.
.
การศึกษาที่ผ่านมาพบว่า การเก็บวิตามินไว้ในที่ที่ร้อนชื้น ทำให้วิตามินที่ละลายในน้ำ (water-soluble) เสื่อมสภาพได้ เช่น วิตามิน B, C ฯลฯ
.
การใส่ไว้ในภาชนะที่มีฝาชนิดกันอากาศได้ (airtight lids) ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เนื่องจากความชื้นในอากาศเข้าไปได้ทุกครั้งที่เปิดฝา
.
.
ห้องในบ้านที่มีระดับความชื้นสูงมากได้แก่ ห้องน้ำ ครัว, ส่วนห้องที่มีระดับความชื้นต่ำหน่อยได้แก่ ห้องนอนที่มีข้าวของน้อย ห้องที่ติดเครื่องปรับอากาศ ห้องที่ติดพัดลมดูดอากาศหรือมีการระบายอากาศดี ฯลฯ
.
การเลือกวิตามินที่มีขนาดบรรจุ (pack) เล็กหน่อย เก็บไว้ในตู้เย็น หรือห้องปรับอากาศ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง
.
.
วิตามินแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ วิตามินที่ละลายในน้ำมัน (A, D, E, K) และวิตามินที่ละลายในน้ำ (วิตามินที่ไม่ใช่ A, D, E, K)
.
วิตามินที่ละลายในน้ำ เช่น B, C ฯลฯ บอบบางต่อความชื้นและความร้อน
.
.
ส่วนวิตามินที่ละลายในน้ำมัน (A, D, E, K) จำเป็นต้องอาศัยน้ำมันเป็นตัวทำละลาย จึงจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ว่า ทำไมจึงควรวิตามินรวมพร้อมอาหารที่มีไขมัน
.
ตัวอย่างเช่น ถ้าเราดื่มนมไม่มีไขมันเสริมวิตามิน D ระหว่างมื้ออาหาร ฯลฯ, วิตามิน D จะขาดน้ำมันที่จะช่วยพาเข้าไปในกระแสเลือด และดูดซึมเกือบไม่ได้เลย
.
.
ตรงกันข้าม... ถ้าเราดื่มนมไม่มีไขมันเสริมวิตามิน D พร้อมมื้ออาหารที่มีไขมันอยู่บ้าง, วิตามิน D จะละลายในน้ำมัน และดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี
.
การกินวิตามินรวมวันละเม็ดในคนที่กินอาหารแบบมังสวิรัติ (มีโอกาสขาดธาตุเหล็ก และวิตามิน B12 มากกว่าประชากรทั่วไป), คนสูงอายุ, หรือคนที่ได้รับแสงแดดอ่อนน้อยกว่าวันละ 20 นาที (มีโอกาสขาดวิตามิน D เพิ่มขึ้น) น่าจะดีกับสุขภาพ
.
.
คนบางคนได้รับแสงแดดอ่อนมากพอ แต่ธรรมชาติของคนๆ นั้นสังเคราะห์วิตามิน D ได้น้อย น่าจะได้รับประโยชน์จากการกินวิตามินรวมวันละเม็ด ซึ่งถ้าเลือกขวดบรรจุขนาด 100 เม็ด (แบบไม่มีแร่ธาตุ) น่าจะมีราคาไม่เกินเม็ดละ 50-70 สตางค์
.
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
.
.
ภาษาอังกฤษสบายๆ สไตล์เรา
อาจารย์แห่งเว็บไซต์ 'thefreedictionary' กล่าวว่า คำ 'cabin' มาจากภาษาฝรั่งเศส และละตินตามลำดับ, ส่วนคำ 'cabinet' อาจมาจากภาษาอิตาลี (gabinetto) ด้วย
ที่ มา