เทคโนโลยี


การบริหารการศึกษา

1. เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารการศึกษา (MIS)

พรบ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 กำหนดให้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
              พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 หมวด 9 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ในมาตรา 63-69 ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาว่า  ได้ กำหนดบทบาทหน้าที่ของรัฐเกี่ยวกับการจัดการด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา โดยกำหนดขอบเขตครอบคลุมไปถึงการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาบุคลากร การวิจัย การจัดตั้งกองทุนและหน่วยงานกลางเพื่อวางนโยบายและบริหารงานเกี่ยวกับ เทคโนโลยีการศึกษา 
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545–2549) กับเทคโนโลยี

          ได้ กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาความเข้มแข็งทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4 ด้านดังนี้
           1) การประยุกต์ใช้และการพัฒนา เทคโนโลยี
           2) การพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
           3) การยกระดับการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร
           4) การบริหารการพัฒนาด้านวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยีที่มุ่งประสิทธิผล
กรอบนโยบาย เทคโนโลยีสารสนเทศระยะ พ.ศ. 2544-2553 ของประเทศไทย
          
กรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศระยะ พ.ศ. 2544-2553 ของประเทศไทยได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ไว้ 5 ด้าน คือ ด้านการบริหารงานของรัฐบาล (E-GOVERNMENT) ด้านการพานิชยกรรม (E-COMMERCE) ด้านการอุตาสาหกรรม (E-INDUSTRY) ด้านการศึกษา (E-EDUCATION) และด้านสังคม( E-SOCIETY)
         โดยได้กำหนดเป้าหมายและยุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อการพัฒนาด้านการศึกษา  
      (E-Education) ดังนี้
    เป้าหมาย  พัฒนาและเตรียมความพร้อมด้านทรัพยากรมนุษย์ในทุกระดับ ของประเทศ เพื่อรองรับการ 
                     พัฒนาสู่การเป็นสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้
    ยุทธศาสตร์การพัฒนา
             1.พัฒนากลไกการบริหารนโยบายและการบริหารจัดการเทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อการศึกษา ที่มีประสิทธิภาพ
             2.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศเพื่อการศึกษา ให้เกิดการเข้าถึงอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
             3.สนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในทุกระดับ
             4.เร่งพัฒนาและจัดหาความรู้ (Knowledge) และสาระทางการศึกษา(Content) ที่มีคุณภาพและมีความ เหมาะสม
             5.ลดความ เหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสารสนเทศและความรู้

แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารเพื่อการศึกษาของ ศธ. (พ.ศ. 2547 – 2549)
          ได้กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อให้บรรลุ ซึ่งวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร อย่างเป็นรูปธรรมภายใต้เงื่อนไขที่เป็นจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภัยคุกคามของ การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2547– 2549 ไว้ 4 ยุทธศาสตร์ ดังนี้
                1. ยุทธศาสตร์ที่ 1 การใช้ ICT เพื่อ พัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน

                ส่งเสริม สนับสนุน ให้ผู้เรียนใช้ประโยชน์จาก ICT เพื่อการเรียนรู้จากแหล่งและ วิธีการที่หลากหลาย โดยจัดให้มีการพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พัฒนาผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษา พัฒนาหลักสูตรให้เอื้อต่อการประยุกต์ใช้ ICT เพื่อการจัดการเรียนการสอน เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนทางไกล จัดให้มีการศูนย์ข้อมูลสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Courseware center) ให้ มีการเรียนการสอนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning) จัดทำ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e - Book) จัดให้มีห้องสมุด อิเล็กทรอนิกส์ (e-Library) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต (Lifelong Learning) นำ ไปสู่สังคมแห่งคุณธรรมและสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้
              2 .ยุทธศาสตร์ ที่ 2 การใช้ ICT พัฒนาการ บริหารจัดการและให้บริการทางการศึกษา

               พัฒนาระบบงานคอมพิวเตอร์ ระบบฐานข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการ และพัฒนา
บุคลากร ทุกระดับที่เกี่ยวข้อง โดยความร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาที่มีความพร้อมและเอกชน สร้างศูนย์ปฏิบัติการสารสนเทศ (Operation center) เชื่อมโยง แลกเปลี่ยนข้อมูลระดับชาติและระดับกระทรวง รวมทั้งส่งเสริมการใช้ ICT เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และให้บริการทางการศึกษา ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สอดคล้องกับการปฏิรูประบบราชการ
             3 .ยุทธศาสตร์ที่ 3 การผลิตและพัฒนาบุคลากรด้าน ICT
               ผลิตและพัฒนาบุคลากร เพื่อรองรับความต้องการกำลังคนด้าน ICT โดยจัดให้มีการพัฒนา หลักสูตร ICT ในทุกระดับการศึกษา พัฒนาผู้สอนและนักวิจัย ส่งเสริมการวิจัย และนำผล การวิจัยไปประยุกต์ใช้ รวมทั้งประสานความร่วมมือกับองค์กรของรัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ในการพัฒนาบุคลากรด้าน ICT เพื่อการพัฒนาการศึกษาและ อุตสาหกรรม
            4. ยุทธศาสตร์ที่ 4 การกระจายโครงสร้างพื้นฐาน ICT เพื่อการศึกษา

               จัดให้มีและกระจายโครงสร้างพื้นฐาน ICT อย่างทั่วถึง มุ่งเน้นการจัดหาและใช้ทรัพยากรทางด้านเครือข่ายร่วมกัน จัดหาระบบคอมพิวเตอร์ และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน ชุมชน และท้องถิ่น เตรียมบุคลากรปฏิบัติงานด้าน ICT ให้เพียงพอ รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่ม และการซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์ ICT ที่มีอยู่ให้มี ประสิทธิภาพในการใช้ปฏิบัติงาน
      

     สาระ สำคัญที่กล่าวมาข้างต้นเป็นนโยบายและแผนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อการศึกษา อันเป็นตัวกำหนดแนวทางในการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาโดย ใช้เทคโนโลยีให้บังเกิดผลตามเจตนารมย์ของการปฏิรูปการศึกษาต่อไป

                ใน ส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น ได้ กำหนดแผนแม่บทในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา ที่ตอบสนองแผนระดับชาติและระดับกระทรวง โดยกำหนดยุทธศาสตร์และเป้าหมาย โดยกำหนดยุทธศาสตร์ 4 ด้าน คือ
                1. ยุทธศาสตร์ที่ 1 จัดหาระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย
                2. ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาและสรรหาบุคลากรด้าน ICT
                3. ยุทธศาสตร์ที่ 3 การประยุกต์ใช้ ICT เพื่อพัฒนาการเรียนรู้
                4. ยุทธศาสตร์ที่ 4 การประยุกต์ใช้ ICT เพื่อการบริหารจัดการ
                ใน ยุทธศาสตร์ที่ 4 การประยุกต์ใช้ ICT เพื่อการบริหารจัดการนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้จัดให้มีศูนย์ปฏิบัติการด้าน เทคโนโลยีและการสื่อสาร (ICT Operrating Center) ทุกระดับ ให้มีการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภายนอกและหน่วยงานภาย ใน รวมทั้งส่งเสริมการใช้ ICTเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการ บริหารจัดการและให้บริการทางการศึกษา ให้สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐบาล (E-Government)และ ด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ( E- Education) โดยมีเป้าหมาย ดังนี้     
        1.   มี ระบบฐานข้อมูลสำหรับการบริหารจัดการที่เป็นมาตรฐานเดียวกันและสอดรับกับ ทุกระดับ
        2.   หน่วย งานทุกระดับมีคลังข้อมูล(Data Warehouse) เพื่อการตัดสินใจ
        3.   มีการ แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยผ่านระบบเครือข่าย
        4.    มี ศูนย์ปฏิบัติการด้านICT ระดับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐานและสำนักงานเขตฯ       
        5.    มี ระบบเครือข่ายภายในองค์กร (Intranet) เพื่อใช้ในการบริหารงาน
       6.    หน่วย งานทุกระดับมี  Software ที่ถูกกฎหมายสำหรับการบริหารจัดการและพัฒนาระบบ
       7.    มี โปรแกรมประยุคที่ใช้ในการบริหารงานด้านบุคลากร ด้านบริหารทั่วไป ด้านงบประมาณ      
   ด้านวิชาการ ด้านติดตามประเมินผล ด้านบริหารกิจการนักเรียนในทุกระดับ
       8.   มี ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์(Geographic  Information  System :GIS)
      9.    มีเวปไซท์เพื่อการประชาสัมพันธ์และให้บริการข้อมูลข่าวสารของหน่วยงาน

ทิศทางการบริหารจัดการโดย ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
             
การบริหาร หมายถึง การทำงานให้สำเร็จแต่จะมีกลวิธีใดบ้างที่จะช่วยให้งานสำเร็จได้นั้น โดยเฉพาะในยุคโลกาภิวัตน์ที่โลกเสมือนเล็กลง (Global Village)  ในขณะที่ทรัพยากรธรรมชาติ และทรัพยากรการผลิตลงด้วยนั้น นักบริหารในระยะหลังๆ นี้ พยายามใช้ยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อมุ่งบรรลุเรื่อง 3 เรื่อง คือ หนึ่งใช้คนเท่าเดิมทำงานได้มากขึ้น สองงานเท่าเดิม แต่ใช้คนน้อยลง และสามคุณภาพของงานต้องดีเท่าเดิม หรือดีกว่า การจะบรรลุ เรื่อง 3 เรื่อง ดังกล่าวนั้น จะต้องใช้ยุทธศาสตร์ คือ

