หลังจากที่เครื่องบินได้บินมาสู่ชั้นบรรยากาศชั้นโทรโปพอส เป็นชั้นบรรยากาศที่มีระยะสูงไม่แน่นอนอยู่ระหว่าง 7.5 กิโลเมตรถึง 20 กิโลเมตรเหนือระดับน้ำทะเลมาตรฐาน มีคุณสมบัติที่สำคัญประการหนึ่งคือ มีอุณหภูมิคงที่อยู่ที่ประมาณ 56.5 องศาเซลเซียส อากาศยานที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์กังหันไอพ่นขนาดใหญ่ อย่างเช่นเครื่องบินโดยสาร เครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งต้องการบินด้วยความเร็วสูง และบินเดินทางแบบประหยัดจึงมักบินอยู่ในย่านความสูงนี้ (ขอขอบคุณข้อมูลจาก สถาบันการบินพลเรือน www.catc.or.th โดยพลอากาศตรี พูนลาภ เอี่ยมเจริญ)
เมื่อเครื่องบินเข้าสู่ในชั้นบรรยากาศนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มีเสียงสัญญาณจากทางกัปตันกล่าวคำต้อนรับอีกครั้งหนึ่งโดยได้บอกถึงเส้นทางที่จะไปครั้งนี้ว่าเราเดินทางไปสู่ประเทศผ่าน มาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านกัมพูชา ไปจนถึงสนามบินผู่ตงเมืองเซี่ยงไฮ้ ในเวลา 16.15 น.ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่สิ้นเสียงสัญญาณลงบรรดาแอร์โฮสเตสก็ได้เริ่มบริการต่างๆให้กับผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่ม จนกระทั่งอาหารมื้อเที่ยงที่อยู่บนเครื่องบิน ซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่านี้เป็นครั้งแรกที่ได้ทานอาหารบนท้องฟ้า โดยมื้อแรกนี้ผมได้ทานข้าวหมูอบนึ่งมะนาว (จริงๆไม่รู้จะบอกเขาว่าอะไรดี ก็เลยสั่งตามครูปุ๊กไป) ขณะที่อยู่เครื่องบินอยู่นั้นผมก็มีอาการบางอย่างที่รู้สึกก็คือ ว่าเหมือนกับหูของเราจะอื้อๆ แต่หลังจากกลืนน้ำลายก็จะรู้สึกดีขึ้น ซึ่งทำให้เริ่มนึกออกว่า เพราะเราอยู่ในอากาศที่มีความกดดันไม่เท่ากับอยู่บนพื้นดิน ถึงเครื่องบินจะมีการปรับความดันอยู่แล้วก็อาจจะทำให้มีผลกับตัวเราอยู่บ้าง และขณะที่นั่งอยู่นั้นบางครั้งก็รู้สึกได้ถึงความสะดุดการเคลื่อนที่ ซึ่งสิ่งที่ผมคิดก็คือ “สงสัยจะตกหลุมอากาศ”
การใช้ชีวิตอยู่บินเครื่องบินประมาณ 4 ชั่วโมง ในความรู้สึกของผมคิดว่าเราต้องอยู่นานขนาดนี้ เราคงเบื่อเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วผมกลับรู้สึกว่าทำไมเวลามันผ่านไปเร็ว นั้นก็อาจจะเป็นเพราะว่าผมได้ดูภาพยนตร์ไปหนึ่งเรื่อง พร้อมทั้งกับการที่ได้เสียเวลากับการเรียนรู้ปุ่มต่างๆที่กว่าจะเข้าใจว่าปุ่มไหนทำอะไรได้ เพราะบางครั้งมันก็ไม่ไปอย่างที่เราต้องการ ซึ่งไม่รู้ว่าปุ่มมันเริ่มจะไม่ดีหรือผมเองที่ไม่รู้เรื่อง ก็คงใช้เวลาไปพอสมควร สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นบริการที่ทางการบินไทยได้ให้บริการ (อันนี้ผมไม่ได้ค่าโฆษณานะ)
|
หลังจากที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับสิ่งที่ต่างๆเหล่านั้นอยู่ ก็มีเสียงสัญญาณจากห้องกัปตันว่า “ อีก 30 นาทีเราจะถึงสนามบินผู่ตง ขอขอบคุณทุกท่านที่ใช้บริการกับสายการบินไทย” ผมจึงได้เริ่มมองออกไปสู่ด้านนอก และได้เห็นถึงพื้นดินอีกหนึ่งครั้งหลังจากเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เห็นแต่ท้องฟ้าและเมฆขาว ทำให้ผมคิดขึ้นมาว่านี้เรากำลังจะได้เหยียบพื้นแผ่นดินอีกที่หนึ่งที่เราไม่เคยคิดฝันว่าเราจะได้มาเดินในที่แห่งนี้ ขณะที่คิดๆอะไรไปอย่างเรื่อยเปื่อยนั้น ผมก็เริ่มรู้สึกถึงเครื่องบินของเราเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ไม่นานนักผมก็ได้ยินเสียงดังขึ้น “คลืด” พร้อมกับความรู้สึกเหมือนกับเราเหยียบเบรกรถอยู่ เมื่อผมมองไปด้านนอกถึงได้รู้ว่านี้เรามาถึงสนามบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อ่านแล้นนะ...ก็น่าอ่านดีนะ
ยังมีต่อนะครับ แล้วจะนำลงมาให้อ่านเรื่อยๆครับ