พึงภูมิในใน "ความเป็นไทย..."


คนญี่ปุ่นเป็นคนที่มีระเบียบวินัยในตนเองสูงมาก ถ้าคนไทยมีระเบียบวินัยในตนเองได้เท่ากับคนญี่ปุ่นประเทศของเราคงจะเป็นประเทศที่มีพัฒนาการทางเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเช่นเดียวกับประเทศของเขา

แต่ทว่า... ด้วยความเป็นไทยนั้น เป็นความอุดมสมบูรณ์ทางจิตทางใจ ประเทศไทยเป็น "ปฏิรูประเทศ" คือประเทศที่สมบูรณ์พร้อมด้วยทรัพย์ในดิน สินในน้ำ มีประชาชนที่มั่นคงในบวรพุทธศาสนา มีธรรมชาติที่เลอค่ากว่าประเทศใด ๆ

ถ้าหากจะมุ่งสู่ความเป็น Nics ก็ขอจัดระเบียบคนไทยให้ได้อย่างคนญี่ปุ่น เพื่อที่จะนำพาประเทศไปสู่ประเทศอุตสาหกรรมที่มักวัดกันด้วย "ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) 

แต่ถามในทางกลับกันว่า คนในประเทศญี่ปุ่นมีความสุขไหม ชีวิตที่มีระเบียบวินัยแบบนั้นมีความสุขไหม...?

ทำอะไรตามใจคือ "ไทยแท้" เราเป็นคนไทยหาใช่คนญี่ปุ่น

ถ้าหากชีวิตเราเห็นว่าความมีระเบียบวินัยอันจะนำพามาซึ่งความเจริญ ความก้าวหน้า อันจะนำมาซึ่ง "ความสุข" ก็ขอให้เดินตามญี่ปุ่นไป เดินตามสหรัฐอเมริกาไป

แต่ถ้าเราจะหาความสุขใจอันจะก่อเกิดและรวมตัวกันเป็นมวลรวมความสุขของประเทศ (Gross Domestic Happiness : GDH) ก็ขอให้เรามีระเบียบ มีวินัย ตั้งมั่นในคุณพระศรีรัตนตรัย มีศีล มีธรรม มีพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่งเถิด

ประเทศไทย เป็นประเทศที่ใกล้กับ "ความสุขแท้" มากที่สุดในโลก

ความสุขแท้คือความสงบ

ขอให้เชื่อมั่นและศรัทธาใน "ความเป็นไทย" 

ความเป็นไทยนี้แลคือความสุข ความสงบแห่ง "จิตใจ..." 

 

เมื่อเราคือคนไทย เราก็มี "เมืองไทย" เป็น "บ้าน..."

ขอให้เราภูมิใจในบ้านของเรา

ขอให้เราศรัทธาต่อภูมิปัญญาของคนในบ้านของเรา

คนนอกบ้านไม่ศรัทธาความรู้ ไม่เชื่อมั่นในปัญญาคนในบ้านของเราไม่เป็นไร

แต่ถ้าเราเกิดเป็นคนไทยแล้วไซร้ เราก็ควรเชื่อมั่นและศรัทธาภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ บุพการีชน บุคคลอันเป็นที่รัก ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และที่ล่วงลับไปแล้ว

ในโลกนี้ไม่มีอะไรดีที่สุด มีแต่เพียงสิ่งที่ "เหมาะสม" ที่สุดเท่านั้น

ไม่มีใครรู้สภาพบ้านของเราเท่ากับพ่อกับแม่ของเรา

เพราะท่านเป็นคนปลูกบ้าน สร้างเรือน เลี้ยงดูเรามา ป้อนข้าว ป้อนน้ำ

เราไม่ควรดูถูกว่าท่านโง่ แล้วไปยกย่องภูมิปัญญาของคนบ้านอื่น

เหล็กนั้นจะเสียหายได้ก็เนื่องด้วยสนิมที่เกิดในตัวของเหล็กเอง

แค่นักธุรกิจในบ้านเราที่จ้องจะหาผลประโยชน์จากคนในบ้านตัวเองก็มีมากมายพอแล้ว

ขายปุ๋ย ขายยา ขายเครื่องไถ ขายเครื่องเกี่ยวข้าว ชาวนาบ้านเราก็ไม่เหลืออะไรไว้ให้กินแล้ว

ได้เงินมาก็ถูกพ่อค้าเก็บดอกเบี้ยพร้อมหักค่าใช้จ่ายที่กู้หนี้ยืมสินมา

เหลือนิด เหลือหน่อย ก็ต้องไปดาวน์มอเตอร์ไซด์ ไปถอยรถกระบะ เพราะพ่ายแพ้ต่อกิเลสที่มาจากทางสื่อสารมวลชนนานาชนิด

ไก่ทอดชิ้นละห้าบาทสิบบาทเริ่มไม่อร่อย พอมีเงินหน่อยก็ต้องคอยไปกิน KFC

 

ถ้าคนเราไม่รู้จักคำว่า "พอ" ต่อให้เรานำเทคโนโลยีการผลิตที่ดีเลิศประเสริฐศรีขนาดไหนเข้ามา ก็ "หมด" ไม่มีเหลือ

ลองหันไปมองดูคนรวย ๆ มีเงินพันล้าน หมื่นล้าน เขามีความสุขไหม

เขามีความสุขเท่าปู่ ย่า ตา ยาย ที่เก็บผัก เก็บหญ้า จิ้มน้ำพริก กินอาหารสด ๆ อยู่ริมทุ่งนาได้ไหม

ถ้าชีวิตของเรามี "ความพอใจ" เราก็มีความสุข

เจ้าใหญ่ นายโต ที่กินข้าวด้วยช้อนทองคำ ถ้าไม่มีความพอใจเท่ากับชาวนาที่ขยำข้าวด้วยมือ

จงพอใจกับความเป็นไทย เพื่อให้ลูกหลานใจพอใจกับเรา ผู้ที่ได้ชื่อว่า "คนไทย..."

 

หมายเลขบันทึก: 410630เขียนเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2010 12:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 เมษายน 2012 10:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ร่วมแลกเปลี่ยน...

จะดีมากเลยครับ ถ้าทุกคน "อายุคงที่" ไม่มีความเสื่อมถอย

จะดีมากถ้าเราสามารถทำทุกอย่างได้เอง ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องพึ่งพาต่างชาติ

ทุกอย่างมีการเเลกเปลี่ยน "เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ครับ "

ต่างคน ต่างทำหน้าที่

เกษตรกร

รัฐ

เอกชน

คนทั่วไป

ชีวิตคนทำงานอย่างเราเอง...

- เด็กๆ ก็อยากได้จักรยาน

 -อยู่ม.ปลาย อยากได้มอเตอร์ไซด์

-จบปริญญา มีงานทำ อยากมีรถยนต์ขับ

-แต่งงานต้องมี บ้านซักหลัง 

-ต้องเตรียมอนาคตให้ลูกอีก

ความจริง ...ที่ต้องเรียนรู้และปรับตัว เท่าทันการเปลี่ยนเเปลง ตามช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป 

ถ้าปรับไม่ได้ ก็ไม่มี "ข้าว" กินครับ

 "อาชีพเกษตรกร มีเกียรติ มีกิน มีเก็บ แต่ต้องเก่งจัดการ การรวมกลุ่ม การ ผลิต การต่อรอง  และการตลาด "

ค่านิยม ที่ต้องเปลี่ยน ........

แลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ

คำสาปแช่งจากการมีทรัพยากร (Resource Curse)

โดย วรากรณ์ สามโกเศศ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ [email protected]   มติชนรายวัน  วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 ปีที่ 27 ฉบับที่ 9623

 

คนส่วนใหญ่เชื่อว่าการมีทรัพยากรธรรมชาติมาก จะทำให้ประเทศร่ำรวย เพราะพื้นที่กว้างขวางที่อุดมสมบูรณ์ มีแร่ธาตุมากมายเป็นเสมือนขุมทรัพย์ที่จะสนับสนุนให้คนในชาติมีคุณภาพชีวิตที่ดี อย่างไรก็ดี หลักฐานจากงานวิจัยหลายชิ้นพบว่ามิได้เป็นเช่นนั้น

ติดตามต่อได้ใน..

http://gotoknow.org/blog/supersup300/406446

ขอบคุณครับ

 

"ไหใหญ่ล้น ไหน้อยบ่เต็ม"

