ไปเยือน "อ.ฝาง" รับลมหนาวกันเถอะค่า ^O^ (น้ำพุร้อนฝาง)


สวัสดีค่ะ หลังจากที่เมื่อวานหนึ่งเขียนบันทึก น้ำพุร้อนฝาง เสร็จไปแล้วอย่างสมบูรณ์ อิอิ แต่ปัญหาอยู่ที่ตอนกดบันทึกค่ะ กลายเป็นว่ากำลังปรับปรุงระบบ โอ้วววววว ไม่จริ๊งงงงงงงงง แหะๆ หนึ่งไม่ได้ copy เอาไว้ด้วยสิคะ เลยกลับไปสะเทือนอารมณ์อยู่ ๑ คืน แล้ววันนี้ก็จะเริ่มต้นใหม่ แต่อาจไม่เหมือนเมื่อวาน แหะๆ คราวนี้จะพิมพ์ไว้ใน word ตามคำแนะนำของพี่แก้วก่อนดีกว่าค่ะ 
ไม่ให้เสียเวลางั้นหนึ่งจะพาไปเที่ยวต่อเลยนะคะ ช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา (๓-๖ธันวาคม) หนึ่งและสามได้มีโอกาสไปแอ่วเมืองเหนือกันอีกครั้ง โดยทริปนี้หนึ่งและสามได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่สุดจากพี่รวยและครอบครัวขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ^^ ต่อจากบันทีกนี้ค่ะ =>ไปเยือน "อ.ฝาง" รับลมหนาวกันเถอะค่า ^O^ (สวนส้มธนาธร๒) วันแรกที่เราไปถึง นอกจากไปสวนส้มธนาธร๒ แล้ว ยังพอมีเวลาเหลืออยู่บ้าง พี่รวยจึงให้เราเลือกว่าจะไปที่ไหนต่อดี ระหว่าง น้ำพุร้อนฝาง กับ วัดท่าตอน เราเลือกไปน้ำพุร้อนฝางกันค่ะ เพราะเคยได้ยินมาว่าเป็นน้ำพุร้อนที่สูงมากๆ อยากไปเห็นซักครั้งค่ะ
 
"น้ำพุร้อนฝาง" เป็นพลังงานความร้อนใต้พิภพแห่งเดียวในประเทศไทยที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้พัฒนาผลิตกระแสไฟฟ้าและใช้ประโยชน์โดยตรง ในพื้นที่มีบ่อน้ำร้อนมากกว่า ๑๐๐ บ่อโผล่ให้เห็นอยู่ในหินแกรนิตยุคคาร์บอนิเฟอรัส อุณหภูมิของน้ำพุร้อนสูงกว่า ๙๐ องศาเซลเซียส อัตราการไหลของน้ำร้อนจากบ่อเจาะสำรวจตื้นประมาณ ๑๐๐ เมตร มีความเหมาะสมต่อการนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยระบบ ๒ วงจร (binary cycle) ขนาดกำลังผลิต ๓๐๐ กิโลวัตต์ ดังนั้น ในปี พ.ศ. ๒๕๓๒ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ติดตั้งโรงไฟฟ้าสาธิตที่ใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพเป็นแห่งแรกในประเทศไทยและเป็นแห่งแรกในเอเชียอาคเนย์ด้วยกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ปีละประมาณ ๑,๒๐๐,๐๐๐ กิโลวัตต์-ชั่วโมง จะถูกส่งต่อเข้ากับระบบสายส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อจ่ายให้ผู้ใช้ไฟฟ้าต่อไป (สุดยอดเลยใช่ป่าวคะ^^)
ใต้พื้นดินกว่า ๑๐ ไร่  ที่ขุมพลังธรรมชาติใต้พิภพได้ปลดปล่อยพวยพุ่งออกมาเป็นน้ำพุร้อน ทำให้เกิดกิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย  ทั้งกิจกรรมการต้มไข่  เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติบ่อน้ำพุร้อน  การชมน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ซึ่งพุ่งขึ้นสูงประมาณ ๓๐ เมตร  กิจกรรมการอบตัว  อาบน้ำแร่  หรือแม้กระทั่งการนั่งพักผ่อนชมทิวทัศน์บ่อน้ำพุร้อน
น่าสนใจขนาดนี้งั้นเราก็ไปกันเล้ยยย^^
น้ำพุร้อนฝาง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปกค่ะ

เมื่อมาถึงตรงบริเวณจุดตรวจทางเข้าอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก พี่รวยก็อู้กำเมืองกับคุณลุงเจ้าหน้าที่อุทยาน จับใจความได้ว่า มีค่าธรรมเนียมคนละ ๒๐ บาท เมื่อเรียบร้อย เราเล็งป้ายอุทยานไว้แล้ว จึงขอให้พี่รวยจอดรถลงไปถ่ายรูปกับป้ายก่อนค่ะ อิอิ กลัวว่าขากลับแสงจะไม่พอ เพราะเรามาถึงที่นี่ก็เกือบจะ ๔ โมงเย็นแล้ว ทันทีที่เราก้าวลงจากรถ ก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็น เมื่อเปรียบเที่ยบกับที่สวนส้มธนาธร๒ อากาศสบายๆค่อนไปทางร้อนด้วยซ้ำ แต่ในเขตอุทยาน กลับเย็นถึงขั้นหนาวเลยทีเดียวค่ะ ทำให้ทุกคนกระโดดขึ้นรถไปหยิบเสื้อกันหนาวกันมาสวมทันที และไม่รอช้าป้ายอุทยานรอเราอยู่ค่า อิอิ

ภาพนี้มีเบื้องหลังค่ะ อิอิ เรามากัน ๔ คนแต่ก็อยากได้รูปหมู่นี่นา มองไปรอบๆตัว พบคุณลุงเจ้าหน้าที่อุทยานคนที่เก็บค่าธรรมเนี่ยมยืนอยู่ไม่ไกล จึงขอให้คุณลุงช่วยถ่ายรูปหมู่ให้เรา เพียงช่วงเวลาแป๊บเดียวเท่านั้น มีรถหรูคันใหญ่ราคารถคงเป็นล้าน (แต่ไม่ยอมจ่ายค่าธรรมเนียมเพียงคนละ ๒๐ บาท เฮ้อ...) วิ่งผ่านเข้ามา เห็นว่าเป็นจุดชำระค่าธรรมเนียม แต่ไม่เห็นเจ้าหน้าที่ เลยรีบบึ่งรถผ่านเข้าไปโดยไม่ยอมหยุดรถ คุณลุงบอกว่าไม่เป็นไรเจอแบบนี้ย่อยๆ แหะๆ หนึ่งในฐานะนักท่องเที่ยวคนนึง อยากให้ทุกคนช่วยกัน ค่าธรรมเนียมที่อุทยานเก็บนั้นไม่มากเลยค่ะ ถ้าเทียบกับความงามของสถานที่ท่องเที่ยวที่จะคงอยู่กับเราไปอีกนานๆ

จากนั้นเราก็ไปต่อกันที่น้ำพุร้อนฝาง
 
ที่นี่ มีน้ำพุร้อน ที่ค่อนข้าง เป็นบริเวณกว้าง ที่เห็นเป็นไอความร้อนขาวๆพวยพุ่งขึ้นมาเป็นหย่อมๆ จะมีน้ำพุร้อนเล็กๆอยู่บริเวณนั้นๆค่ะ ส่วนที่เห็นไอความร้อนขาวเยอะๆมุมขวาของรูปนี้คือ "ปล่องระบายไอร้อน" ค่ะ ไอร้อนที่เห็นอยู่นี้เกิดจากอุปกรณ์แยกไอ  โดยเมื่อน้ำร้อนไหลจากหลุมเจาะเข้าสู่ถังเก็บ  ส่วนของน้ำร้อนจะอยู่ด้านล่างของถังเก็บเนื่องจากมีความหนาแน่นมากกว่า  ส่วนที่เป็นไอร้อนจะลอยตัวสูงขึ้นจึงต้องต่อท่อเพื่อระบายไอร้อนทิ้ง  ส่วนที่เป็นน้ำร้อนจะนำเข้าสู่ระบบผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไปค่ะ
ไฮไลท์ของที่นี่ คือน้ำพุที่สูงที่สุด ซึ่งจะพุ่งขึ้นมาทุกๆ ๓๐ นาที ลักษณะข้างใต้จะเป็น กะเปาะ ซึ่งเมื่อน้ำมารวมกันจนเต็มกะเปาะนั้น ก็จะ พุ่งขึ้นมาครั้งหนึ่ง น้ำพุร้อนตรงนี้จะพุ่งสูงได้ถึง ๓๐ เมตรค่ะ เมื่อเราไปถึงยังไม่เห็นน้ำพุร้อนที่เป็นไฮไลท์นะคะ (คงจะเป็นช่วงหมดรอบการแสดง อิอิ) ระหว่างรอน้ำพุเราก็ถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ

เดินมาบริเวณบ่อต้มไข่ในรูปค่ะ (หนึ่งในกิจกรรมของที่นี่) เราพบกับคุณตาท่านนึง ดูเหมือนจะกำลังนั่งรอเวลาให้ไข่ที่แช่ในบ่อน้ำร้อนสุก เมื่อคุณตาเห็นพวกเราเดินมาปุ๊บก็กล่าวทักทายพวกเราอย่างเป็นมิตรด้วยภาษาที่เราไม่เข้าใจ แหะๆ คุณตาจะเป็นคนที่อัธยาศัยดีมากๆคนนึงเชียวค่ะ พยายามชวนเราคุยใหญ่เลย หนึ่งและสามหันไปมองพี่รวยด้วยหวังว่าภาษาที่คุณตาใช่สื่อสารกับเรานั้นอาจเป็นภาษาจีนยูนาน คิดว่าพี่รวยน่าจะสื่อภาษากับคุณตาได้ แต่ก็ไม่ใช่ เมื่อเราไม่เข้าใจก็ได้แต่ยิ้มๆ และพยักหน้ากัน แต่คุณตาก็ยังคงชวนคุยต่ออย่างสนุกเชียวค่ะ หนึ่งเลยลองส่งภาษาอังกฤษแบบกระท่อนกระแท่นสอบถามคุณตาว่าพูดภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ ได้มั้ย สรุปว่าไม่ได้ทั้ง ๒ ภาษา แต่คุณตาก็ยังไม่หยุดคุยค่ะ เราเลยลองเดาดูว่าเป็นภาษาอะไร โดยใช้ความมึนของพวกเรา พูดภาษาที่เราจำมาจากหนังเกาหลี 555 (ตอนแรกคิดว่าเป็นชาวเกาหลีค่ะ) "อันยองฮาเซโย" ก็ยังไม่ใช่ ลองอีกซักภาษา (จำมาจากหนังอีกแล้วค่ะ อิอิ) "อาริงาโตะ" โอ๊ะ ใช่เลยค่ะ คุณตาเป็นชาวญี่ปุ่นนี่เอง แหะๆ เราเลยบอกไปว่าเราไม่ใช่เจแปนค่า แล้วในที่สุดคุณตาก็เข้าใจ (คุณตาคงเข้าใจว่าเราเป็นชาวญี่ปุ่นด้วยเลยดีใจที่จะมีเพื่อนคุย) อิอิ และเราก็เดินออกมาจากบ่อต้มไข่ได้แล้ว

ระหว่างรอเวลาน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมานั้น หนึ่งมองไปรอบๆบริเวณ ในวันนั้นมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่มาก อาจเป็นเพราะตรงกับวันศุกร์ยังเป็นวันทำการก่อนถึงวันหยุดยาว (วันพ่อแห่งชาติ) นักท่องเที่ยวอาจเพิ่งเริ่มออกเดินทางกัน แต่หนึ่งกับสามเดินทางก่อน ๑ วัน ทำให้เราได้ภาพบรรยากาศไปเต็มๆค่ะ ^^ เท่าที่เห็นจะเป็นนักท่องเที่ยวที่มากันเป็นครอบครัวก็จะมาปูเสื่อปิคนิคกันเพื่อรอชมน้ำพุร้อนค่ะ น่ารักดี ส่วนที่มาเป็นคู่(รัก) ให้เราอิจฉานั้น ก็มีหลายคู่ค่ะ ส่วนใหญ่ที่เห็นนักท่องเที่ยวที่มานี้จะมีกล้องตัวใหญ่พรอมขาตั้งกล้องอย่างอลังการมากๆ สามแซวว่าประมาณกล้องดูดาวกันเลยทีเดียว เพื่อเก็บภาพประทับใจของน้ำพุร้อนฝางไว้นั่นเองค่ะ

เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็ได้เห็นน้ำพุร้อนฝางที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่แล้วค่ะ เก็บภาพความทรงจำนี้ไว้ซะหน่อย อิอิ บันทึกนี้หนึ่งขอจบไว้ที่ภาพนี้นะคะ บันทึกต่อไปจะเป็น "อ่างขาง" ที่เค้าว่ากันว่าเป็นดอยที่สวยที่สุดที่เคยไปมา จะจริงหรือไม่ แล้วพบกันบันทึกหน้าค่ะ ^^
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาทักทายนะคะ
หมายเลขบันทึก: 413119เขียนเมื่อ 11 ธันวาคม 2010 12:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 พฤษภาคม 2012 00:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

เย้ๆ ในที่สุดพี่หนึ่งก็ต่อภาคสองได้สำเร็จ แล้วจะรออ่านภาคสามต่อไปนะค้า^^

สวัสดีจ้าก้อย

ขอบคุณมากจ้าที่รอติดตาม อิอิ ^^

อ่านแล้ว น่าจะไปเที่ยวบ้าง เป็นการพักกายและใจกับการทำงาน คนอุดรเหมือนกันยินดีที่รู้จัก

สวัสดีค่ะคุณธีรภัทร์

ใช่เลยค่ะ หากจะหาที่พักกายใจจากการทำงานในหน้าหนาวนี้

ลองพิจารณาน้ำพุร้อนฝางดูนะคะ (เก็บค่าโฆษณาที่ไหนดีคะเนี่ย) อิอิ

ยินดีที่รู้จักคนอุดรเช่นกันค่ะ ^^

ไม่น่าเชื่อว่าหนึ่งอธิบายได้ละเอียดมากๆ พอเริ่มอ่านก้อหยุดไม่ได้ เข้าขั้นมืออาชีพจริงๆค่ะคุณ hana

สวัสดีค่ะพี่รวย

แหะๆๆ ไม่ถึงขนาดนั้นอ่ะค่าพี่รวย ขอบคุณค่ะ ^^

หนึ่งก็รออ่านบันทึกพี่รวยอยู่นะคะ

น้ำพุร้อน บ้านเรา ยังมีอีกหลายแห่ง สวยงาม รักษาสุขภาพ ส่งเสริมเป็นที่ท่องเทียว ไปกอดเมืองไทยให้หายเหนื่อย ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ poo

น้ำพุร้อนหลายแห่งในประเทศไทยของเรา ก็สวยงาม และมีคุณสมบัติดีเยี่ยม ไม่แพ้ น้ำแร่ออนเซ็น ของต่างชาติเค้าเลยนะคะ ^^

ขอบคุณที่แวะมาทักทาย่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท