เครื่องถ่ายเอกสารมีที่มาอย่างไร? 1


เครื่องถ่ายเอกสารมีที่มาอย่างไร? 1

"ครั้งหนึ่งยังมีจอมยุทธหนุ่ม ออกเดินทางเพื่อตามหายอดวรยุทธไร้เทียมทาน แต่กลับพลัดตกลงไปในหุบเหวลึก โชคดีจอมยุทธหนุ่มรอดตายและได้พบทางเข้าถ้ำสุสานโบราณโดยบังเอิญ ในนั้นมีคัมภีร์ยุทธที่ว่ากันว่าหายสาบสูญไปหลายร้อยปีวางอยู่ "คัมภีร์ไร้อักษร" จอมยุทธหนุ่มอ่านชื่อคัมภีร์ แต่เมื่อเปิดอ่านในคัมภีร์กลับไม่มีตัวอักษรอยู่แม้แต่ตัวเดียว จอมยุทธหนุ่มนำคัมภีร์กลับไปยังบ้านเกิด พยายามพรมน้ำที่กระดาษ นำไปอังไฟ เผื่อจะมีตัวอักษรปรากฏขึ้น แต่ก็หามีไม่ หลังจากพยายามอยู่ 3 วัน 3 คืน ก็ท้อใจ จอมยุทธหนุ่มแอบนึกแช่งปรมาจารย์ผู้บัญญัติคัมภีร์นี้และเผลอหลับไป กลางดึกคืนนั้น คืนที่พระจันทร์เต็มดวง จอมยุทธหนุ่มตื่นขึ้นเห็นคัมภีร์มีแสงเรืองรองน่าอัศจรรย์ใจ เมื่อเปิดดูพบว่าคัมภีร์มีตัวอักษรปรากฏขึ้นเต็มทุกหน้า แท้จริงแล้วคัมภีร์ไร้อักษรถูกเขียนขึ้นด้วยหมึกจันทราซึ่งจะปรากฏให้เห็นในคืนพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น จอมยุทธหนุ่มพลิกอ่านได้ไม่นานก็พบว่า วิชาในคัมภีร์นี้ช่างล้ำลึกยิ่งนัก วิชาแบ่งเป็น 7 ขั้น แต่ละขั้นแปรเปลี่ยนได้ 36 ท่า เพียงท่าเดียวก็ลึกซึ้งจนยากจะฝึกได้ในวันเดียว ถ้า 1 เดือน คัมภีร์ปรากฏตัวอักษรแค่วันเดียว ฝึกได้ครั้งละท่า กว่าจะบรรลุขั้นสุดยอดคงจะแก่ตายก่อนเป็นแน่แท้  จอมยุทธหนุ่มจึงตัดสินใจ หยิบพู่กันคัดตัวอักษรในคัมภีร์ทั้งหมดเพื่อเก็บไว้ฝึกในภายหลัง นั่งคัดอยู่หลายชั่วยามจนดวงอาทิตย์ส่องแสง ตัวอักษรในคัมภีร์เลือนหายไป ในที่สุดจอมยุทธหนุ่มเขียนได้คัมภีร์ไร้อักษรไปครอบครอง แต่ด้วยความรีบเร่งในการเขียนทำให้ตัวอักษรบางตัวตกหล่นไป บางตัวก็ผิดเพี้ยน โดยที่จอมยุทธหนุ่มหารู้ไม่ เมื่อจอมยุทธหนุ่มนำไปฝึกวิชา จึงทำให้ธาตุไฟแตกกระจาย ทรมานแสนสาหัส จอมยุทธหนุ่มได้วรยุทธแต่เสียสติเที่ยวออกอาละวาดฆ่าคน ส่วนคัมภีร์ฉบับคัดลอกก็ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ใครฝึกเป็นต้องเสียสติจนได้ชื่อว่าคัมภีร์มารไป"

 

            เหตุการณ์ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างให้คนที่อาจจะจินตนาการไม่ออกว่า โลกที่ไม่มีเครื่องถ่ายเอกสารจะลำบากแค่ไหน? ถ้าการคัดลอกเอกสารต่างๆ ต้องทำด้วยมือ สำนักงานต่างๆ คงเสียเวลาเพิ่มขึ้นมากมายในการจัดการกับเอกสาร นิสิตนักศึกษาหลายคนอาจเรียนไม่จบหากขาดอุปกรณ์ชิ้นนี้ แทบทุกคนเคยใช้ประโยชน์จากเครื่องถ่ายเอกสารแต่น้อยคนนักที่รู้ว่าเครื่องถ่ายเอกสารมีที่มาที่ไปอย่างไร? และทำงานอย่างไร?

              เชสเตอร์ คาร์ลสัน (Chester Carlson) นักเคมีและนักฟิสิกส์ ทำงานเป็นทนายความสิทธิบัตร (patent attorney) ที่บริษัท P. R. Mallory and Co Inc. ในช่วงทีทำงานอยู่นั้นคาร์ลสันเห็นว่าใบแบบฟอร์มรายละเอียดสิทธิบัตรมักจะหมดอยู่เสมอ ทำให้ต้องเสียเวลาพิมพ์ใหม่ คาร์ลสันคิดว่าหากมีเครื่องมือที่จะทำสำเนาเอกสารจำนวนมากได้คงจะเป็นประโยชน์ต่อสำนักงานมากแน่ๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ลงมือค้นคว้าอยู่หลายเดือน คาร์ลสันได้เรียนรู้ถึงวัสดุนำแสง (photoconductive material) ซึ่งเมื่อฉายแสงไปบนวัสดุนี้จะทำให้มีประจุไฟฟ้าเกิดขึ้น เค้าตั้งใจจะประยุกต์หลักการนี้ไปใช้สร้างเครื่องทำสำเนา

