ความสำเร็จอยู่ไม่ไกล...ในความรู้สึกข้าพเจ้า


“เราคือเทียน” หากไม่เผาตัวเองเพื่อให้แสงสว่างแล้วจะเป็นเทียนหรือ หากปัญหามันคือแสงสว่างแล้วเราจะไม่เผาตัวเองหรือ....??

ข้าพเจ้าได้นัดหมายกับแกนนำตำบลสาครเพื่อให้ความรู้เรื่องการพัฒนาและยกระดับความคิดของแกนนำในเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดหรือแม้แต่ทุกเรื่องที่ต้องเพิ่งตนเองก่อนคนอื่น 

ระหว่างการเดินทางด้วยความเป็นห่วงหรือไงของแกนนำมีการโทรเช็คทุกระยะทางด้วยกลัวว่าข้าพเจ้าจะเข้าไม่ถูก “ค่ะ ค่ะให้เลยบ้านมะจิไปก่อนใช่ไหมค่ะ แล้วเลี้ยวขวา” การบอกเส้นทางที่เข้ามาทุกเดือนแต่ด้วยความเป็นห่วงเพราะว่าเป็นห่วง “ถึงแยกแล้วค่ะตอนนี้อีกประมาณ ๑๕ นาทีถึง” ขณะที่ขับรถเกือบถึงสายตาก็พลันไปเห็นผู้ใหญ่กาดขับมอเตอร์ไซร์หูรู๋มาเลย ปรี๋ด ๆๆ“บีบแตรเลยแกไปรับเราหน้าปากทางแน่” พร้อม ๆ กับคำพูดผู้จัดการบีบแตรทันควันเหมือนกัน แล้วรถเราก็เลี้ยวเข้าไปที่ลานประชุม 

“อัสลามูอาลัยกุม” ข้าพเจ้าเดินเข้าไปทักทุกคนที่อยู่ในเต็นท์ “พรือมั้งลืมไปทุกทีนึกว่าขับคันเก่าเหลย” ข้าพเจ้าและผู้จัดการหัวเราะเพียงอย่างเดียวไม่พูดอะไรต่อ ระหว่างนั่งรอคนมาร่วมประชุมก็หัวเราะไปพลาง ๆ ด้วยว่านายหัวของที่นี่คือ ผู้ใหญ่ศักดิ์ตั้งเต้นท์จนเป็นโจ๊กว่าทำเหมือนจะจัดงานแต่งอย่างนั้นแหละ บรรยากาศดีจริง ๆ 

แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่านอกจากอากาศดีแล้วในตัวข้าพเจ้าก็อารมณ์ดีมากถึงมากที่สุด ด้วยวันนี้ความรู้สึกตลอดเส้นทางหมกหมุ่นไปด้วยว่าแกนนำจะมาไหม แกนนำหลักจะอยู่หรือเปล่าด้วยมีประชุมที่ชนกันทำให้เขาต้องเลือกว่าจะเอาอย่างไร ข้าพเจ้าได้ทิ้งโจทย์ไว้ก่อนหน้าที่สุดท้าย เขาเลือกที่จะอยู่เรียนรู้กับเรา คงไม่ต้องบอกว่าทำไมถึงอารมณ์ดีมาก................... 

เมื่อคนพร้อมข้าพเจ้าก็ดำเนินการตามสิ่งที่ได้วางไว้ โดยให้ดูหนังแล้วชวนวิเคราะห์ หลายคนมองและวิเคราะห์ออกมาได้ดี นำสู่การย้อนมองตัวเองว่าแล้วเราจะรอให้ใครมาทำให้ แก้ให้ล่ะ เราต้องเพิ่งตนเองก่อน เราต้องเสียสละให้มาก เราต้องทำให้ชาวบ้านดูก่อน....ฯลฯ สุดท้ายจึงเป็นที่มาของคำว่า “เราคือเทียน” หากไม่เผาตัวเองเพื่อให้แสงสว่างแล้วจะเป็นเทียนหรือ หากปัญหามันคือแสงสว่างแล้วเราจะไม่เผาตัวเองหรือ....?

 

หลังก็เป็นวาระการประชุมของเขา แต่ข้าพเจ้าก็นั่งให้กำลังใจอยู่โดยไม่รีบ “น้อง กะคนนี้แกมีธุระจะแหลงกับน้องเป็นการส่วนตัวมาทางนี้ที” “เออ ค่ะได้ ๆ” พลันเดินตามอย่างว่าง่าย สายตาที่มองข้าพเจ้าเหมือนจะหาคำตอบอะไรสักอย่างหรือจะเริ่มอย่างไรประมาณนี้จากอาการที่จับด้วยสายตา “คือบ้านกะนั้นมีแหละเด็กที่ติดยางั้น.....อือ ...และหนึ่งในนั้นก็คือลูกกะด้วย” นี่คือคำตอบว่าทำไมเธอจึงมาอาการให้จับได้ “ประมาณกี่คนอะค่ะ” “โอ้ย ๒๐ หว่าคนได้ กะได้ยินน้องแหลงเมื่อกี่แล้วอยากให้น้องไปแหลงกับลูกกะและเพื่อน ๆ เขาเขาคงชอบมากกว่าที่จะให้คนอื่นๆ ไปจับเขา กะเห็นน้องเข้าใจพวกเล่นยาดี น้องช่วยกะทีนะ” 

สายตาอ้อนว้อนของเธอทำให้ข้าพเจ้านึกถึงสายตาพี่ชายและพี่สะใภ้ตัวเองที่อยากให้ข้าพเจ้าหรือใครก็ได้ช่วยลูกฉันที “ได้ค่ะกะนัดมาเลยนะน้องจะลงมาแต่อย่าคาดหวังว่าเด็กมันจะเลิกหรือน้องจะทำให้มันเลิกได้นะ สำคัญที่สุดคือกะ ครอบครัว ที่พร้อมจะเข้าใจและให้โอกาสเข้าไหมมันไม่ใช่คนอื่นกะ เข้าใจนะค่ะ กะต้องเป็นคนเข้าใจลูก ต้องอดทนให้มาก” หนึ่งคนสนทนาอีกหนึ่งยืนฟังเฉย ๆ ไม่พูดอะไร หลังนัดแนะเรียบร้อยเธอก็ขอตัวกลับบ้าน 

แต่คนที่ยืนเฉย ๆ เมื่อกี่เดินกลับมาแล้วบอกกับข้าพเจ้าว่า “ลูกของกะกันอยากให้น้องช่วย” กะกลับก่อนนะพลางยืนมือมาสลามข้าพเจ้ารับพร้อมหัวใจที่พองโตด้วยความรู้สึกที่ว่า ฉันทำให้แม่สองคนกล้าออกมายอมรับว่าลูกตัวเองติดยาและอยากให้เราช่วยลูกของเขา นี่แหละความสำเร็จในความรู้สึกที่สำคัญกว่าสิ่งที่ได้ในวันนี้.........คงต้องเป็นโจทย์ให้กับตัวข้าพเจ้าเองต่อว่าแล้วจะทำอย่างไรให้แกนนำที่มานั่งฟังวันนี้ได้พูดแล้วมีคนในหมู่บ้านออกมายอมรับให้ได้เพราะไม่เช่นนั้นไม่สามารถแก้ไขอะไรได้....

หมายเลขบันทึก: 413907เขียนเมื่อ 15 ธันวาคม 2010 16:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 17:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

นานมากแล้วค่ะที่ไม่ได้นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟัง....วันนี้โอกาสดีเลยนำเรื่องที่ประทับใจมาฝากกัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท