ความสัมพันธ์ระหว่าง tube current กับแรงดันไฟฟ้าที่ให้แก่หลอดเอกซเรย์ (Anode voltage, Va) ในช่วงแรกเมื่อเพิ่มแรงดันให้แก่Anode ค่าของ tube current จะมีการเปลี่ยนแปลงตามจนถึงจุดๆ หนึ่งค่า tube current จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงต่อไปอีก ไม่ว่าจะเพิ่มแรงดันไฟฟ้าให้แก่ Anode เท่าใดก็ตาม และเรียกช่วงที่การเปลี่ยนแปลงของ tube current แปรผันตาม Anode voltage ว่า Unsaturate region ส่วนช่วงที่ tube current ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตาม Anode voltage ว่า Saturate region ซึ่งประโยชน์ที่ได้จากการทำงานของหลอดในลักษณะนี้คือ การปรับตั้งค่า mA (tube current) และ kVp(Anode voltage) จะต้องตั้งค่า mA. ที่ต้องการก่อนแล้วจึงตั้งค่า kVp ทีหลัง จึงจะได้ค่า mA และ kVp ที่ต้องการ หากตั้งค่า kVp ก่อนแล้วปรับค่า mA ก็จะทำให้ค่า kVp ที่ตั้งไว้เปลี่ยนแปลงตามค่า mA. ใหม่ที่ปรับขึ้นหรือลง
รูปที่ (a) ความสัมพันธ์ระหว่าง Anode voltage กับค่า tube current
(b) ความสัมพันธ์ระหว่าง kVp (Tube Volatge, mA. (Tube current)
กับ Filament current
ความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้าที่ผ่านหลอด (Tube current) กับกระแสไฟฟ้าที่ให้แก่ไส้หลอด (Filament current) จะพบว่าถ้าปรับตั้งค่าแรงดันที่ให้แก่หลอดเอกซเรย์ (kVp) ต่ำๆ เมื่อเพิ่มกระแสไฟฟ้าที่ให้แก่ไส้หลอด(Filament current) มากขึ้น จะพบว่ากระแสไฟฟ้าที่ผ่านหลอด (Tube current) จะเพิ่มขึ้นได้น้อยจนถึงจุดหนึ่งก็จะไม่สามารถเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะให้กระแสไฟฟ้าที่ไส้หลอดเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ก็ตามแต่ กระแสไฟฟ้าที่ผ่านหลอดจะคงที่ แต่หากให้แรงดันแก่หลอดเอกซเรย์(kVp) สูงๆ เมื่อปรับเพิ่มค่ากระแสไฟฟ้าที่ให้กับไส้หลอด (Filament current) จะพบว่ากระแสไฟฟ้าที่ผ่านหลอดเอกซเรย์ (Tube current) จะเพิ่มตาม จากความสัมพันธ์ดังกล่าวนี้ทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานกับเครื่องเอกซเรย์ได้ว่าที่แรงดัน kVp ต่ำๆ ไม่เกิน 20 kVp จะสามารถปรับตั้งค่า กระแสไฟฟ้าที่ผ่านหลอดเอกซเรย์ (mA.) ได้ต่ำ และเมื่อใช้งานหลอดเอกซเรย์ที่ kVp สูงๆ ตั้งแต่ 40 kVp ขึ้นไป จะสามารถปรับตั้งค่า mA. ได้สูงมากทำให้ใช้งานได้มากขึ้น
ไม่มีความเห็น