ชุมชนเป็นเสมือนพื้นที่แสดงผลลัพธ์ของระบบต่างๆ ในสังคมว่าทำงานได้ดีเพียงไร ก็ดูได้จากชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในชุมชนซึ่งนับวันจะได้รับการตอบสนองจาก อปท. มากกว่าระบบราชการส่วนกลางที่รวมศูนย์และยึดมั่นในกฎระเบียบแบบตายตัว มากกว่าเหตุผลความถูกต้อง ตัวอย่างเช่น รมว.ท่านหนึ่งยืนยันว่า ตามระเบียบของกระทรวงท่าน แม้ผู้ตายจะเป็นคนก่อเหตุระเบิดให้เกิดความเสียหายรุนแรงจนมีคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ตาย ก็ยังจะได้รับเงินชดเชย แปลง่ายๆ ว่าถ้าไม่ให้ ก็ผิดระเบียบ ไม่ทราบ think tank ของพรรคที่ท่านสังกัดจะคิดอย่างไรนะ แต่ประสาประชาชนคนธรรมดา ตอนที่เราได้ยินท่าน (ออก TV) บอกอย่างนี้ เราคนหนึ่งล่ะที่ไม่อยากเสียภาษี ณ บัดเดี๋ยวนั้นเลย เพราะเท่ากับเราจ่ายเงินภาษีเพื่อสนับสนุนการก่อการร้าย ให้คนร้ายปฏิบัติการได้อย่าง happy ไม่ต้องห่วงครอบครัวล่ะสิ
มีผู้นำชุมชนท่านหนึ่งบอก “ชุมชนจะเข้มแข็งถ้าราชการอ่อนแอ ถ้าราชการเข้มแข็งชุมชนก็อ่อนแอ” สะท้อนนัยยะว่าชาวบ้านมองระบบราชการอย่างไร ที่ว่ามานี้ไม่ใช่นินทาเอามัน แต่เพื่อสื่อว่า ระบบราชการมีข้อจำกัดที่ต้องทำตามระเบียบโดยเฉพาะระเบียบการเงินซึ่งจะว่าไป อปท.ก็อยู่ในสภาพเดียวกันแต่อาจคล่องตัวกว่าหน่อย ความร่วมมือจากภาคเอกชนไม่ว่าเป็นแบบบุคคลหรือองค์กรจะช่วยเสริมจุดอ่อนตรงนี้ได้ ช่วยให้กลไกในระดับพื้นที่หรือชุมชนทำงานได้มีประสิทธิภาพ ตรงทิศ และบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น ส่วนงบภาครัฐก็ไว้ใช้ตามขั้นตอนตามระเบียบไป พยายามเชื่อมโยงเป็นกรอบแนวคิดกลไกเชิงโครงสร้างในระดับชุมชนดังภาพข้างล่าง(http://gotoknow.org/file/phenkhael/view/640680) ขอย้ำว่าเป็นตัวร่างเท่านั้นเองอาจประกอบด้วย แนวคิดปรัชญา โครงสร้างและบทบาทคณะกรรมการบริหารโรงเรียนดีที่ชุมชน กองทุน และงบประมาณภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
โครงสร้างที่จำเป็นเพื่อการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาลคือ คณะกรรมการบริหารโรงเรียนดีที่ชุมชน ซึ่งมีบทบาทหลักๆ คือ กำหนดเป้าหมาย/ยุทธศาสตร์/แผนงาน/บริหารจัดการ/และกำกับให้เป็นไปตามแผนงาน บริหารงบกองทุนโรงเรียนดีที่ชุมชน และรายงานผลการดำเนินงานต่อชุมชน/ผู้บริจาค/และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
องค์ประกอบคณะกรรมการฯ มาจากทุกภาคส่วนในชุมชนเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมเช่น ตัวแทน ร.ร. (ครู 2 คน, ร้านค้าใน ร.ร.1 คน) ตัวแทนชุมชน (ผู้ใหญ่บ้าน1 คน, ร้านค้าใกล้ ร.ร.1 คน) ตัวแทนผู้ปกครองเด็ก (ชั้นอนุบาล-ป.3, 1 คนและ ป.4-6, 1 คน) ตัวแทน อบต./เทศบาล 1 คน และตัวแทน สอ./รพ.สต. 1 คน
สำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการคือ โรงเรียน
แม้ภารกิจหลักของโรงเรียนคือ การจัดการเรียนการสอนซึ่งจะดำเนินไปได้ด้วยดีต้องมีระบบสนับสนุนเช่น โครงสร้างพื้นฐาน สุขภาวะ/ความเป็นอยู่ สุขภาพ/พัฒนาการเด็ก การโภชนาการเด็ก ห้องสมุด/สื่อโสตฯ/IT ทุนการศึกษา
แหล่งงบประมาณภาครัฐได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ อปท. และมีงบประมาณส่วนหนึ่งจาก สปสช. หรือ อปท. ผ่านกองทุนสุขภาพตำบล และการจัดบริการโดยหน่วยบริการปฐมภูมิเช่น สอ./ PCU/ รพ.สต.
ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากระบบการศึกษาที่พัฒนาคือ เด็กมีสติปัญญา ความฉลาดทางอารมณ์ และคุณธรรมด้วย สำหรับบุคคล/องค์กรที่บริจาคนอกจากจะมีความภาคภูมิใจที่ร่วมกันช่วยเหลือสังคมแล้ว ยังสามารถนำใบเสร็จไปหักลดหย่อนภาษีตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร ปกติได้หนึ่ง ดูรายชื่อในกรณีขอลดหย่อนสองเท่าได้ที่ http://gotoknow.org/file/phenkhael/1for2school200853.xls
ขอเชิญชวนช่วยกันเสนอความเห็นว่า จะทำให้เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ในฐานะปัจเจก ที่ไม่ปล่อยให้เป็นภาระภาครัฐฝ่ายเดียว
เพ็ญแข ลาภยิ่ง
4 พ.ย. 2553
บันทึกต่อไป: หาพื้นที่ให้เกิด “ดี” ที่ชุมชน
เป็นการสร้างสังคมจากฐานรากครับหมอ
ขอบคุณที่ให้ความรู้