เมตตากรุณา หมายถึง ความคิดปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข ปราศจากความทุกข์ด้วยประการทั้งปวง
ไม่คิดเบียดเบือนคนอื่นให้ลำบากเดือดร้อนเมื่อผู้อื่นมีทุกข์
มีผู้สงสัยว่าในอิสลาม กล่าวถึง “เมตตา กรุณา” ว่าอย่างไร
อิสลามก็คือศาสนาหนึ่งที่สอนประชาชาติให้ทำดี ละเว้นชั่ว สอนเรื่องบาป-บุญ สอนเรื่องโลกนี้โลกหน้า
และสอนเรื่อง เมตตา กรุณา ไว้เช่นกันกับศาสนาอื่นๆ คือ
บิดรมารดาเลี้ยงดูบุตรธิดาด้วยความรัก ความเมตตากรุณา ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม
เมื่อยามท่านแก่ชราให้ดูแลท่านประดุจว่า”สวรรค์อยู่ใต้ฝ่าเท้าท่าน”
หมั่นเพียรดูแลเพื่อได้พบสวรรค์ทุกเช้าค่ำ
สมัยโบราณมีทาส ท่านศาสดามุฮัมมัดสั่งสอนให้ให้อาหารกับทาสเท่ากับที่ให้ลูกๆ
เมื่อทาสมีเงินพอไถ่ค่าตัวได้ให้ปลดปล่อยเป็นอิสระ
ถ้าแต่งงานกับเขา(เธอ)ได้ให้แต่งเพื่อปรับยกฐานะให้เท่าเทียม
ให้การดูแลปกครองเด็กกำพร้า หญิงหม้ายจากภัยสงครามและหรือจากด้วยเหตุอื่นๆ
เมตตากรุณาต่อเหล่าสรรพสัตว์แม้แต่สัตว์นั้นไม่ใช่อาหารของชาวมุสลิมก็ตาม
เช่น หมู หมา สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์มีกงเล็บ สัตว์เลื้อยคลาน และฯลฯซึ่งเป็นสัตว์ต้องห้าม
(ห้ามบริโภค ห้ามเลี้ยง ห้ามซื้อขายฯลฯ) แต่ก็ห้ามทำร้ายมัน
และถ้าให้อาหารหรือน้ำแก่มันก็เป็นการเมตตากรุณามันเช่นกัน
พระเจ้าก็จะให้บุญประทานความดีความชอบแก่เรา
สัตว์เล็กสัตว์น้อยด้วยวงจรชีวิตไม่กี่วัน เช่น ยุง จนไปถึงช้าง ม้า วัว ควายฯลฯ ซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่
อายุหลายปีจนเป็นร้อยปี ทุกชีวิตมีค่าเท่ากันคือหนึ่งชีวิต
เปรียบดูว่า ชีวิตพ่อเราก็หนึ่งชีวิต ชีวิตลูกน้อยเพิ่งเกิดมาลืมตาดูโลกก็หนึ่งชีวิตเท่าๆกัน
ใครจะมาฆ่าลูกเรา เราก็หวงแหน ใครจะฆ่าพ่อเรา เราก็หวงแหนเช่นกัน
ใครอ้างว่ากินปลาซิว ปลากะตัก เพราะเป็นสัตว์เล็ก โปรดทบทวน
ข้าวเป็นอาหารก็มีคุณค่าต่อชีวิตเรา แต่เราเคยคิดไหมว่ามันเคยมีชีวิตหายใจกินอาหารเหมือนกับสัตว์
เก็บเกี่ยวมาแล้วมันยังไม่ตาย ปีหน้าฟ้าใหม่ มีฝนมานำไปเพาะหว่าน มันก็งอกงามเจริญเติบโต
ออกดอกออกรวงให้เราได้เก็บเกี่ยวอีก เรามาทำให้มันสิ้นชีวิตเพราะชีวิตมันอยู่ในเปลือกเมล็ด เรามองไม่เห็นเอง
หลายคนมองข้ามว่าเป็นพืช แต่พืชกินอาหาร เจริญเติบโต หายใจ และตายในที่สุด
ต้องเมตตากรุณาแม้แต่พืชโดยไม่ทำร้ายและทำลาย ให้หมดสิ้นเปลืองไปโดยไร้ประโยชน์
เมตตากรุณาผู้อยู่ใต้ปกครองตนให้พ้นทุกข์พ้นภัย เริ่มจากที่บ้าน ขยายออกไปตามความสามารถ
ชีวิตนี้จะพบแต่ความปลื้ม ปีติ จิตใจสงบ ศานติ
สวัสดีครับ...
ผมประทับใจบทความของคุณ r_นนท์มากครับ เป็นความอิ่มเอิบจาก 'ข้างใน'
ภาษาใสกระจ่าง สั้นกระชับ ทว่าละเมียดละไม
ชอบครับ จะแวะมาพักเรื่อย ๆ นะครับ