      1)      การใช้ระบบข้อมูล สารสนเทศ (Information Utilization)  เพื่อประกอบการตัดสินใจให้มากขึ้น 
2)      การบริหารทางไกล (High-Tech Administration) 
3)       การ หาความรู้ทำงานกับระบบคอมพิวเตอร์ (Computer Literacy) 
4)       การ มองการณ์ไกล (Introspection)
5)       การ ใช้หน่วยงาน/องค์กรอื่นทำงาน (Decentralization)
6)       การ จัดรูปองค์กรที่ทำงานได้ฉับไว (Organization Development)
7)       การ พัฒนาบุคลากร (Personnel Development)

ระบบ สารสนเทศทางการศึกษา
              ระบบ  (System)  คือ  ชุดขององค์ประกอบซึ่งมีปฏิ สัมพันธ์ ต่อกันในรูปของความเป็นหนึ่งเดียวและ    ดำเนินงานร่วมไปสู่เป้าหมายเดียวกัน  ประกอบด้วยส่วนสำคัญสี่ประการ คือ
             1.       ข้อมูลนำเข้า  (Input)
             2.       กระบวนการประมวลผล (Process)
             3.       ผลลัพธ์ (Input)
             4.       การควบคุมการย้อนกลับ (Feedback  Control)    
    ความ หมายของระบบสารสนเทศ
          ระบบ สารสนเทศ  (Information System) 
หมาย ถึง  ชุดของคน  ข้อมูล  และ วิธีการ ซึ่งทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้  หรือ สารสนเทศ คือข้อมูลที่ผ่านการประมวลผล  บวก ลบ คูณ หาร  เปรียบเทียบหรือตรวจสอบแล้วมีความชัดเจนขึ้น สามารถนำมาใช้ในการพิจารณาตัดสินใจ หรือดำเนินการใด ๆ ต่อไปได้  สารสนเทศ จะถูกนำเสนอในรูปอัตราส่วน  ร้อยละ  การเปรียบเทียบ  เช่น
               -  อัตรา ครูต่อนักเรียน 
                -  การเปรียบเทียบงบประมาณที่ได้รับปัจจุบัน กับอดีต
               -  การ เปรียบเทียบผลการดำเนินการนับแต่เริ่มโครงการ
                -  การ เปรียบเทียบผลกำไรต่อการลงทุน
              ทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์การคือคน   คนคือผู้สร้างงานผลิต เป็นผู้ใช้บริการ เป็นผู้แก้ปัญหา และเป็นผู้ตัดสินใจ คนที่มีคุณภาพจะเป็นกระดูกสันหลังขององค์การ
 

   ประเภทของระบบ สารสนเทศ
       1.
  ระบบ ประมวลผลธุรกรรม (Transaction  Processing System : TPS) เป็นเครื่องมือ
ของผู้บริหารระดับ ปฏิบัติการ  (Operating Manager) เช่น ระบบสารสนเทศการบัญชี   

2.  ระบบ สารสนเทศการจัดการ (Management Information System : MIS)  เป็นเครื่อง

ของผู้บริหารระดับสั่ง การ หรือระดับกลาง  (Tactical Manager)  มี  3 ประเภท  คือ

-      รายงานตามตารางการผลิต  -   รายงาน ตามต้องการ  -   รายงานพิเศษ

3. ระบบ สนับสนุนการตัดสินใจ (Decision  Support  System :  DSS)  เป็นเครื่องมือของผู้

บริหารระดับนโยบาย หรือระดับสูง (Strategic  Manager)  และผู้บริหาร ระดับสั่งการหรือระดับกลาง  (Tactical Manager)

         4. ระบบ การสนับสนุนระดับนโยบาย (Executive Support  System :  ESS)  จำเป็นมากสำหรับการบริหารระดับสูง  การพัฒนาระบบสารสนเทศ โดยใช้ วัฏจักรของการพัฒนาระบบ SDLC เป็นการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องชัด
บุคลากร ในระบบสารสนเทศ

1.    ผู้ใช้ (User)  ได้แก่บุคคลซึ่งใช้ระบบสารสนเทศเมื่อมีการนำออกมาใช้  ได้แก่  ผู้ใช้         

        คอมพิวเตอร์  และ ผู้จัดการ

2.  นักวิเคราะห์ระบบ  (System Analyst)  จะทำงานร่วมกับผู้ใช้ เพื่อตรวจสอบความจำเป็นที่ต้องใช้สารสนเทศในกระบวนการของผู้ใช้

3.  นักออกแบบระบบ  (System  Designer)  เป็นผู้ออกแบบระบบให้ตรงกับความจำเป็นความต้อง การของผู้ใช้

4.  นักเขียนโปรแกรม  (Programmer)  ใช้โปรแกรม เพื่อรหัสคำสั่งสำหรับให้คอมพิวเตอร์แก้ปัญหาได้

 ระบบ สารสนเทศทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ(EIS)

        โปรแกรมระบบ สารสนเทศทางการศึกษาได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกับรูปแบบการทำงานที่หลากหลาย  โดยสามารถที่ใช้งานบนระบบเครือข่ายที่เป็น Client/Server ,LAN (Netware, WindowsNT) ตัวโปรแกรมเป็นระบบเปิด (Open System) สามารถเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Microsoft SQL, Informix โปรแกรมระบบสารสนเทศทางการศึกษา แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนสำหรับผู้ดูแลระบบ (Administrator) และส่วนสำหรับผู้ใช้ (User) ส่วนผู้ดูแลระบบจะมี หน้าที่กำหนดการเชื่อมต่อฐานข้อมูล กำหนดผู้ใช้และคอย  ดูแล ให้การใช้งานโปรแกรมเป็นไปอย่างราบรื่น ส่วนของผู้ใช้นั้น จะมีส่วนกรอกข้อมูลสถิติทางการศึกษา โปรแกรม

ระบบสารสนเทศทางการศึกษา ได้ถูกแบ่งโปรแกรมออกเป็น 7 ระบบ คือ
              1. ระบบ สารสนเทศทางการศึกษาสำหรับสถานศึกษา(EIS1)
เป็น ระบบสำหรับกรอกข้อมูลของสถานศึกษาทุกสังกัดตามแบบ รศ.รค. เพื่อประมวลผลส่งให้กับหน่วยงานระดับสูงขึ้นไป
             2. ระบบ บริหารสถานศึกษา(EIS2)
เป็นระบบที่ใช้ใน งานบริหารของสถานศึกษา
            3.  ระบบ สารสนเทศทางการศึกษาสำหรับหน่วยงานระดับอำเภอ(EIS3)
เป็น ระบบสำหรับกรอกข้อมูลของอำเภอตามแบบ รศภ. เพื่อประมวลผล ส่งให้กับหน่วยงานระดับสูงขึ้นไป
          4.   ระบบ สารสนเทศทางการศึกษาสำหรับหน่วยงานระดับจังหวัด(EIS4)
เป็น ระบบสำหรับรวบรวมข้อมูลสารสนเทศของอำเภอที่อยู่ในจังหวัดนั้นๆ และประมวลผลข้อมูลเพื่อส่งต่อให้กับหน่วยงานเขตและกระทรวงศึกษาธิการ
          5.  ระบบ สารสนเทศทางการศึกษาสำหรับหน่วยงานระดับเขตการศึกษา(EIS5)
เป็น ระบบสำหรับรวบรวมข้อมูลสารสนเทศของจังหวัดที่อยู่ในเขตการศึกษานั้นๆ และประมวลผลข้อมูลเพื่อส่งต่อให้กับกระทรวงศึกษาธิการ
         6.  ระบบ สารสนเทศทางการศึกษาสำหรับหน่วยงานระดับกระทรวงศึกษาธิการ(EIS6)
เป็น ระบบสำหรับรวบรวมข้อมูลสารสนเทศของจังหวัด และประมวลผลข้อมูลในภาพรวมของกระทรวงศึกษาธิการ
          7.  ระบบ ประมวลผลข้อมูล (EIS7)
เป็น ระบบสำหรับประมวลผลข้อมูลสารสนเทศของกระทรวงศึกษาธิการเพื่อเผยแพร่ออกสู่ Homepage MOENet

 การพัฒนาเทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อการศึกษาของ ศธ. ตามกรอบนโยบายด้าน ICT
                 กระทรวงศึกษาธิการสนอง นโยบายของรัฐบาลที่จะพัฒนาระบบเทคโนโลยีการศึกษาและเครือข่ายสารสนเทศ เพื่อเพิ่มและกระจายโอกาสทางการศึกษาให้คนไทยได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน และเข้าถึงการเรียนรู้  โดยยึดหลักการสร้างชาติสร้าง คนและสร้างงาน มีปัญญาเป็นทุนในการสร้างงานและสร้างรายได้ ตั้งแต่รัฐบาลภายใต้การบริหาร ของนายกรัฐมนตรี (พ ต ท.ทักษิณ ชินวัตร) เข้ามาบริหารประเทศ พร้อมทั้งได้กำหนดนโยบายเร่งรัดในการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ ICTเพื่อ การศึกษา  ปัจจุบันการดำเนินงานตามพันธกิจสำคัญได้มี ความก้าวหน้าตามลำดับอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม

หมายเลขบันทึก: 403464เขียนเมื่อ 19 ตุลาคม 2010 08:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 16:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท