ถ้าใครเป็นผู้สนใจในประวัติศาสตร์พระเครื่องโดยเฉพาะพระชุดเบญจภาคี มีความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจระหว่าง “พระผงสุพรรณ” กับ “พระซุ้มกอ”
อย่างแรก “ตำนานลานเงินลานทอง” ที่จารึกการสร้างพระทั้งสองกรุนี้ อ่านแล้วผมว่าคนแต่งอักขระ น่าจะเป็นกลุ่มคนชุดเดียวกัน มีสำนวนการเขียนใกล้เคียงกัน บุคคลที่กล่าวถึงก็เป็นกลุ่มเดียวกันอีกด้วย ลองเปรียบเทียบดูนะครับ (เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ) จารึกลานเงินที่พบในเจดีย์พระบรมธาตุนครชุม “กรุพระซุ้มกอ” ตัดความมาบางส่วน
"ตำบลเมืองพิษณุโลก เมืองกำแพงเพชร เมืองพิชัย เมืองพิจิตร เมืองสุพรรณ ว่ามีฤาษี ๑๑ ตน เป็นใหญ่ ๓ ตน ฤาษีพิราลัยตนหนึ่ง ฤาษีตาไฟตนหนึ่ง ฤาษีตาวัวตนหนึ่ง เป็นประธานฤาษีทั้งหลาย จึงปรึกษากันว่า เราท่านทั้งนี้จะเอาอันใดให้แก่พระยาศรีธรรมาโศกราช ..........ครั้นเสร็จแล้วฤาษีจึงป่าวร้องเทวดาทั้งปวงให้ช่วยกันบดยา ทำเป็นพระพิมพ์ไว้สถานหนึ่ง ทำเป็นเมฆพัตรสถานหนึ่ง ฤาษีทั้ง ๓ องค์นั้นจึงบังคับฤาษีทั้งปวงให้เอาว่านทำเป็นผง เป็นก้อน ถ้าผู้ใดได้ถวายพระพรแล้ว จึงเอาไว้ใช้ตามอานุภาพเถิด...ฯลฯ"
จารึกลานทองที่พบในพระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ “กรุพระผงสุพรรณ” ตัดความมาบางส่วน
"สิทธิการิยะ แสดงบาทไว้ให้รู้ มีฤาษีพิราลัย เป็นประธาน เราจะทำด้วยฤทธิ์ ทำเครื่องประดิษฐ์มีสุวรรณเป็นต้น คือ พระบรมกษัตริย์พระศรีธรรมาโศกราช เป็นผู้ศรัทธา ฤาษีทั้ง ๔ ตน จึงพร้อมกันนำเอาแร่ว่านทั้งหลายอันมีฤทธิ์กับแร่ต่างๆ ครั้นได้แล้ว พระฤาษีจึงอันเชิญเทพยดาเข้ามาช่วยกันทำพิธีเป็นพระพิมพ์ สถานหนึ่งดำ สถานหนึ่งแดง ได้เอาว่านทำเป็นผงปั้นพิมพ์ ด้วยลายมือพระมหาเถรปิยทัสสีสารีบุตร คือ เป็นใหญ่เป็นประธานในที่นั้น...ถ้าผู้ใดได้พบ ให้รีบเอาไปสักการบูชาเป็นของวิเศษ...”
(จารึกลานเงินและลานทอง คัดลอกบางตอน จาก หนังสือพระเบญจภาคี ของ “คุณตรียัมปวาย”)
มาถึงตอนนี้คงพอเชื่อได้ว่าพระฤาษี และ คณะสงฆ์ผู้สร้าง “พระซุ้มกอ” และ “พระผงสุพรรณ” เป็นคณะเดียวกัน
โดยในพิธีการสร้างทั้งสองแห่ง มี “พระศรีธรรมาโศกราช” ที่คุณตรียัมปวายได้สรุปไว้ว่า คือ “พระมหาธรรมราชาลิไทย” กษัตริย์แห่งอาณาจักรสุโขทัยร่วมพิธีด้วยทั้งสองครั้ง พุทธคุณ และ อิทธิคุณ ของพระพิมพ์ทั้งสองกรุก็น่าจะ...เหมือนๆ กัน
หลักการเดียวกันกับที่ผมเคยเห็นคำโฆษณาในหนังสือพระเครื่องต่างๆ อ้างอิงพระเกจิอาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกพระรุ่นนั้นรุ่นนี้นอกวัดของท่าน เพื่อเป็นเครื่องการันต์ตีความขลัง เช่น พระเครื่องรุ่นนี้ออกที่วัดไร่วารี “หลวงปู่ทิม” ปลุกเสก พระเครื่องของ “หลวงปู่ทิม” ออกวัดละหารไร่ กับ วัดไร่วารี ก็น่าจะมีพุทธคุณเหมือนกัน เพราะผู้สร้างเป็นบุคคลเดียวกัน (ทำไม..ราคาต่างกันฟะ!)
ดังนั้น...พระทั้งสองกรุนี้นำมาไว้บูชาเพียงองค์ใดองค์หนึ่งก็น่าจะเป็นดังคำที่ว่า “มีกูไว้ไม่จน” เหมือนกัน แต่ถ้า “มีกูไว้แล้วไม่ทำมาหากิน” รับรอง “จน” แน่นอนครับ
เชื่อเถอะครับเพราะอย่างน้อยก็ประหยัดเงินเช่าพระไปครึ่งหนึ่งจากต้องเช่าทั้งสององค์ ก็เหลือแค่องค์เดียว ถ้าจะอ่านเกมส์กันแบบขาด..เลย พิมพ์ไหนก็ได้ครับที่มาจากสองกรุนี้..เลือกเอาตามกำลังตามศรัทธาเลยครับ
เอาล่ะเรามาย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์กันต่อ.. ว่าแต่ว่า “พระมหาธรรมราชาลิไทย” หรือ “พระศรีธรรมมาโศกราช” ในจารึกลานเงินลานทองนั้น มาทำอะไรที่ “สุพรรณ” ซึ่งเป็นเขตปกครองของ “พระเจ้าอู่ทอง” แห่งกรุงศรีอยุธยาในขณะนั้น?
แล้วที่ว่า “..พระมหาเถรปิยทัสสีสารีบุตร คือ เป็นใหญ่เป็นประธานในที่นั้น..” เป็นใคร มาจากไหนกันหนอ?
To be continue…
อ่านแล้วได้ความรู้ดีครับ แต่คงไม่เช่าครับเพราะไม่มีตังค์ อิอิ
"พระแพงๆ ก็ใช่ว่าจะดี พระดีๆ ได้มาฟรี ก็มีถมไป"
ไม่แน่นะครับ..ท่านลองกลับไปค้นห้องพระที่บ้าน
อาจจะเจอพระกรุ เก่า เก็บ ที่มาจากสองกรุนี้ก็ได้
ลองดูครับ!...ขอบคุณครับที่ติดตาม
ทำความดีมากๆ ไม่แน่อาจได้สุดยอดพระเครื่อง