ความฝันของพระเจ้าประเสนธิโกศล ที่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้พยากรณ์เป็นพุทธทำนายไว้เมื่อกว่าสองพันปีที่แล้ว

เป็นปกติของสภาวะ "กึ่งพุทธกาล" ที่ประชาชนยากจนนั้นแล้งแค้น แต่คนรวยก็รวยล้นฟ้า

อันที่จริงแล้ว การยกเรื่องราวร้าย ๆ ขึ้นมาตีแผ่ในหนังสือพิมพ์และนักวิชาการนำมาเขียนเป็นบทความนั้น เป็นเพียงหนึ่งเรื่องจากอีกเก้าสิบเก้า เรื่องราวที่ "ดี ๆ"

หากเราเป็นบุคคลที่มองโลกในแง่ดีเราจะเห็นความเป็นชุมชนแห่งการ "แบ่งปัน"

ชุมชนไทยมิได้เลวร้ายอย่างที่หนังสือพิมพ์อยากจะเขียนข่าวเพื่อขายเศษกระดาษเปื้อนน้ำหมึก

เรื่องดี ๆ ไม่มีราคา แต่เรื่องชั่ว ๆ มักมีราคาเสมอ

นักวิชาการไทยสายรับใช้สังคม มีหน้าที่ตีแผ่ความดีที่ยังมีอย่างเหลือล้นในสังคมไทย

หากตีแผ่การกระทำผิดของคนที่พลั้งพลาดขาดสติอันเป็นการกระทำเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของชีวิต แล้วตีเหมาว่าประเทศเราเลวเสียหมด การมีทรัพยากรธรรมชาติมาก ๆ เป็นต้นเหตุแห่งความหายนะทั้งหมดนั้น คงจะเป็นการใส่ร้าย "คนไทย" ด้วยกันจนเกินไป

ถึงแม้หากเราจะถามคนที่ทำความผิดในวันที่เขาทะเลาะกันอย่างที่ข่าวหนังสือพิมพ์ลง ในวันนี้ ก่อนที่เขาได้ทำความผิด เขาเคยทำความดีบ้างไหม วันก่อนที่เขาเคยทำความผิด เขาเคยทำความดีบ้างไหม เดือนก่อน ปีก่อน ๆ เขาเคยทำคามดีบ้างไหม หรือเขาเคยแต่กระทำความชั่วมาทั้งชีวิต

คนเรามีชีวิตอยู่ในหนึ่งปี 365 วัน มีเพียงนาทีหนึ่งของหนึ่งวันที่พลั้งเผลอ "สติหาย" ได้กระทำความผิด แล้วสังคมจะตัดสินว่าเขาเลวมาทั้งชีตกระนั้นหรือ

ในทางเดียวกัน คนที่ทำความผิดเพียงคนเดียว เราจะมาตัดสินคนไทยทั้งหกสิบล้านชีวิตกระนั้นหรือ

หรือแม้ถ้าหากเขากระทำความผิด เขาเลว เขาชั่ว เราในฐานะคนไทยด้วยกันมิใช่มีหน้าที่ช่วยเหลือ แบ่งปัน "น้ำใจ" และ "ความเมตตา" ให้กันและกัน เพื่อให้เขากลับมาเป็นสมาชิกที่ดีใน "สังคมไทย...?"

เมื่ออ่านบทความแล้ว รู้สึกรันทดใจถึงมุมมองของนักวิชาการต่อสังคมไทยว่าทำไมถึงมองคนไทยซึ่งเป็นสายเลือดเดียวกันได้อย่างเลวร้ายเช่นนั้น

เมื่อนักวิชาการมองภาพของวิถีชีวิตไทยแบบในน้ำมีปลา ในนามีข้าวว่าเป็นสิ่งที่เลวร้าย ในอนาคตใกล้ ๆ คงจะเปลี่ยนเมืองไทยเป็นอิฐ หิน ปูน ทราย ทั้งหมด

เมื่อทรัพยากรมาก ๆ เป็นสิ่งที่เลวร้าย ก็สมควรที่จะตัดไม้บนภูเขาเสียให้หมด เอาไม้มาสร้างบ้าน เปิดสัมปทานเพื่อการส่งออก หาเงิน หาทองเข้าประเทศมาก ๆ

