้ต่อหัวของประชาชนขยายตัวด้วยภาวะอุปสงค์พุ่งสูงตามมา อินเดียต้องนำเข้าน้ำมันปาล์ม ๗ ล้านตันเพื่อใช้ในการประกอบอาหารและอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป

เรื่องนี้่บอกว่าผลผลิตในตลาดพืชน้ำมันมีอิทธิพลต่ออินเดีย ถ้ามีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นในพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันและถั่วเหลืองของประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกแล้วทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันพืชในตลาดโลกหายไป แม้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวก็มีผลมาก

เห็นภาพเลยว่า มาเลเซียและอเมริกาใต้ ผู้ส่งออกน้ำมันพืชแหล่งสำคัญจึงเท่ากับมีอิทธิพลกลายๆกับภาวะเศรษฐกิจโลกด้วย ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมบ้านเราต้องตั้งองค์กรขึ้นมาดูแลเรื่องปาล์มน้ำมันต่างหาก

เสียงใสๆดังกึกก้องขึ้น ตัวน้อยที่ร้องหาแม่อยู่ตรงนี้ ไม่รู้หรอกว่าได้ช่วยผูกโยงให้ใจพวกเราเข้าใกล้ความอ่อนโยนภายในมากขึ้น

เห็นความเกี่ยวข้องของเส้นทางน้ำมันปาล์มแล้วมาได้ยินเรื่องการลดภาษีนำเข้าน้ำมันพืชของจีนและอินเดียแล้วขนลุกกับอิทธิพลของพืชนี้ต่อโลก แล้วก็หนาวกับภาพการบริหารพื้นที่เพาะปลูกอาหารในโลกอนาคตที่พอเห็นไปด้วย ถ้าทั้งโลกเฮโลกันไปปลูกปาล์มกันหมด อนาคตจะมีที่ดินที่ไหนปลูกพืชอาหารปลูกข้าวไว้กินกันนะนี่

บันทึกช่วยจำไว้เลยว่า “ผลของอัตราการเติบโตของประชากรที่สูงกว่าอัตราเพิ่มของผลผลิตภายในประเทศจะ มีส่วนในการผลักดันให้เกิดกำลังการซื้อเพิ่มขึ้น และทำให้ตลาดเอเชียและตะวันออกกลางมีอัตราการเติบโตของการบริโภคและการนำเข้าน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น”

ระหว่างที่วัวอาบแดด คนก็นำข้าวโพดมาเลี้ยง แปลกที่โรยเม็ดให้กินอย่างในภาพ วัวมันกินเข้าไปได้ไงไม่เคยเห็น

ที่เห็นเป็นจุดดำๆบนตึกนั่นนะ สมุนพระรามทั้งนั้น ตึกนี้อยู่กลางตลาดที่มีคนจอแจไปหมด

ลานจอดรถอยู่ท่ามกลางอาคารหลายหลัง แรกเข้าไปก็เห็นสตรีอินเดียกับกองหญ้าและม้า เมื่อรถเข้าไปจอด ก็เห็นวัวเดินบ้าง นอนบ้าง ทีแรกเข้าใจว่าเป็นชาวบ้านที่กำลังทำงานบ้านประจำวันของตน แต่ไม่ใช่หรอก เขาเลี้ยงมันไปด้วย หารายได้ไปด้วย สอนให้คนมีเมตตาต่อสัตว์ไปด้วยต่างหาก

ที่มุมหนึ่งของที่นี่ก็ได้เห็นความเป็นครอบครัวในอีกแบบ เห็นความต้องการอยู่รอดที่ทำให้คนยอมรับความช่วยเหลือ

เมื่อรับจนคุ้นชินแล้วมีอะไรในตัวตนของคนเปลี่ยนไปบ้าง ความเปลี่ยนไปเหล่านั้นลงตัวแบบ win-win ในภาพรวมอย่างไร ส่งผลกระทบอะไรให้สังคมบ้างน่าถอดบทเรียนและตามเรียน

เห็นปัญหาด้านสาธารณสุขตรงหน้านี้แล้วแปลกใจ และเอะใจ ความฉลาดทางปัญญาของคนอินเดียเกิดจากการใช้ชีวิตตั้งแต่เด็กอย่างนี้หรือไร

เมื่อเห็นนักท่องเที่ยวพากันเดินเข้ามา ถ้ามีใครคนหนึ่งเริ่มแจกสิ่งของ คนอินเดียที่คอยเฝ้ามองก็จะกรูกันเข้าไปรุมเร้าอย่างที่เห็นในภาพ

รถพาเรามาที่นี่เพื่อเปลี่ยนรถขึ้นไปที่พระราชวังหลวง ชมวังหลวงแล้วก็กลับมาที่นี่กัน วันนี้มีเรื่องที่น้องนุชโดนลุงเอกเอ็ดกับการจัดรายการเกินโปรแกรมโดยไม่ปรึกษาลุงเอกก่อน ทำเอาจ๋อย น้ำตาร่วงไปเลย เพิ่งเห็นลุงเอกดุจริงๆคราวนี้แหละเป็นหนแรก คนอะไรดุก็ยังหน้ายิ้ม…อิอิ

ขาออกคนขาย คนซื้อกลับหมดแหล่ว ข้าวของเครื่องใช้พ่อค้าแม่ค้าทิ้งกันไว้อย่างนี้แหละไม่หาย ปลอดภัยขนาดไหนคิดดู

เห็นเมืองนี้อย่างนี้เหอะ ที่นี่มีประชากรถึง ๒ ล้านคนนะ เหตุร้ายมีบ้างเหมือนกัน เป็นเหตุระเบิด ๗ ลูกซ้อนตามตลาดต่างๆที่มีคนเยอะ มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เพิ่งเกิดห่างจากกรุงนิวเดลีราว ๒๖๐ กิโลเมตร วันเดียวกับวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ที่อินเดียจัดงานฉลองครบรอบ ๑๐ ปีการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ในรัฐราชสถาน

๘ สิงหาคม ๒๕๕๓

หมายเลขบันทึก: 416887เขียนเมื่อ 28 ธันวาคม 2010 01:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:38 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท