สุ. มาจากคำว่า สุต แปลว่า ฟัง (รวมทั้งอ่านด้วย)
จิ. มาจากคำว่า จินตนะ แปลว่า คิด
ปุ. มาจากคำว่า ปุจฉา แปลว่า ถาม
ลิ. มาจากคำว่า ลิขิต แปลว่า เขียน
หลักการนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเรียนนักศึกษา ในการเรียนให้เกิดประสิทธิภาพนั้น ต้องอาศัยการฟัง(อ่าน) ฟังแล้วนำมาคิด ถ้าหากไม่เข้าใจก็ต้องถามหรือค้นคว้าหาคำตอบที่ถูกต้อง และท้ายสุดต้องบันทึกไว้เพื่อให้จดจำได้
ที่มา : http://www.hot-ed.co.th/html/img_Learning_toppic/Learning_topic.html
หลักการใช้สุ จิ ปุ ลิ เป็นอะไรที่ยากมาก มีประโยชน์จริงๆ
555+...
มาแสดงความคิดเห็นแล้วเด้อ...
มีสาระนะพี่...อย่าเครียด..อย่าเครียด...
เป็นหลักที่มีมาแต่โบราณ ยังทันสมัยในยุคปัจจุบันและอนาคต
พอดีเลย เดี๋ยวจะเอาไปพูดวันที่สัมมนาทางการศึกษา เปล่าขโมยความคิดนะ ขอยืมคะ อิอิ
สังเกตเลยว่าหัวใจการศึกษาตั้งแต่พุทธกาลลงมา
สุ จิ ปุ ลิ เป็นสิ่งที่เปล่งศักยภาพจากภายในทั้งสิ้น
สุตะ การฟัง เป็นผัสสะรับรู้จากสิ่งภายนอก
จินตะ การจินตนาการ เป็นการทำงานของสมองโดยตรง
ปุจฉา การตั้งคำถาม เป็นการทำงานของสมองเพื่อการเีรียนรู้
ลิขิต การตอบคำถาม เป็นการหาคำตอบจากคำถามซึ่งมาจากภายใน
เป็นการทบทวนความรู้เดิม เตื่อนให้ไม่ลืม "นำมาใช้" อีก
น้องตาค่ะ พี่รออ่านบล็อกที่สองอย่นะ อย่าลืมหละ
เคยได้ยินในละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ว่าโอม... สุ จิ ปุ ลิ อันนี้แปลว่าอะไรค่ะพี่ตา