ชาวบ้าน ชาวเมืองไม่ต้องอยู่บ้าน อยู่ช่องกัน ออกไปขายแรงงานยังต่างชาติให้หมด

ข้าวไม่ต้องปลูก ตั้งหน้าตั้งตาเรียน หาเงิน แล้วไปซื้อข้าวเขากิน

กุ้ง หอย ปู ปลา ไม่ต้องเลี้ยง ไม่ต้องจับ ซื้อโปรตีน ซื้อวิตามินบีรวมกินแทน

หากมองเกษตรกรเป็นคนเลว คงจะมองนักการเมืองเป็นคนดี

นักการเมืองคงจะเป็นบุคคลที่ใจซื่อ มือสะอาด เพราะประวัติศาสตร์นักการเมืองไทยที่ทำผิดแล้วถูกกฏหมายตัดลงโทษอย่างจริง ๆ จัง ๆ นั้นมีเปอร์เซ็นต์น้อยกว่าเกษตรกรเยอะ

เมื่อตัวเลขนักการเมืองที่ติดคุก น้อยกว่าเกษตรกรที่ติดคุกนั้นสามารถวิเคราะห์ได้ว่า เกษตรกร "เลว" กว่านักการเมืองอย่างนั้นหรือ

ผู้ร้ายที่สวมสูทที่คอยปล้นเงิน ปล้นดอกเบี้ยจากเกษตร นั่งนอนอยู่บนความทุกข์ของชาวนา ชาวไร่ ทำนาบนหลังของชาวนาไทยเป็นคนดีใช่หรือไม่...?

ถ้าการผันน้ำเข้านามีปัญหา ไม่มีใครเคยมองว่า เจ้าหน้าที่กรมชลประทานที่มีเงินเดือนหลายพัน หลายหมื่น มีความผิดเพราะไม่มี "ปัญญา" จัดการน้ำอย่างเป็นระบบ

ต้องให้เกษตรกรคนที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ ตัดสินปัญหากันด้วยตนเอง

คนที่เรียนหนังสือมาสูง ๆ เงินเดือนมาก ๆ ความรู้เยอะ ๆ ก็ลอยตัวไป ไม่ต้องใส่ใจอะไรถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน

ประเทศของเราทำไมมองกันสั้น ๆ มองแต่คนที่ทำความผิดคาเขาคาหนังเท่านั้นที่เป็นคนเลว

คนที่สวมสูทผูกไทด์โก้นั่งในห้องแอร์กินแต่ภาษีประชาชนแล้วไม่ยอมนำตัวนำใจตนมาทำความดี เป็นคนที่เลิศประเสริฐศรีใช่หรือไม่...?

ถ้า คำสาปแช่งจากการมีทรัพยากร (Resource Curse)

มีจริง ข้าพเจ้าขอเติมความจริงลงไปอีกสักหน่อยถึงว่าเป็น "

คำสาปแช่งจากการมีทรัพยากรมนุษย์เลว ๆ (Bad Human Resource Curse)

มนุษย์ที่เรียนสูง ๆ ที่คิดว่าตนมีความรู้เยอะ ๆ ทำงานกินข้าวที่มาจากภาษีประชาชน ที่ไม่ยอมอุทิศตนในการทำงาน

ทรัพยากรมนุษย์ที่ทำงานที่ในหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นป่า เป็นไม้ เป็นดิน เป็นฟ้า เป็นอากาศ เขาเหล่านี้แหละคือ คำสาปแช่งจากการมีทรัพยากรมนุษย์ที่ "เห็นแก่ตัว"

พี่น้องเกษตรกรเขาต้องปากกัด ตีนถีบ ดิ้นรนทำมาหากิน อาบเหงื่อต่างน้ำ ทำงานหนัก ก็ถูกทรัพยากรมนุษย์เหล่านี้คอยเอารัด เอาเปรียบ

เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้าไปส่งเสริมก็มีแต่หาผลประโยชน์ หายศ หาตำแหน่ง

พอเงินใครทำความผิดหน่อยก็คอยรีด คอยไถ

ทรัพยากรมนุษย์ที่ทำความผิดเหล่านี้ไปคนดีใช่หรือไม่ ถึงมองเกษตรกรไทยเป็น "คนเลว"

คนเราต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอด

จะว่าเขาเมาเหรอ กินเหล้า ไม่มีสติเหรอ

คนผลิตเหล้าเห็นรวยเอา รวยเอา ไม่เห็นมีใครไปให้โทษเขาบ้างว่าเป็นคนที่ทำสังคมไทยให้ล่มจม

เมื่อรัฐวิสาหกิจที่ทำรายได้เป็นลำดับต้น ๆ คือ โรงงานสุรา และโรงงานยาสูบ แล้วเราจะมีงบรณรงค์เพื่อรักษาสุขภาพกันไปทำไม

คนในสังคมไทยนี้ก็แปลก คนผลิตสินค้าเพื่อมาฆ่าคนไม่ผิด ฆ่าคนทั้งประเทศ โรคปอด โรคมะเร็ง โรคเส็งเคร็ง อะไรต่ออะไร พวกคนผลิต คนขาย "ไม่ผิด"

แต่คนที่ฆ่าคนคนเดียว เอาไป เอาตาย มิหนำซ้ำกลับเป็นมาตรฐานที่วัดคนไทยทั้งประเทศ

เมื่อกฏหมายยังให้โอกาสคนกระทำผิดมากให้รับผิดน้อย หรือไม่ได้รับผิดเลย สังคมไทยก็เลวร้ายอยู่เช่นนี้

คนที่ฉลาด เรียนสูง สามารถนำสุรา นำบุหรี่ต่างประเทศเข้ามาขายแล้วทำลายสุขภาพของคนไทยไม่มีความผิด แล้วแถมมีชีวิตที่หรูหรา ฟู่ฟ่า มีหน้า มีตา ในสังคม

คนจน ๆ ที่ต้องอับจนหนทาง น้ำไม่ไหล ไฟไม่สว่าง แหงนหน้าขึ้นมาก็เจอข้าราชการเช้าชาม เย็นชามอีก

จะมีนักวิชาการเข้าไปช่วยหน่อย ก็คอยแต่จะเอาทฤษฎีต่างประเทศเข้าไปอัด เห็นชุมชนเป็นหนูทดลองทฤษฎี เป็นอย่างนี้คนไทยก็ชีช้ำกระหล่ำปลีตลอดไป...

share ครับ

ไม่ว่าจะมีมุมมอง เเบบไหน แบบนักวิชาการ แบบนักการเมือง แบบเอกชน

ก็ต้องให้ เครดิตเค้า ต่างคนต่างทำหน้าที่ และคอยตรวจสอบ  

จระเข้ขวางคลอง มองทุกคนผิดหมด

ก็เเปลว่า แต่ละคน บกพร่องต่อหน้าที่....แล้ว ไปทำแทนเค้าได้ หรือไม่

 

แสวงหาทางออกร่วมกันด้วยปัญญา  ดีกว่าครับ

 

เรื่องการเกษตรไทย

ต้องลองประมาณการ ตัวเลข ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต โดยรวมดู ก็จะเห็นค่าเสียโอกาส มากเกินกว่าที่ควรจะเป็น ครับ

อันนี้แล้วแต่มุมมองนะครับ มีผู้อ่านหลายท่าน

1.มองการทำนา เป็นภูมิปัญญา เคยทำมา ยังไงก็ควรเป็นไปอย่างนั้น

(แล้วคนรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไปจะรับช่วงต่อ ได้หรือไม่? มันมี Gap ของการสานต่ออยู่ ?)

2.มองการทำนา เป็นเชิง Management + PDCA+Preventive solution

(ให้คนลูกรุ่นหลาน มารับช่วงต่อได้ แบบ Turn Key -ลด Gap ทั้งหมดลง)

ซึ่งก็ต้องผสมผสานกันไป ตามความเหมาะสมครับ ที่ต้องมองถึง

ความเป็นไปของสังคมโลก สิ่งเเวดล้อม และอนาคตของลูกหลานด้วยครับ

ยังมีคนปลูกข้าว ยังมีความภูมิใจ คนไทยปลูกข้าวกินเองได้

ไม่ได้คิดแทนใคร แต่ว่าไปตามเนื้อผ้า

ลปปรร.

เคยมีใครย้อนกลับไปถามพี่น้องเกษตรกรไทยจริง ๆ ไหมว่าเขาต้องการให้ชีวิตเขาเป็นอย่างไร...?

