วิธีเขียนรายงานการวิจัย


การเขียนรายงานการวิจัย

การเขียนรายงานการวิจัย

องค์ประกอบของรายงานวิจัย

1. ความนำหรือบทนำ  จะเป็นการกล่าวถึงความสำคัญของเรื่องที่ทำการวิจัย จุดประสงค์

ปัญหา หรือสมมุติฐาน ขอบเขตของการศึกษา นิยามศัพท์ที่ใช้เฉพาะที่ใช้ และอธิบายถึงวิธีการที่ใช้ในการศึกษาวิจัยอย่างละเอียด และรวมทั้งการศึกษาค้นคว้าของผู้อื่นที่เกี่ยวข้องโดยละเอียด
             2. เนื้อเรื่อง เป็นส่วนที่กล่าวถึงข้อเทจจริง ที่เกี่ยวข้องกับ เนื้อเรื่องโดยตรง นำเสนอผลการศึกษาค้นคว้าทั้งหมด เพื่อพิสูจน์ในภาคนี้อาจจะแบ่งออกเป็นตอน หรือบทเพื่อให้ผู้อ่านเห็นจุดสำคัญของเนื้อความตามลำดับ และต่อเนื่อง มีการแบ่งออกเป็นหัวข้อใหญ่ และข้อย่อย และข้อคิดสนับสนุน
               3. สรุป เป็นการสรุปที่นักวิจัยได้วิเคราะห์ ข้อคิดเห็นที่ได้จากการวิจัย ผู้วิจัยจะต้องเน้นให้เห็นถึงผลที่ได้จากการวิจัยทั้งหมด แต่ต้องทำให้รัดกุม เพื่อเป็นการทบทวนความจำของผู้อ่าน ในการสรุปนั้นควรจะประกอบไปด้วย

3.1 บทสรุปที่เป็นการย่อเนื้อความ
3.2 บทสรุปที่เป็นการวิเคราะห์ในลักษณะรวบยอด หรือเป็นประเด็นสำคัญ
3.3 อภิปรายความเห็นของผู้วิจัย
3.4 ข้อเสนอแนะ ซึ่งแบ่งออกเป็นข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาในเรื่องของวิจัย   

       และข้อเสนอแนะของผู้ที่สนใจในการดำเนินการคนต่อไป

4. บรรณานุกรม คือ รายชื่อหนังสือที่ใช้ในการอ้างอิงในงานวิจัยทั้งหมด
5. ภาคผนวก เป็นส่วนที่รวมของกลุ่มตัวอย่าง แบบสอบถาม วิธีการสัมภาษณ์ เป็นต้น

 

ส่วนประกอบการเขียนรายงานวิจัย ประกอบด้วย

                1. การเขียน/การตั้งชื่อเรื่องงานวิจัย

                2. การเขียนความเป็นมาและความสำคัญของการวิจัย

                3.  การเขียนวัตถุประสงค์ของการวิจัย

                4. การเขียนสมมุติฐานการวิจัย

                5. การเขียนและการระบุตัวแปรในการวิจัย

                6. การเขียนนิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในการวิจัย

                7. การเขียนประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย

                8. การเขียนเอกสารที่เกี่ยวข้อง

                9. การเขียนและการกำหนดประชากร และกลุ่มตัวอย่าง

                                10. การเขียน การสร้างและการหาคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

                11. การเขียนสถิติที่ใช้ในการวิจัย

                12. การเขียนแบบแผนการวิจัย

                13. การเขียนการวิเคราะห์ข้อมูล และ การแปลผล

                14. การเขียนการสรุปผลและอภิปรายผล

                15. การเขียนข้อเสนอแนะ

 

เทคนิคการเขียนรายงานการวิจัย

การเขียนชื่อเรื่องงานวิจัย

การเขียนชื่อเรื่องงานวิจัย  ควรมีความ   กะทัดรัด  มีความชัดเจนในตัวเอง  แสดงให้เห็น

ลักษณะของตัวแปร  กลุ่มตัวอย่าง  และขอบเขตของการวิจัย   ภาษาที่ใช้ต้องเป็นภาษาที่เชื่อถือได้ในวิชาชีพนั้น ๆ เป็นประโยคที่สมบูรณ์  ข้อความ หรือวลีก็ได้

การเขียนความเป็นมาและความสำคัญของการวิจัย

  1. แนวในการเขียนแบ่งเป็น  3  ส่วน  คือ

1.1   เริ่มจากจากสภาพปัจจุบันของสิ่งที่จะวิจัย   

1.2   ปัญหาที่เกิดขึ้นสำหรับสิ่งที่จะวิจัย

1.3   แนวทาง หรือ หลักการที่จะแก้ปัญหานั้น

  1. ตรงประเด็น ชัดเจนและชี้ให้เห็นความสำคัญของการ  ไม่เยิ่นเย้อ  
  2. มีข้อมูลอ้างอิง  มีความน่าเชื่อถือ   การมีข้อมูลอ้างอิงจะทำให้งานวิจัยมีคุณค่า 
  3. มีความต่อเนื่องกัน  ในแต่ละย่อหน้าผู้เขียนต้องเขียนให้ต่อเนื่องกัน  
  4. มีการสรุปเหตุผลที่ผู้วิจัยจะศึกษา  ในส่วนสุดท้ายของความเป็นมาและความสำคัญของการวิจัย  

 

การเขียนวัตถุประสงค์ของการวิจัย              

1.   สอดคล้อง/สัมพันธ์  กับชื่อเรื่องการวิจัย

2.   ระบุอย่างชัดเจนว่าต้องการศึกษาอะไร  กับใคร  ที่ไหน

3.   ถ้าเรื่องที่วิจัยเกี่ยวข้องกับตัวแปรหลาย ๆ ตัว  ควรเขียนแยกเป็นข้อ ๆ

4.   ภาษาที่ใช้ต้องเข้าใจง่าย  และแจ่มชัดในตัวเอง

5.   สามารถเก็บข้อมูลได้ ประเด็นนี้สำคัญมาก เพราะถ้าเขียนแล้ว  ผู้วิจัยไม่รู้ หรือไม่สามารถที่จะเก็บข้อมูลได้  จะทำให้การวิจัยประสบความล้มเหลวได้

การเขียนสมมุติฐานการวิจัย

                การ เขียนสมมุติฐานการวิจัย ควรเขียนหลังจากที่ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยเรียบร้อย  เพราะจะทำให้ผู้วิจัยมีเหตุผลในการกำหนดสมมุติฐาน

                    1.   หลักการกำหนดและทดสอบสมมุติฐาน

    1.1  มีข้อมูลพอเพียงเกี่ยวกับตัวแปร และ ความสัมพันธ์ของตัวแปร  จากเอกสารงาน
            วิจัยที่เกี่ยวข้อง 

1.2      มีการสุ่มกลุ่มตัวอย่าง  

1.3      ผู้วิจัยต้องการจะใช้วิธีการ การทดสอบสมมุติฐาน

                2.   หลักการเขียนสมมุติฐานการวิจัย

                      2.1   งานวิจัยจะมีสมมุติฐานการวิจัย เมื่อวัตถุประสงค์การวิจัยเป็นการเปรียบเทียบ

                             หรือมีลักษณะเป็นการเปรียบเทียบ

      2.2    ต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย

      2.3    สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่รู้กันทั่วไป  หรือ มีทฤษฎี   งานวิจัยรองรับ

      2.4    ถ้ามีข้อมูลสนับสนุนพอเพียง ให้ตั้งสมมุติฐานว่า “สูงกว่า/น้อยกว่า” ในทางตรง
               กันข้าม ถ้ามีข้อมูลสนับสนุนน้อย หรือไม่มีข้อมูลสนับสนุน ให้ตั้งสมมุติฐานว่า 
               “แตกต่างกัน”

      2.5   ใช้คำที่เข้าใจง่าย  ชัดเจน  เป็นข้อความที่คนทั่วไปเข้าใจได้ตรงกัน

 

 

การเขียนตัวแปร

                1.  ตัวแปรต้น หรือตัวแปรอิสระ (Independent  variable)   เป็นตัวแปรที่เป็นเหตุ (Cause)  ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ  ตัวแปรต้นเป็นสิ่งที่ผู้วิจัยกำหนดขึ้น หรือจัดกระทำ  (Treatment)     ตัวแปรต้นจะมีผลต่อตัวแปรตาม    ค่าตัวแปรต้นมีส่วนกำหนดค่าตัวแปรตาม

                2.  ตัวแปรตาม (Dependent variable)  เป็นตัวแปรซึ่งเป็นผลที่เกิดจากตัวแปรต้น  เป็นสิ่งที่ผู้วิจัยต้องการให้เกิดพฤติกรรมนั้น  ๆ    ค่าตัวแปรตาม  ผันแปรตามค่าของตัวแปรต้น  

 

การเขียนนิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในการวิจัย

นิยามศัพท์เฉพาะ (Definitions of specific terms)   เป็นการให้ความหมายของตัวแปร หรือ คำศัพท์  ที่นำมาใช้ในการวิจัย  ให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ระหว่างผู้อ่านงานวิจัยกับผู้วิจัย   คำที่ควรเขียนเป็นนิยามศัพท์เฉพาะ   ควรเป็นตัวแปร หรือคำที่ผู้วิจัยเขียนบ่อยมากในงานวิจัยครั้งนั้น

                1.    หลักการเขียนนิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในการวิจัย

            1.1   ไม่ขัดแย้งกับหลักทฤษฎี  หรือ ข้อเท็จจริงทั่วไป

            1.2   ควรเป็นนิยามที่ผู้วิจัยเขียนขึ้นเอง  โดยศึกษาจากเอกสาร งานวิจัย และทฤษฎี

            1.3   ควรนิยามตามตัวแปรที่จะศึกษา  และ เนื้อหาที่วิจัย

            1.4   มีความชัดเจน  เข้าใจได้ง่าย   และผู้อ่านเข้าใจได้ตรงกัน

            1.5   ควรเป็นนิยามเชิงปฏิบัติการ (ตัวแปรวัดด้วยอะไร  ผลเป็นอะไร)

2.    เทคนิคการกำหนดนิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในการวิจัย

       ในการทำวิจัยแต่ละเรื่อง ผู้วิจัยอาจมีคำเฉพาะที่ใช้ในการวิจัย เนื่องจากคำที่ใช้มีความหมายคลุมเครือหรือแปลความได้หลายความหมาย หรือคำบางคำที่ผู้วิจัยคิดว่าถ้าไม่บอก หรืออธิบายคำ นั้น ๆ  ก่อน  อาจจะทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นต่อผู้อ่านงานวิจัยได้   จึงจำเป็นต้องให้คำจำกัดความไว้  เพื่อให้ผู้อ่านมีความเข้าใจได้ตรงกับผู้วิจัย 

 

การเขียนประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย

1.  เขียนประโยชน์ที่ได้รับโดยตรงมากที่สุด ไปหาประโยชน์น้อยที่สุดจากการวิจัย

2.  เขียนให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และสิ่งที่วิจัย แต่ควรเขียนในลักษณะว่า  เมื่อทราบความแตกต่างแล้ว  จะก่อให้เกิดประโยชน์  ในแง่การเสริมสร้างความรู้ หรือการใช้ผลอย่างไร

3.  ต้องอยู่ในขอบข่ายของวัตถุประสงค์ที่ศึกษาเท่านั้น

 

การเขียนเอกสารที่เกี่ยวข้อง

                1.   สรุปเป็นคำพูดของตนเอง   เขียนในลักษณะของการวิเคราะห์  สังเคราะห์มากกว่าการนำมาเรียงลำดับต่อกัน

                2.   เขียนให้ต่อเนื่องเกี่ยวโยงกันตลอดเนื้อหา   โดยการเขียนต้องให้เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างทฤษฎี  แนวคิด  หลักการ และผลงานวิจัย 

                3. ไม่จำเป็นต้องเขียนเรียงตามปีที่พิมพ์/วิจัย  หรือ เรียงตามชื่อผู้เขียน แต่ควรเรียบเรียงใหม่ตามแนวคิด และตัวแปรที่ศึกษา  โดยระบุความสำคัญ และความสัมพันธ์ของตัวแปรต่าง ๆ       

                4.   ควรจัดจำแนกกลุ่มหรือประเภทเนื้อหาที่นำมาอ้างอิง  จัดให้เป็นหมวดหมู่  

                5.    ทฤษฏี แนวคิด หลักการ และงานวิจัยที่นำมาเขียนหรืออ้างอิง  ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้อง
กับการวิจัยที่ศึกษาโดยตรง  

                6.    ควรมีการสรุปประเด็นหรือหัวเรื่องที่นำเสนอทุกเรื่อง  

                7.    ควรมีการอ้างอิงอย่างถูกต้อง  และชัดเจน    

การเขียนและการกำหนดประชากร และกลุ่มตัวอย่าง

ในการวิจัย  ผู้วิจัยต้องระบุประชากร และกลุ่มตัวอย่าง  ให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้ทราบว่า  งานวิจัยได้ศึกษากับใคร   มีจำนวนเท่าใด  ได้แก่  การกำหนดกลุ่มประชากร   คือ    เป็นใคร  อยู่ที่ไหน  มีจำนวนเท่าใด   การกำหนดกลุ่มกลุ่มตัวอย่าง   คือ เป็นใคร  อยู่ที่ไหน  มีจำนวนเท่าใด  ได้มาอย่างไร

 

การเขียน การสร้างและการหาคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

1.  การเขียนการสร้างเครื่องมือ  ให้ระบุลักษณะของเครื่องมือ จำนวนข้อ  จำนวนตัวเลือก

2.  การหาคุณภาพของเครื่องมือ  ควรอธิบายโดยละเอียดให้เห็นถึงขั้นตอนและกระบวนการสร้างและหาคุณภาพที่น่าเชื่อถือ

 

การเขียนสถิติที่ใช้ในการวิจัย

1.  สถิติบรรยาย  (Descriptive statistics)

      เป็นสถิติที่ใช้ในการสรุปภาพรวมทั้งหมดของการวิจัย โดยนำเสนอในลักษณะบรรยายข้อมูล     ส่วนการนำเสนอข้อมูล  อาจจะเสนอในรูปแบบตาราง  กราฟ  ฯลฯ  สถิติบรรยายที่ใช้ในการวิจัย  ได้แก่  การวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง   เช่น  ค่าเฉลี่ย   ค่ามัธยฐาน  และ    ค่าฐานนิยม   การวัดการกระจาย  เช่น  พิสัย      ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน  และความแปรปรวน 

 

 

2. สถิติอ้างอิง  (Inferential  statistics)

    การวิจัยส่วนใหญ่จะศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งทำการสุ่มมาจากประชากร  ดังนั้นผลการวิจัยที่ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างมีผลเป็นอย่างไร   การศึกษากับประชากรก็จะได้ผลอย่างนั้นด้วย   จึงเรียกว่าเป็นการอ้างอิงไปยังกลุ่มประชากร     สถิติอ้างอิง  ได้แก่ t-test,  ANOVA,  Chi-square      เป็นต้น  

 

หลักการวิเคราะห์ข้อมูล และ การแปลผล

  1. วิเคราะห์ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย

2.    การนำเสนออาจนำเสนอในรูปแบบของตาราง แผนภูมิรูปภาพ  ฯลฯ  ส่วนใหญ่จะ นิยมนำเสนอรูปแบบของตาราง

3.    ควรมีการรวมหลาย ๆ เรื่อง  เพื่อนำเสนอในตาราง/แผนภูมิ/กราฟเดียวกัน  เพราะจะทำให้ไม่สิ้นเปลืองตาราง/แผนภูมิ/กราฟ  

4.    การแปลผลควรนำเสนอต่อกันไปทีละเรื่อง 

5.    การแปลผลต้องอธิบายข้อมูลที่นำมาเสนอเท่านั้น  ไม่ควรแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม  

 

การเขียนการสรุปผล

  1. สรุปผลตามวัตถุประสงค์การวิจัย  โดยแยกตามวัตถุประสงค์
  2. นำผลที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูล มาสรุปอย่างย่อ ๆ
  3. การสรุปอาจเป็นความเรียงต่อ ๆ กันไป หรือ จะสรุปเป็นหัวข้อก็ได้  

 

การเขียนการอภิปรายผล

                การอภิปรายผล  เป็นการกล่าวผลวิจัย และแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม มีหลักการเขียน ดังนี้

  1. อภิปรายผลตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย  โดยแยกตามวัตถุประสงค์

2.   นำเอาผลการวิเคราะห์ข้อมูลมากล่าวถึง  และแสดงความเห็นเพิ่มเติม  พร้อมทั้งระบุให้เห็นว่าผลการวิจัยมีความสัมพันธ์ หรือสอดคล้องไม่สอดคล้อง กับทฤษฎี หลักการ และงานวิจัยใดบ้าง  เพราะอะไร   แสดงเหตุผลประกอบ

หมายเลขบันทึก: 408218เขียนเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2010 22:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 พฤษภาคม 2012 17:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท