เรื่อง ห้องเรียนในฝัน ชุมชนแห่งการเรียนรู้ สาธุ สาธุ


เรียนฟรี สอนฟรี เพื่อสร้างชุมชน สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้”

เรื่อง ห้องเรียนในฝัน ชุมชนแห่งการเรียนรู้  สาธุ สาธุ

            เคยนั่งฝันกลางวัน ฝันขณะลืมตา ถึงห้องเรียนในฝัน ลักษณะเป็นสถานที่เรียนรู้ เกิดขึ้นมีอยู่ในทุกๆ ชุมชน ซึ่งคิดว่าถ้าความฝันนั้นเป็นจริง คนที่สนใจเข้าเรียนรู้ในห้องเรียนในฝัน ชุมชนที่มีห้องเรียนในฝัน คนนั้น ชุมชนนั้น กำลังดำรงอยู่ในสังคมอุดมคติ ที่ครูอาจารย์หลายๆท่าน อยากให้เกินขึ้น ที่เรียกว่า “สังคมแห่งการเรียนรู้” เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ ของคนในชุมชน

             ก่อนอื่นต้องกล่าวถึงที่มาของความฝัน ถึงห้องเรียนในฝัน ชุมชนแห่งการเรียนรู้ ว่ามาจากเหตุผลที่รับรู้มาจากสื่อต่างๆ จากคน ครูอาจารย์ และ ประสบการณ์ หลายๆอย่าง ในสังคมปัจจุบัน ร่วมๆ กัน  มี 4เหตุผล ด้วยกัน

ประการที่หนึ่ง ได้เห็นเด็กๆวัยรุ่น ที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ ออกจากโรงเรียน ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก คงมีหลายคนอยากเรียนหนังสือ บ้างคนคงฉลาด และมีความขยัน ตั้งใจที่จะเรียนรู้ แต่ไม่มีโอกาส ไม่มีห้องให้เรียน ไม่มีครูมาสอน วิถีชีวิต จึงต้องเข้าไปเรียนรู้เรื่องร้ายๆ เรื่องไม่ดี ของคนไม่ดี เรื่องไม่ดีของชุมชน เรื่องไม่ดีของสังคม เพราะสามารถเขาถึงได้ง่าย หาเรียนรู้ได้ง่าย จึงเป็นแนวทางเดินของชีวิต ที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม เป็นทุกข์ทั้งกายและใจ ไปเป็นระยะเวลานาน กว่าจะคิดได้                                                                                                                                          

ประการที่สอง รู้สึกเสียด้ายองค์ความรู้ ประสบการณ์ ของคนที่พักอาศัยอยู่ในระแวกบ้านพัก ในชุมชนทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด ร่วมถึงในหมู่บ้านจักสรร คอนโด แฟตล์  ซึ่งมีคนที่ประกอบอาชีพ มีความรู้ที่น่าสนใจมากมาย โดย เฉพาะ คนในชุมชนกรุงเทพ ลองเดินสำรวจเพื่อนบ้านที่พักอาศัยรอบๆบ้านพัก ออกไปทั้ง 4 ด้าน เหนือ ใต้ ออก ตก ด้าน ละ 500 ร้อยเมตร จะพบว่ามีคนที่ประกอบอาชีพ มีคนที่มีความรู้ที่น่าสนใจ ที่เป็นประโยชน์ต่อเด็ก ต่อคนในชุมชน มากมาย เช่น ครู ตำรวจ พยาบาล ทหาร เจ้าของกิจการต่างๆ นักการเมืองท้องถิ่น เกษตรกร ช่างไม้ ก่อสร้าง คนทำบัญชี ทหาร ช่างตัดผม ช่างเสริมสวย ช่างแอร์ ช่างซ้อมรถ พระ ทนาย และอาชีพอื่นๆ อีกมากมาย แต่สภาพปัจจุบัน เด็กๆในชุมชน คนที่พักอาศัยในชุมชน แทบไม่ได้ความรู้ จากผู้ใหญ่จากคนที่มีความองค์รู้ มีประสบการณ์ มากมาย จากประกอบอาชีพเหล่านั้นเลย บ้างคนทำงานในด้านนั้น ทั้งชีวิต