เหมือนกับมีเด็กคนหนึ่งที่หวังดีจูงคนตาบอดข้ามถนน ทั้ง ๆ ที่คนตาบอดนั้นไม่อยากจะข้ามถนน แต่ก็ไม่อยากจะปฏิเสธความหวังดีของเด็กคนนั้น เพราะกลัวว่าเด็กคนนั้นจะเสียใจ

พี่น้องเกษตรกรไทยเขารู้จัก "ความสุขแท้" แต่พวกนักวิชาการก็หวังแต่ผลงานทางเศรษฐกิจและสังคม นำความรู้นำทฤษฎีไปเจือปนกับวิถีชีวิตของเขา

วันนี้เราต้องย้อนกลับมามองดูตัวเราว่า ที่เราทำนั้นเพราะเราอยากทำ หรือที่เราทำนั้นเพราะเขา (พี่น้องเกษตรกร) นั้นต้องการ

ต้องลองวางใจเป็นกลางแล้วพิจารณาใจเขาใจเราให้ถ้วนถี่

และพิจารณาย้อนกลับไปต้องแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับแรกที่ยังไม่มีสังคมด้วยว่า นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ "ความสุขมวลรวม" ในประเทศเติบโตเท่ากับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือไม่...?

แท้ที่จริงพี่น้องเกษตรกรของเราไม่ได้มีปัญหากับชีวิตอะไรมากนัก ถ้าหากนักเศรษฐกิจไม่หยิบยื่นสิ่งที่เรียกว่า "พัฒนา" เขาไป

เมื่อนักเศรษฐกิจคิดอะไรเป็นตัวเลขโดยใช้บรรทัดฐานของสังคมเกษตรกรรมอุตสาหกรรมเข้าไปจับ พี่น้องเกษตรกรของเราก็ตกมาตรฐาน ต่ำกว่าเกณฑ์ ล้าหลัง

แต่ความสุขของชีวิตเขาไม่เคยล้าหลัง

สังคมเกษตรกรรมไทยยังเป็นสังคมที่มีความสุขอยู่

เขาก็มีความสุขแบบพอเพียงของเขา ความสุขแบบลุ่ม ๆ ดอน ๆ ที่เรามองเขา นั่นคือความเพียงพอของชีวิต

เราต่างหากที่ยังไม่เพียงพอ เพราะเราใช้บรรทัดฐานทางเศรษฐกิจและวิชาการตัดสินชีวิตบุคคลอื่น

วันนี้จึงถึงวันที่เราจะต้องกลับมาทบทวนวิถีชีวิตของตนเอง ว่าเราหรือเขาเป็นคนที่เข้าถึงความสุข

ชีวิตที่เราดิ้นรนอยากให้คนอื่นเป็นสุข ไม่สุขเท่ากับชีวิตที่เราอยากให้เราเป็นสุข

ลาภและยศนั้นเป็น “เหยื่อของโลก” ที่น้อยคนนักจะสละและวางได้ จึงแย่งลาภแย่งยศกันอยู่เสมอ
เหมือนปลาที่แย่งเหยื่อกันกิน แต่หารู้ไม่ว่า เหยื่อนั้น มีเบ็ดเกี่ยวอยู่ด้วย
หรือเหมือนไก่ ที่แย่งไส้เดือนกัน จิกตีกัน ทำลายกัน จนพินาถกันไปทั้งสองฝ่าย น่าสังเวชสลดจิตยิ่งนัก

ถ้ามนุษย์ในโลกนี้ ลดความโลภลง มีการเผื่อแผ่ เจือจาน โอบอ้อมอารี
ถ้าเขาลดโทสะลง มีความเห็นอกเห็นใจกัน มีความเมตตากรุณาต่อกัน
และลดโมหะลง ไม่หลงงมงาย ใช้เหตุผลในการตัดสินปัญหาและดำเนินชีวิต
“โลกนี้จะน่าอยู่อีกมาก...”

แต่ช่างเขาเถิด...!
หน้าที่โดยตรงและเร่งด่วนของเธอ คือ ลดความโลภ ความโกรธ และความหลงของเธอเอง ให้น้อยลง “แล้วจะประสบความสุข ความเยือกเย็นขึ้นมาก”
เหมือนคนลดไข้ได้มากเท่าใด ความสบายกายก็มีมากขึ้นเท่านั้น... (พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท