อินเดีย หรือ สาธารณรัฐอินเดีย เป็น อนุทวีปที่มี ประชากรมากเป็นอันดับที่สองของโลก และเป็นประเทศ ประชาธิปไตย ที่มีประชากรมากที่สุดในโลก โดยมีประชากรมากกว่าหนึ่งพันล้านคน มีภาษาพูดแปดร้อยภาษา ด้านเศรษฐกิจ อินเดียมีอำนาจการซื้อมากเป็นอันดับที่สี่ของโลก อาณาเขตทางทิศเหนือติดกับจีน เนปาล และภูฏาน ทางตะวันตกเฉียงเหนือติดกับปากีสถาน ทางตะวันออกเฉียงเหนือติดพม่า ทางตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงใต้จรด มหาสมุทรอินเดีย ทางตะวันออกติดบังกลาเทศ และมีพื้นที่ 3,287,590 ตารางกิโลเมตร
ปี ๒๕๑๙-๒๕๒๑ การเดินทางไปยังอินเดีย จากกรุงเทพ-กัลกัตต้า-คยา-พุทธคยา
กว่าจะถึงพุทธคยาต้องไปกัลกัตต้า ต่อรถไฟค้างคืนบนรถอีกคืนหนึ่งก่อนถึงคยา นั่งรถตุ๊กๆต่อไปพุทธคยาอีก ... เหมือนไปบ้านนอก แต่ทำไมไปลำบากลำบนอย่างนี้ แล้วต้องไปอยู่กลางทุ่งกลางนาอีกสองปี คิดดูว่าเด็กกำลังวัยรุ่นอายุยี่สิบต้องไปอยู่สิ่งแวดล้อมสำหรับคนสูงวัย ต้องโดนควบคุม ไม่ให้คลาดสายตา ไปไหนก็มีการรายงานความเคลื่อนไหว ไม่ผิดก็ยังรายงานเป็นผิด ..เอาเข้าไปชีวิตข้า(น้อย) แต่ความดื้อรั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็ดิ้นๆๆๆๆ จนผันตัวเองไปอยู่หอพักหญิงจนได้..แล้วก็อาศัยกลไกทางสังคม คบเพื่อนซี้อีกคนไว้เป็นหูเป็นตา จากที่มีสองตา ก็เพิ่มเป็นสี่ตา สองหูก็เพิ่มเป็นสี่หู..ป้องกันไม่ให้ใครนินทา คอยสอดส่องไม่ให้ใครมาวอแวตัวเองได้ แต่วันเวลาก็ต้องแยกจากกัน เมื่อเราต้องเดินทางกลับก่อน เพื่อนก็เลยได้รับการดูแลต่อจากสามีคนปัจจุบัน..อิอิ ดร.จารุวรรณ เจริญลา ต้องอยู่อินเดียต่อจากเราอีกห้าปี เพื่อเรียนให้จบดร.ตามที่ฝันไว้(เขาตั้งเป้า)ไว้สูงใช้ได้ทีเดียว...แต่เขาก็ทำได้ทั้งสามี ภรรยา ดร.ธีรยุทธ พึ่งเธียร ปัจจุบันรองอธิการฯมจร.ฝ่ายกิจการนักศึกษา
ไปอินเดียครั้งที่สอง
เมื่อกลับจากอินเดียมาแล้ว ได้งานทำชั่วคราว จากนั้นอีกสามเดือนต่อมาก็ได้งานเป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยคณาสวัสดิ์ ก่อนไปปฏิบัติหน้าที่ก็ได้เดินทางไปอินเดียอีกครั้งหนึ่งนับเป็นการเดินทางไปเป็นครั้งที่สอง เพราะหลวงอาให้เดินทางไปเป็นเพื่อนกับคุณแม่ของท่านซึ่งเป็นญาติสายตรงกับเรา ไปครั้งนี้ไม่มีอะไรใหม่..เมื่อกลับมาปุ๊บ วันรุ่งขึ้นก็เดินทางไปทำงานที่มหาสารคามเลย
ไปอินเดียครั้งที่สาม ปี ๒๕๒๓
เป็นการไปเป็นเพื่อนอาจารย์ยุวดี ตปนียากร เพื่อไปร่วมสัมมนาเอเชียศึกษาที่นิวเดลลี เนื่องจากช่วงนั้นยังไม่ค่อยมีใครชำนาญอินเดีย ก็เลยได้ไปด้วย และยังมีการแถมพาไปเที่ยวถึงดาร์จิลลิ่งด้วย..แต่อาจารย์ยุวดี คงไม่ประทับใจอินเดียนัก เพราะหากไปเที่ยวอย่างเดียว โดยไม่เคยอยู่จะไม่ได้ไอเดียอะไร นอกจากความรู้สึกว่า "ชอบ" กับ"ไม่ชอบ"เท่าน้้น และหลังจากนั้นก็ไม่เคยได้ข่าวว่าพี่เขาไปอินเดียอีกเลย นอกจากไปยุโรป แต่ที่แน่ๆข่าวว่าไปวัดบ่อยมาก..
อินเดียครั้งที่สี่ ปี เมษายน ๒๕๔๗
เป็นช่วงที่ทำงานอยู่บริษัทพรูเด็นเชียล ดร.ธีรยุทธ พึ่งเธียร เกลอเก่าก็มาชวนไปอินเดีย ด้วยประเด็นที่น่าสนใจคือ ทริปนี้ไปสิกขิมด้วย ก็ตกลงไปทันทีแถมราคาก็ถูกเพียงสองหมื่นหกพันบาท เลยชวนลูกสาวและลูกชายไปด้วย ทริปนี้ยาวมาก แวะนาลันทา แต่อากาศร้อนมากจนเราไม่สามารถลงไปเดินชมมหาวิทยาลัยนาลันทาได้เพราะอุณหภูมิ ๔๐กว่าองศา
อินเดียครั้งที่ห้าเดือนเมษายน ๒๕๔๗ - เอาบัตรเอทีเอ็มไปให้ลูก ไปคนเดียวบินไปลงกัลกัตต้า บินต่อไป นิวไจไปกูรี่ นั่งจิ้ปต่อขึ้นดาร์จิลลิงค์
อินเดียครั้งที่หก เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ -
ไปกับปทุมทัวร์ กลุ่มของแม่มณีจันทร์ เลิศหิรัญปัญญา สังเวชนียสถานทั้งสี่แห่ง อยากไปพาราณสี สารนาถเพราะตั้งแต่ปี ๒๕๒๑ ไม่ได้ไปสารนาถแม้ว่าจะไปอินเดียหลายครั้ง มาครั้งนี้จึงอยากไปเยือนอีกสักครั้ง
เที่ยวนี้แวะนาลันทา และไวสาลีด้วย คราวที่แล้วไม่ได้แวะ ผ่านเลย ก็เป็นแรงบันดาลใจเพราะคิดถึงวัดไทยนาลันทา เมื่อครั้งที่มาเรียนมาเที่ยวบ่อยทุกเดือน แต่ก็ยังไม่ได้ไปไหว้พระองค์ดำ เหมือนจะรอให้เรากลับมาให้ได้ นาลันทาเปลี่ยนไปเยอะ
อินเดียครั้งที่เจ็ด เดือนมกราคม ๒๕๕๓
ไม่มีความเห็น