ประการที่สาม ลองมองดูการศึกษาในระบบ ค่าเล่าเรียนในปัจจุบัน แล้วคิดว่าเป็นเรื่องที่ลำบากมากมาย พอสมควร สำหรับผู้ปกครองที่มีเศรษฐานะไม่ดี มีรายได้น้อย เช่น คนที่ประกอบอาชีพรับจ้างทั้วไป เกษตรกรที่มีที่ดินไม่มาก คนทำงานในโรงงาน แม่ค่าพ่อค่าที่ขายของเล็กๆ น้อยๆ แล้วต้องมองไม่ไปที่อนาตคการศึกษาของลูกๆ มันคงเป็นเรื่องลำบากมาก ที่ลำบากพอสมควร ที่ต้องส่งลูกให้เรียนถึงระดับปริญญา ซึ่งเป็นระดับการศึกษา ที่พอการันตรี ได้ในระดับหนึ่งว่า สามารถหางานมีการที่ดี ที่มั่นคง มีรายได้เลี้ยงชีพได้ มีสถานภาพที่ยอมรับของสังคม สามารถพัฒนาศักยภาพ ทั้งทางกาย จิตใจ อาชีพ รายได้ ได้ดี กว่าคนอื่นที่จบในระดับประถมศึกษา หรือ มัธยมศึกษา ซึ่งจะอยู่ได้ลำบากในสังคมสมัยนี้ คงไม่เหมือนดังอุดมคติคำสอนของคนโบราณ ที่ชอบยกตัวอย่างมาสอน ว่าคนจีนที่เข้ามาทำมาหากิน มีเพียงเสื่อผืน หมอนใบ แต่ประกอบอาชีพ ได้รำรวย มาจนถึงในปัจจุบัน เพราะทรัพยากรคงมีไม่มากเหมือนในอดีต โอกาสคงลำบากกว่าในอดีต แต่มันคงอยู่ที่คนด้วย ความมุ่มมั่น ที่จะปรับตัวในการดำรงชีวิตให้มีความสุข หรือความพอใจในการดำรงชีวิต ของแต่ละคน คงไม่เท่ากัน

               แต่เด็กๆที่เรียนน้อย จบในชั้นประถมศึกษา หรือ มัธยมศึกษา คงมีความรู้สึกน้อยใจ คับข้องใจ ในทางเลือกในการประกอบอาชีพของตัวเอง หรือ สงสารพ่อแม่ที่ต้องลำบากมากมาย ในการสงเสียให้เรียนในระดับอุดมศึกษา และ ผู้ปกครองเอง คงทอแท้ เมื่อมองการที่การศึกษาของลูกๆ ในระดับอุมศึกษา ที่ต้องใช้เงินมากมาย เพราะ ค่าเทอม ในปัจจุบัน ถือว่าแพงมากๆ สำหรับคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ ราชภัฎ ยังเสียค่าเทอม เป็นหมื้น เอกชน หลายหมื้น ร่วมทั้งค่าครองชีพที่สูงในระหว่างเรียนอีก จึงมีเด็กจำนวนมากที่ไม่สามารถเรียน ในระดับอุดมศึกษาได้

ประการที่สี่ สังเกตุได้ว่า ทางภาครัฐเอง กำลังส่งเสริมให้นักเรียน ได้เรียนรู้ค้นคว้าด้วยตัวเอง เรียนรู้นอกระบบมากขึ้น ลดวิชาเรียน ให้นักเรียนทำกิจกรรมมากขึ้น และพยายามส่งเสริมให้สังคมให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เป็นสังคมที่มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต แล้วยังเห็นว่าเกินรูปแบบโรงเรียนทางเลือกหรือโรงเรียนนอกระบบมากมาย และคงมีเด็กที่เรียนในระบบ มีผู้ใหญ่ สนใจมาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม จากคนที่มาให้ความรู้ ซึ่งเป็นประสบการณ์ในการประกอบอาชีพของคนนั้นจริงๆ

               จากทั้งสี่ประเด็นที่กล่าวมา ทำให้มานั่งฝันกลางวันว่า อยากให้มีห้องเรียนห้องหนึ่ง เกิดขึ้นมาในทุกชุมชน ในหมู่บ้าน ในแฟตล์ ในคอนโด ในทุกๆที่เป็นชุมชน เป็นลักษณะห้องเรียน ที่เหมือนกับห้องเรียนริมคลองหลอด ที่มีครู มีคุณตาท่านหนึ่ง ที่ไปสอนเด็กๆ  หรือ คุณครูที่ไปสอนเสริมเด็กๆ ในชุมชน แอ้อัด ในวันเสาร์ อาทิตย์ ที่ออกทีวี ดูจากทีวี บ่อยๆ หรือ กล่าวได้ว่าเหมือน งาน เสวนา อบรม ที่จัดอยู่ทั้วไปตามโรงแรม ทั้วไปของหน่วยงานราชการ ภาคธุรกิจเอกชน  

              แต่เอารู้แบบการเรียนรู้แบบนี้ไปอยู่ในชุมชน ในหมู่บ้าน โดยมีลักษณะ มีห้องเรียน เป็นการเรียนในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เวลาประมาณ บ่าย  2 โมง บ่าย 3 โมง ใช้เวลา ประมาณ  1 – 2 ชั่วโมง มีผู้ประสานงานหนึ่งคนที่เป็นงานอาสาสมัคร ค่อยไปเชิญ ครูอาจารย์ หรือ วิทยากรนั้นละ ที่อยู่ ไปด้านละ 500 เมตร จากห้องเรียนรู้นี้ “ไกลกว่านั้นก็ได้”

                 ครูอาจารย์ วิทยากร ที่มาให้ความรู้ ไม่มีค่าตอบแทนให้ เพราะเป็นคนในชุมชน เดินเท้ามาเอง ขับจักรยานมา ขับมอเตอร์ไซร์ มาให้ความรู้ เป็นวิทยาทาน มีหลักการว่า “เรียนฟรี สอนฟรี เพื่อสร้างชุมชน สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้”  ให้กับเด็กๆ ให้กับคนในชุมชนที่สนใจ  โดยหัวข้อให้ครูอาจายร์ท่านนั้นตั้งเองเลย หรือ เป้นการนำเสนอมาจากนักเรียนมาจากเด็กๆ หรือผู้ใหญ่ในชุมชนที่สนใจ เช่น สมาชิก อบต มาพูดถึงการทำงานของอบต ตัวเอง ถึงการเลือก สมาชิก อบต ที่ดี, พระ ตั้งหัวข้อ ธรรมมาสอน, มีคนในหมู่บ้านที่ไปเป็น ทหารจากชายแดนใต้มาเล่าประสบการณ์ ทำงานในพื้นที่ให้ฟัง, เกษรตกร มาเล่าการปลู้กข้าวให้ได้ข้าวมากการกำจัดศัตรูพืช, ค รู มาสอนเทคนิกการอ่านการเรียนหนังสือให้เก่ง, ช่างซ้อมรถ มาสอน เรื่องการซ้อมรถ, ช่างตัดผมก็มาเล่าประสบการณ์, คนทำงานธนาคารมาเล่าถึงการประหยัดเงินการฝากถอนเงิน, มีนักศึกษาในมหาลัยกับมาบ้านช่วงปิดเทอมก็มาเล่า แนวทางการสอบเข้ามหาลัย ชีวิตในมหาลัย, คนขายประกันมาเล่าเรื่องการทำประกันดียังไง,  NGO มาเล่ามาสอนการทำงานกับชุมชน, ตำรวจมาเล่าเรื่องกฎหมาย ทำยังไงไม่ให้ผิดกฎหมาย, เจ้าของกิจการมาเล่าที่มาของการประสบความสำเร็จ การประกอบอาชีพ , และอาชีพอื่นๆ หรือ ผู้ใหญ่ในชุมชน ที่ประกอบอาชีพที่มีความรู้อะไรที่น่าสนใจเป็นประโยชน์กับเด็กๆวัยรุ่นที่ออกเรียน หรือ เป็นองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์กับชุมชน กับผู้ใหญ่ในชุมชน สามารถว่างคิวเชิญมาให้ความรู้ ซึ่งคงมีหัวข้อ มีคนที่มีความรู้มากมายเป็นคนในชุมชนนั้นเอง ที่ สามารถมาเล่า มาพูด มาสอน ให้เด็กๆให้วัยรุ่นที่ออกเรียน ให้กับคนในชุมชนได้ความรู้ คิดว่ามีคนที่มีความรู้มากมายที่พักอาศัยในชุมชนนั้นเอง หัวข้อความรู้สามารถแบ่งได้เป็นหลายหมวด ถ้าลอง แบ่งแบบกว่างๆ แบ่งออกได้เป็น ด้านการศึกษา สังคม การประกอบอาชีพ จริยธรรม ประชาธิประไตย ศาสนา วัฒนธรรม ความสามัคคีของชุมชน อื่นๆ มากมาย

                 โดยหัวข้อ แบ่งจัดให้เหมาะสม ระหว่างห้องเรียนของเด็กๆวัยรุ่นที่ออกเรียนไม่มีงานทำ โดยเน้นกลุ่มวัยรุ่นที่ออกเรียนแล้วมากหน่อย กับห้องเรียนของกลุ่มผู้ใหญ่ เน้นผู้ใหญ่ที่ต้องการมีรายได้เสริม เพราะศูนย์ฝึกอาชีพของภาครัฐที่มีอยู่ทั้วทุกที่นั้น ถามว่ามีเด็กที่ออกจากโรงเรียนสนใจไปเรียนรู้มีมากหรือเปล่า มีมากแล้วหรือยัง คิดว่าน้อยมากๆ มีผู้ใหญ่สนใจไปเรียนรู้หรือเปล่า คิดว่าน้อยมาก อาจเป็นเพราะไม่รู้ไม่สะดวก เข้าไม่ถึงข้อมูลบ้างคนอาจไม่รู้เลยว่ามี

                 การเรียนรู้แบบห้องเรียนในฝัน นี้มันเหมือนการเรียนรู้แบบโบราณ คือ สนใจอะไรก็ไปเรียนรู้ได้ เช่น อยากเป็น ช่างไฟก็ไปเรียนรู้กับคนที่เป็นช่างไฟ อยากเรียนวาดภาพ ก็ไปเรียนกับคนวาดภาพ อยากเรียนซ้อมรถ ก็ไปเรียนซ้อมรถ อยากทำไรประกอบอาชีพไร เห็นความสามารถของผู้ใหญ่ท่านนั้น ก็ไปขอเรียนกับท่าน เหมือนในหนังจีน ไปขอเป็นลูกศิษย์ เห็นครูอาจารย์คนไหนมีวิชาความรู้อะไรที่ดี สามารถไปข้อเรียนรู้ได้ เพราะถ้ามีห้องเรียนแบบนี้ เด็กสามารถ ไปข้อเรียนรู้เพิ่มเติมได้เองอีก ในวันหลัง หลังจากที่ครูอาจารย์ท่านนั้นมาให้ความรู้มาสอนแล้ว เพราะ คนที่มาสอนพักอาศัยในชุมชน หาเวลาไปสอบถามไปเรียนรู้เพิ่มเติมเอง ถ้ามีเด็กวัยรุ่นที่ยังไม่มีงานทำ ไปขอเรียนรู้งาน คนที่ประกอบอาชีพนั้นอยู่ ก็ได้คนช่วยงานได้เด็กฝึกงาน ในอนาคตก็รับเป็นลูกจ้าง เด็กที่ไปเรียนก็ได้มีอาชีพ ที่อยู่ในชุมชนนั้น เป็นการช่วยเหลือซึ่งกันของคนในชุมชน

                 ถ้ามีห้องเรียนในฝันแบบนี้เกิดขึ้นจริงในชุมชน นอกจากคนที่สนใจเข้าไปเรียนรู้ ได้ความรู้แล้ว ได้อาชีพแล้ว คนนั้นได้พัฒนาตัวเองแล้ว ยังตรงกับแนวทางของภาครัฐด้วย ที่ชอบบอกอยู่ประจำ ได้ยินคนใหญ่คนโตที่ออกทีวีพูด เป็นประจำว่าการพัฒนาคนสำคัญที่สุด ห้องเรียนในลักษณะแบบนี้คง คงเป็นหนึ่งสถานที่สร้างสรรค์ ที่ทำให้คนชุมชนในนั้น ทำให้ชุมชนนั้นเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เป็นสถานที่เอื้ออาธรของคนในชุมชน ให้เกิดความมีน้ำใจ ความสามัคคี ของคนในชุมชน เป็นสถานที่ต่อยอดในการพูดคุยเป็น กัลยาณมิตร ของคนในชุมชน ต่อไป

                      เหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา ถึงห้องเรียนในฝัน มันเป็นภาพความฝันช่วงกลางวัน ฝันขณะลืมตา ที่คิด จิตนาการไป ซึ่งถ้ามันมีจริง โดยส่วนตัวคงชอบมากๆ เพราะ บ้างครั้งเห้นเพื่อนบ้านคนนั้นมีความรู้ด้านนั้น ทำงานที่เราสนใจอยากรู้ แต่ไม่กล้าไปพูดคุยไม่กล้าไปถามรู้สึกเสียด้านโอกาส ถ้าไปหาที่เรียนรู้คงเสียเงินมากมาย และการเรียนรู้จากคน จากการเล่าการสอนของคนที่มาจากประสบการณ์ตรงๆ นั้น มันมี อรรถรส ความสนุก ความสุข ในการเรียนรู้ มีความคิดริมเริ่ม จิตนาการ ในการเรียนรู้ ได้ง่าย ได้สัมผัส บุคคลิก ความจริงใจ ของครูอาจารย์ที่มาสอน สงสัยอะไรถามได้ มากว่าการเรียนรู้จากหนังสือ หรือ คุณอาจารย์ กูเกิ้ล มากมาย ซึ่งรู้สึกไม่ชอบใจในบ้างครั้ง ที่เวลาไปถามอะไรเพื่อนฝูง ถามอะไรครู อาจารย์ แต่ถูกไล่ให้ไปหาใน กูเกิ้ล ทั้งที่สามารถตอบได้ในทันที่ ทั้งๆ ที่รู้แต่ไม่ตอบ แต่ดันไล่ให้ไปหาในกูเกิ้ล บ้างคนสั่งสอนอีกว่าไม่ต้องมาถาม ไปหาในกูเกิ้ลดิ คนถามพูดไรไม่ออกเลย รู้สึกผิดอีก โง่เองที่ไปถาม 55555

วาทะ สอนชีวิต จาก ขงเบ้ง

ดวงอาทิตย์ทำให้ทุกสิ่งกระจ่างชัด แต่ เรายังต้องทำความเข้าใจในส่วนที่มืด ซึ่งยังคงดำรงอยู่

                                                                                                                         

                                                                                                                                                                                                      กลาง      ธรรมชาติ

                                                                                                                                                                                               8 สิงหาคม 2553

หมายเลขบันทึก: 401623เขียนเมื่อ 8 ตุลาคม 2010 16:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 16:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

...ฝันได้ฝันดีๆๆๆๆ..ขอให้มีกำลังใจอย่าฝันอย่างเดียว..ช่วยๆกันทำให้ฝันเป็นจริง...ดีแม๊ะ...ประหยัดเงินหมื้น..เจ้าค่ะ..ช่วยฝันกลางธรรมชาติด้วยคน...ฝันนี้ตรงกันเป๊ะเลย...ยายธีเจ้าค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท