สอนอย่างไรให้เด็กรักการอ่าน
การอ่าน เป็นทักษะทางภาษาที่จะนำผู้อ่านไปสู่โลกกว้าง ช่วยพัฒนาให้ผู้อ่านมีความรู้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน เกิดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นได้ การอ่านเป็นการใฝ่รู้ที่ผู้อ่านสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้คนมีความก้าวหน้าต่อไปในอนาคต จากประสบการณ์ของผู้เขียนซึ่งเป็นครูสอนภาษาไทยมาสามสิบปี พบว่าในปัจจุบันนักเรียนส่วนใหญ่ไม่รักการอ่านเท่าที่ควร ครูจึงจำเป็นต้องจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อปลูกฝังและส่งเสริมให้นักเรียนรักการอ่านมากยิ่งขึ้น เช่น
๑. จัดกิจกรรมตอบปัญหาทั่วไป ซึ่งนักเรียนต้องใช้ความรู้ที่ได้รับจากการอ่านมาตอบปัญหาและใช้ได้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
๒. จัดกิจกรรมการเขียนเรียงความในหัวข้อเรื่องที่ผู้เขียนต้องอ่านและค้นคว้าเพิ่มเติม เพื่อนำ
ความรู้มาประกอบการเขียนให้สมบูรณ์ขึ้น เช่น ถ้าฉันเป็นนักบิน ฉันจะ...... ถ้าฉันเป็นนัก
วิทยาศาสตร์ ฉันจะ....... เป็นต้น
๓. จัดกิจกรรมแบบสำรวจ เช่นสำรวจพันธุ์ไม้ในวรรณคดีที่มีอยู่ในสวนวรรณคดีหรือในบริเวณโรงเรียน ในห้องสมุด เพื่อเป็นแนวทางให้เกิดความสนใจเกี่ยวกับต้นไม้ต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่การอ่าน การค้นคว้า เพื่อเป็นแนวทางให้เกิดความรู้
๔. จัดกิจกรรมโดยให้เล่นเกม เช่น
- เกมทายคำ ไข่อะไรที่หลอกลวง คำตอบ ไข่ตุ๋น
- เกมต่อคำคล้องจองโดยให้หาชื่ออาหาร ผลไม้ ต้นไม้ มาต่อเป็นคำคล้องจองเช่น กล้วยไม้ ใบชา, ขาไก่ ใบโหระพา
- เกมปริศนาสำนวนภาษาและสุภาษิต ครูจะให้ผู้เรียนดูภาพและช่วยกันคิดหาสำนวนภาษาและสุภาษิตจากภาพให้ได้มากที่สุดเช่น ภาพปาก นักเรียนอาจตอบว่า ปลาหมอตายเพราะปาก ปากร้ายใจดี พูดดีเป็นศรีแก่ปาก ปากเป็นเอกเลขเป็นโท กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง เป็นต้น
- เกมตามล่าหาเพื่อนตัวพยัญชนะ รูปวรรณยุกต์ ตัวสะกดหรือตัวการันต์ เช่น โ...รา...วั..ถุ อุโ..งค์ เป็นต้น
- เกมปริศนาคำทาย เช่น อะไรเอ่ย ต้นเท่าครกใบปรกดิน ( ตะไคร้ )
๕. ให้หาคำที่กำหนดให้ เช่น คำที่ขึ้นต้นด้วย ก ตัวอย่าง กรรมการ กรอก เก่า กาง กว้าง เป็นต้น
๖. ให้หาคำที่เป็นของใช้เป็นพยางค์หน้าและมีคำกริยาเป็นพยางค์หลัง เช่น เตารีด กระเป๋าถือ รถเข็น มีดพับ เป็นต้น
๗. ให้หาคำที่มีชื่ออวัยวะเป็นพยางค์หน้าและมีคำชื่อสัตว์เป็นพยางค์หลัง เช่น ตาไก่ ขาไก่
น่องไก่
๘. ให้แต่งคำประพันธ์เกี่ยวกับดอกไม้ โดยให้นักเรียนค้นคว้าลักษณะของพันธุ์ไม้และดอกไม้ชนิดต่างๆ เพื่อนำความรู้มาประกอบการแต่งคำประพันธ์ให้ได้ใจความที่สมบูรณ์ เช่น
มะเอ๋ยมะลิ ยามผลิดอกมา หอมชื่นนาสา พาใจสุขสันต์
๙. จัดกิจกรรมประกวด เช่น ยอดนักอ่าน ยอดนักเล่านิทาน ยอดนักพูด ฯลฯ
๑๐. จัดกิจกรรมแฟนพันธุ์แท้จากวรรณคดีไทยบางตอนเช่นรามเกียรติ์ ขุนช้างขุนแผน พระอภัยมณี ฯลฯ
๑๑. กิจกรรมการอ่านวันละ ๑๕ นาที ใช้เวลาในช่วงพักกลางวัน หรือตามความเหมาะสม
๑๒. กิจกรรมอ่านคล่อง-เขียนคล่อง เขียนและอ่านคำศัพท์วันละ ๕ คำ
๑๓. กิจกรรมห้องสมุดเคลื่อนที่ ตะกร้าหนังสือ รถเข็นหนังสือ เป็นต้น
๑๔. จัดทัศนศึกษาพาผู้เรียนไปชมสิ่งต่างๆ หลังจากเสร็จสิ้นการชมแล้วให้นักเรียนค้นคว้าเพิ่มเติมหรือสรุปเรื่องราวที่ได้พบได้เห็น
๑๕. กิจกรรมโครงงานภาษาไทย ซึ่งเป็นงานวิจัยเล็กๆของนักเรียน เป็นการแก้ปัญหาหรือ ข้อสงสัยของนักเรียน โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
๑๖. กิจกรรมการค้นหาข้อมูลเรื่องราวต่างๆจากอินเทอร์เน็ต โดยใช้คอมพิวเตอร์ เป็นอุปกรณ์การค้นคว้า ก็จะช่วยให้เด็กๆรักการเรียนรู้ใฝ่รู้ด้วยตนเองมากขึ้น
กิจกรรมที่แนะนำไว้นี้ ผู้เขียนหวังว่าผู้อ่านจะใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอน
และกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ให้นักเรียนรักการอ่านมากยิ่งขึ้น เพราะผู้เขียนได้นำมาปฏิบัติแล้ว ได้ผลดี
เป็นที่น่าพอใจ
......................................................................
เอกสารอ้างอิง
ราชบัณฑิตยสถาน. อ่านอย่างไรและเขียนอย่างไร. กรุงเทพมหานคร : เพื่อนพิมพ์ จำกัด,๒๕๓๐.
อรทัย วิมลโนธ. สารภาษาไทย. สมาคมครูภาษาไทย สถาบันภาษาไทย กรุงเทพมหานคร : จิรรัช
การพิมพ์, ๒๕๔๗.
โอ้โห กลยุทธเพียบเลยครับ อย่างนี้ไม่เก่งก็ไม่ได้การแล้วครับ เด็กต้องเก่งให้ได้ ไม่อย่างนั้นเสียชื่อครูิอิ๊ดหมดเลย