เมื่อคืนนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่อากาศสบายๆ ไม่หนาวมากไม่ร้อนมาก ที่บ้านของเราจึงไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศนอนในตอนกลางคืน ผมกับลูกสาวสองคน เล่นกันจน สี่ทุ่มกว่า จึงได้เริ่มบังคับให้ ทั้งสองคนเข้านอนได้แล้ว มิเช่นนั้นจะตื่นสายได้ ลูกสาวคนเล็กอายุ 7 ขวบ เขานอนกับผมที่นอนด้านล่าง สว่นคนโตอายุ 9 ขวบ นอนบนเตียง แต่พอปิดไฟ แล้วคนโตอยากลงมานอนข้างล่างด้วยคน เราทั้งสองคนไม่ยอม (ผมกับลูกคนเล็ก) เลยย้ายตัวเองขึ้นไปนอนบนเตียง แต่เจ้าคนโตตัวร้ายก็ยังตามมาแกล้งอีก ในที่สุดก็เลยตกลงว่านอนข้างล่างกันหมด ลูกสาวคนโตบอกว่าจะแกล้งพ่อให้นอนไม่สบายโดยการขอนอนหนุนแขน ผมบอกว่าไม่ได้ แต่แกก็ชอบใจว่าจะแกล้งเพราะชดเชยที่เมื่อวาน ผมตีเขาที่ดื้อตอนเช้าช่วงตื่นนอน เขาเจ็บ ก็เลยบอกว่าวันนี้พ่อต้องชดเชยนะ ผมก็ยอม แบบมีความสุขนะ เพราะเด็กวัยนี้เขาเริ่มแยกตัวห่างจากเราแล้ว ไม่เหมือนสมัยตัวเล็กๆ ที่จะกอดจะหอมอย่างไรก็ไม่ว่า พอหลับไปได้สักระยะหนึ่งตอนประมาณตีสอง ลมหนาวเริ่มพัดเข้าห้องมามากขึ้นผมจึงห่มผ้าให้ลูกสองคนมากขึ้น คนโตงัวเงียลุกขึ้นแล้วหลับฟุบลงไป ผมจับมือแกแน่นๆ แล้วลูบผมเขาเบาๆ เขาก็จับมือเราแน่นตอบ คนเล็กก็ซุกมาที่แขนอีกข้างหนึ่ง ผมก็ลูบศรีษะเขา เสียงกัดฟันกรอดๆๆ ดังมาจากลูกสาวตัวเล็ก ผมมีความสุขมากที่วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมได้ดูแลเขาสองคนทั้งยามหลับยามตื่น โดยที่ครั้งนี้พิเศษตรงที่คนโต มานอนจับมือแน่นเลย ทำให้คิดถึงตอนเขาตัวเล็กๆมากๆ เวลานอนทุกครั้งจะต้องให้พ่อจับมือนอนหลับ ตลอดเวลา พอเวลาเปลี่ยน เขาโตขึ้น เวลานอนก็ห้ามกอดห้ามกวนใจ แต่สำหรับคืนนี้ลูกสาวผมทั้งสองคน ย้อนกลับไปเหมือนตอนเด็กๆเล็กๆอีกครั้ง ทั้งๆที่เราอยู่กับเขาตลอด เเต่เวลามันช่างเร็วเหลือเกิน ผมยังไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เขาจะมาออดอ้อน เหมือนเมื่อวานหรือเปล่า แต่สำหรับผมในคืนนี้ผมอยากจะบันทึกความรู้สึกนี้ไว้ให้ ท่านที่ห่างจากการดูแลครอบครัว ลองกลับไปหาเวลาดูแลลูกๆของท่านกันเถอะ เพราะเขาโตเร็วเหลือเกิน อีกไม่นานเขาก็จะห่างเราไปเรื่อยๆ ตามวัฏจักรของชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สำหรับผมขอฝากให้ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็แล้วกันครับ
ไม่มีความเห็น