" จะไปขี่รถม้าเล่นแล้วทานข้าวกับครูหรือจะไปกับเพื่อน " ครูสอบถามหลังฝึกซ้อมภาษาญี่ปุ่นช่วงบ่ายเสร็จสิ้น
" ไปกับเพื่อนครับ " นายแค้มป์รีบตอบโดยไม่ต้องคิดนาน
" งั้นให้เวลาพักจนถึง ๒ ทุ่ม แล้วเจอกันนะนายแค้มป์ " ครูกล่าวกำชับแกมบังคับกลายๆ
นายแค้มป์ ระหว่างทางระเห-เร่ร่อน ไปลำปาง
นับคนที่ยืนคอยนั่งรถม้าได้ ๗ คนพอดี จึงให้พนักงานของโรงแรมเรียกรถม้ามาให้ ๒ คัน เมื่อรถม้าวิ่งมาจอดเทียบท่า ลำเลียงคนขึ้น..... อ้าว...คนเพิ่มขึ้นเป็น ๑๐ คน ต้องนั่งเบียดๆกันไปและให้นั่งกับคนขับคันละ ๑ คน ตกลงจ่ายเงินคันละ ๒๐๐ บาทในการพาชมตลาดของนครลำปางเป็นเวลา ๒๐ นาที อากาศช่วงเวลา ๕ โมงเย็นของนครลำปาง ร้อนโครตๆ
" กุบกับ-กุบกับ ....... ปึ้ก "
" ปี๊ดดดดดดดดดด " เสียงนกหวีดของตำรวจจราจรร้องเป่าให้รถม้าคันหน้าจอดและเดินถลามาขวางทางไว้ รถม้าคันที่สองจึงต้องหยุดชะงักตามไปโดยปริยาย
" ก็เห็นอยู่ว่า รถยนต์มันจอดติดไฟแดง ทำไมไม่เบรก ลงมาเดี๋ยวนี้นะ " นายตำรวจสั่งการด้วยเสียงเรียบๆ ทั้งคนขับรถม้าและผู้โดยสารรถม้าก้าวเท้าลงมาด้วยกันครบทีม
" ขี่อย่างไรเนี่ย ประมาทนี่นา " เป็นคำถามเชิงสงสัยหรือบอกข้อกล่าวหาจากนายตำรวจกันแน่นะ
" ครูว่าเราถ่ายรูปกับรถม้าคอยไปพลางๆก่อนดีกว่า " สมาชิกผลัดเปลี่ยนกันถ่ายภาพ กดชัตเตอร์คนละ ๒-๓ ครั้ง
" ว๊า.... มุมนี้มันติดเสาไฟฟ้าไม่สวยเลย " ครูเอ่ยความเห็น แต่เรื่องราวของรถม้าชนท้ายรถยนต์ยังไม่จบ จึงเดินไปดูเหตุการณ์ใกล้ๆ ได้ยินเสียงตำรวจยังกล่าววนเวียนดังเดิม เหมือนช่วงแรก
" ถ้าอย่างนี้ คุณตำรวจจะจับม้าที่ไปชนหรือจับคนขับรถม้าล่ะคะ " (แกว่งจนได้ )
คุณตำรวจนายหนึ่งหันหน้ามามอง รีบส่งยิ้มหวานก่อนที่คุณตำรวจจะเปลี่ยนใจหันมาจับคนพูดแทน
" จะรีบไปธุระที่ไหนกันหรือเปล่าล่ะครับ "
" ก็ต้องรีบซิคะ เพราะรถม้าเขาไม่ได้ทดเวลาให้ เดี๋ยวมันจะหมดเวลาก่อนได้ชมตลาดทั่วนครลำปาง "
" งั้นต้องยึดใบขับขี่ไว้ พอไปส่งผู้โดยสารเสร็จต้องรีบกลับมาแล้วกัน "
คนขับเปิดกระเป๋าอย่างรีรอ
" แล้วเสียหายหรือเปล่าล่ะคะ " ถามไปตามประสาอยากรู้-อยากช่วยแก้ปัญหา
" ก็เสียหายซิครับ รถบุบเลย "
" อ้าวเหรอคะ "
" ไม่เป็นไรหร็อก ม้าไม่ต้องจ่าย เพราะมีประกัน " น้องแคทกระซิบบอกและบุ้ยใบ้ให้เหลือบไปดูป้ายโฆษณา ท้ายรถม้า
" อ้าว ขึ้นรถกันได้ "
สาวน้อย ๔ รายเกาะกลุ่มขึ้นรถม้าคันเดียวกัน เหลือแต่หนึ่งหนุ่มและสองสาวตัวใหญ่ เป็นการเปลี่ยนผู้โดยสาร คุณครูอีกสามยังยืนอยู่ที่เดิม
" งั้นต้องเรียกเพิ่มอีก ๑ คัน พวกเธอไปกันก่อนแล้วกัน ไปเจอกันที่โรงแรมนะ " ครูแคทสั่งการ
" แถวนี้มีร้านอาหารดีๆ บ้างไหม มีที่สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไหมคะ "
" คุณจะกินอะไรล่ะ อาหารแบบไหนล่ะ ส่วนที่เที่ยวก็มีบ้างแถบหอนาฬิกาอยู่ด้านโน้น สวนสาธารณะก็ไปทางเดียวกัน " คุณตำรวจเล่นกลับบ้าง
" ไกลไหมล่ะคะ เดินได้ไหม "
" ก็ไกล ต้องนั่งรถรอบเมืองไป รอตรงนี้ก็ได้ครับ "
" อย่านั่งรถเลย เดินชมเมืองไปเรื่อยๆดีกว่า เดินย้อนกลับไปทางเดิม เป็นการออกกำลังกายด้วยไง " ผู้เขียนกล่าวจบก็ รีบเดินนำหน้าไปก่อนที่น้องๆ จะทันได้ตัดสินใจ
" อร่อยมาก ลำแต๊ๆ " ป้ายติดข้อความเชิญชวนข้างรถเข็นด้านตรงข้ามถนน เขียนไว้จนนึกอยากลองทาน
" ข้ามไปดูดีกว่า เร็ว "
" รถมันเยอะไม่ชะลอความเร็วเลย จะข้ามอย่างไรเนี่ย " น้องๆบ่นด้วยความกังกล
" ตามมา " สาวเท้าข้ามถนนไปตามจังหวะรถแล่นแบบระวังเล็กๆ แถมชี้มือลงไปที่พื้นถนนให้คนขับรถมองตามว่า...... นี่ ทางม้าลายนะยะ หากนายไม่หยุดรอ เกิดชนฉันขึ้นมาละก้อ ผิดเต็มๆ
กว่าจะกลับไปถึงโรงแรมก็ได้เหงื่อซึมๆ เมื่อพบคณะนักเรียนยืนคอยหลังจากลงรถม้าแล้ว จึงพากันเดินไปทางหอนาฬิกา เพื่อหาอาหารเย็นทาน มีการตกแต่งสถานที่จัดงาน จัดเรียงเก้าอี้เป็นแถว และมองเห็นโถใส่น้ำกระเจี๊ยบ น้ำมะตูมและน้ำเก๊กฮวยตั้งบริการ เดินเข้าไปถามว่าขายใช่ไหม ได้รับคำตอบว่า ไม่ขายแต่ให้บริการฟรี
" ดื่มได้ด้วยเหรอคะ "
" ได้ซิคะ เชิญมารับด้านหน้าได้เลย "
ทำสัญญาณบอกสมาชิก…. “ ลุย ”…..
ทุกคน ยกแก้วน้ำดื่มอย่างชื่นใจ
" เชิญร่วมพิธีเปิดงาน สืบสานตำนานล่องสะเปาจาวละกอน กันก่อนนะเจ้า แค่กำเดียว " หญิงสาวสูงวัยชาวเหนือ แต่งกายด้วยผ้านุ่งกรอมเท้างามจ๊าดนัก เดินเข้ามาทักทายเชิญชวนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แถมคะยั้น-คะยอจนรู้สึกเกรงใจ
ไหนๆก็ดื่มน้ำเขาไปแล้ว และเมื่อมองเอกสาร สืบสานตำนาน ล่องสะเปาจาวละกอน ที่ได้รับแจกในมือ จึงอยากเห็นพิธีการและอยากรู้ว่าเป็นงานอะไรกันแน่ กลุ่มของเราจึงพยักหน้าตอบรับ เพราะเหลือเวลาแค่ ๕ นาทีก็จะเริ่มพิธีเปิดแล้ว เดินไปนั่งด้านแถวหน้าแบบให้เกียรติเจ้าของงานเต็มที่เพราะยังว่างปล่าว และต้องการให้ภาพออกมาดูดี เนื่องจากชาวไทยไม่ค่อยจะยอมนั่งด้านหน้ากัน
นายกเทศมนตรีฯ เป็นประธานเปิดงาน ขนาดเขาเดินมาทักทายแขกเหรื่อด้านข้างแบบเฉียดใกล้ พวกเราก็ยังเฉยๆ เพราะไม่รู้จัก แต่หากเขามองมาตรงๆ ก็คงยกมือสวัสดีทักทายตามมารยาท ปรากฏว่าพิธีเปิดล่าช้าไป ๑๕ นาทีเพราะคอยผู้มาร่วมงานเพิ่มขึ้น
อู้กำเมืองล้วนๆทั้งพิธีกรและการบรรยายพิเศษของประธาน ฟังได้รู้เรื่องสักครึ่งหนึ่ง ท่านเน้นอยู่ ๒ เรื่องคือการอนุรักษ์ประเพณีล่องสะเปาจาวละกอน และการส่งเสริมการอ่านฯลฯ หลังพิธีเปิดเดินเข้าไปชม การจำลองเขาหลง หรือเขาวงกต เพื่อเป็นการอนุรักษ์รูปแบบและกิจกรรมทางศาสนา โดยจัดสาธิตประดิษฐ์ โคมลอย ผางประทีป สะเปา ฯลฯ และเชิญชวนไปฟังเทศน์ฯลฯ
ตกแต่งประดับ-ประดาโคมไฟ
เทียนประดิษฐ์
โคมไฟ
สะล้อ-ซอซึง
ท้องร้องเตือนในเวลาใกล้ทุ่มตรง จึงชวนกันไปสั่งอาหารเย็นทานกันที่ตลาดแห่งหนึ่ง อร่อยคุ้มกับราคาทีเดียว
ขอบคุณผู้เข้ามาเยี่ยมชมนะคะ
"เวียงละกอน นครเขลางค์ รถม้าลำปาง นั่งชมแล้วเพลิดเพลินดี ถ้ำงามผาไทก็มี สมแล้วเป็นที่ สวยงามน้ำตกตาดเหมย"
ผมเป็นคนลำปางหนาจากบ้านเกิดมาเมิน.....นอนเดิกกำลังผ่อบอลกะเลยแวะมาผ่อแล้วอดกึดเติงหาบ้าน...ขอบคุณจ๊าดนัก
อาจารย์ธนิตย์คะ
*** โอ้โฮ......สงสัยจะเป็นศิษย์รัก-ศิษย์โปรดเลยละมังจ๊ะ แถมบุญช่วย-กุศลส่งโอกาสให้ได้จับงานระดับชาติ ว๊าว....ไม่ธรรมดาเลยนะนั่น ชื่นชมแอนด์นับถือค่ะ เมื่อคืนลงบันทึก ๒-๓ ฉบับเสร็จต้องรีบทำงานเอเอฟเอส Forward ส่งผ่าน Mailตาม DEADLINE ที่กำหนดฯ หลังจากดองมาได้สัก ๑๐ วัน นักเรียนโทรฯ ชวนให้ไปซื้อกระทงที่เธอผลิตเองขายที่ร้าน บอกไปว่าไม่สะดวกในคืนนี้ เกือบจะพลั้งปากให้ซื้อไปลอยแทนได้ไหม .... ฮา! ขอบคุณนะคะ สุขสันต์วันลอยกระทงค่ะ ***
อ้ายต๋อง ครับ
*** ลำปางเป็นเมืองสงบ คงอนุรักษ์วิถีชีวิตที่เรียบง่าย น่าอยู่นะคะ เคยไปกราบพระธาตุลำปางหลวงและพาเพื่อนชาวต่างชาติไปเที่ยว ๓-๔ ครั้ง ขอบคุณอ้ายต๋องเช่นกันสำหรับ สำนวนนี้ "เวียงละกอน นครเขลางค์ รถม้าลำปาง นั่งชมแล้วเพลิดเพลินดี ถ้ำงามผาไทก็มี สมแล้วเป็นที่ สวยงามน้ำตกตาดเหมย" ขออนุญาตนำขึ้นไปเสริมที่บันทึกนะคะ สุขสันต์วันลอยกระทงค่ะ ***
ありがとうごさいます
ตามมาอ่านเรื่องโรงเรียนมาตรฐานสากล ได้เที่ยวงาน เป็นของแถม