            คาร์ลสันได้รับความช่วยเหลือจากอ๊อตโต คอร์นี (Otto Kornei) ในการเตรียมแผ่นสังกะสีที่เคลือบผิวด้วยกำมะถันเพื่อใช้เป็นวัสดุนำแสง ส่วนต้นฉบับที่ใช้ในการทดลองคัดลอกคือสไลด์แก้วสำหรับกล้องจุลทรรศน์ ที่มีข้อความเขียนว่า "10-22-38 ASTORIA" ม่านของห้องปิดลงเพื่อป้องกันแสงไม่ให้ส่องไปยังแผ่นสังกะสีเคลือบกำมะถัน และการทดลองเริ่มขึ้น
            ทั้งคู่ใช้ผ้าเช็ดหน้าถูๆ ๆ ผิวกำมะถัน อย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกิดประจุบวกบนผิวกำมะถัน จากนั้นนำแผ่นสไลด์ต้นฉบับมาประกบ แล้วใช้โคมไฟมาส่องผ่านแผ่นสไลด์สักครู่ ตามหลักการแล้วเมื่อแสงกระทบผิวกำมะถันจะทำให้เกิดประจุลบซึ่งจะหักล้างกับประจุบวกที่มีอยู่ก่อน แต่อักษรบนสไลด์จะบังแสงไว้ทำให้ผิวกำมะถันที่อยู่ใต้ตัวอักษรไม่โดนแสง ประจุบวกน่าจะเหลืออยู่ ขั้นตอนต่อไปคือใส่ผงหมึก ซึ่งในตอนนั้นคาร์ลสันใช้ผงไลโคโปเดียม (lycopodium powder) มีลักษณะเป็นผงสีน้ำตาลได้จากสปอร์ของพืชในตระกูลไลโคโปเดียม เมื่อแยกสไลด์ต้นฉบับออกแล้วเป่าผงไลโคโปเดียมลงบนแผ่นสังกะสี หลังจากปัดผงส่วนเกินออกสิ่งที่เหลืออยู่บนนั้นคือ ตัวอักษรที่เกือบเหมือนกับต้นฉบับ

 

 

            คาร์ลสันและอ๊อตโตทดลองซ้ำอีกหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝันไป เมื่อแน่ใจแล้วจึงนำกระดาษไขมาทาบลงบนแผ่นสังกะสีและให้ความร้อน ไขจากกระดาษละลายและดูดเอาหมึกจากแผ่นสังกะสีให้ติดอยู่บนแผ่นกระดาษ ในที่สุด เป็นอันว่าสำเนาซีร็อกซ์แผ่นแรกได้ถือกำเนิดขึ้น ในวันที่ 22 ตุลาคม 2481 หรือวันนี้เมื่อ 72 ปีที่แล้ว หลังจากนั้นคาร์ลสันได้จดสิทธิบัตรเทคนิคนี้เอาไว้ อย่างไรก็ตามแม้จะประสบความสำเร็จในหลักการ แต่เมื่อนำไปเสนอกับบริษัทต่างๆ กลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย เครื่องถ่ายเอกสารจึงยังไม่มีการผลิตในเชิงพาณิชย์ จนอีกหลายปีต่อมา

 

 



สำเนาเอกสารแผ่นแรกของโลก ได้จากกระบวนการ
Xerography (xero = แห้ง, graphy = เขียน)
หรื่อที่เรียกกันอย่างติดปากว่า ซีร็อกซ์ (Xerox)
เครื่องถ่ายเอกสารเครื่องแรกสร้างโดยเชสเตอร์ คาร์ลสัน
แม้จะทำงานได้ไม่ดีนัก แต่ก็เป็นพื้นฐานทำให้สามารถ
สร้างเครื่องซีร็อกซ์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

 

 

 

            หลังจากนั้น 5 ปี  สถาบัน Battelle Memorial Institute ตกลงเซ็นสัญญาร่วมพัฒนาเครื่องถ่ายเอกสาร คาร์ลสันจึงสามารถสร้างเครื่องถ่ายเอกสารเครื่องแรกได้สำเร็จแม้จะยังทำงานไม่ดีนัก และในปี 2489 สถาบัน Battelle ได้มอบสิทธิในการพัฒนาเครื่องถ่ายเอกสารให้กับบริษัทฮาลอยด์ (Haloid) บริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่ผลิตกระดาษอัดรูปถ่าย บริษัทฮาลอยด์ใช้เวลาพัฒนาเครื่องถ่ายเอกสารจนถึงปี 2502 ในที่สุดก็สามารถวางขายเครื่องถ่ายเอกสารสำหรับสำนักงานได้ ซึ่งก็ได้รับความนิยมและทำกำไรได้มหาศาล จนบริษัทเล็กๆ ขยายกิจการขึ้นและเปลี่ยนชื่อจาก ฮาลอยด์ เป็น ซีร็อกซ์ (xerox) ในเวลาต่อมา


เครื่องซีร็อกซ์รุ่น 914  รุ่นแรกที่ออกวางจำหน่าย
แม้จะยังไม่ได้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่ก็ช่วยบุกเบิก
ตลาดของเครื่องถ่ายเอกสาร ทำให้สำนักงานต่างๆ
รู้จักเครื่องถ่ายเอกสารของซีร็อกซ์


ที่มา www.vcharkarn.com

หมายเลขบันทึก: 406101เขียนเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2010 16:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 18:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท