อ้อมเชื่อว่าทุก ๆ คนย่อมมีฝัน แล้วแต่ว่าฝันของใครจะเป็นอย่างไร และเป็นจริงได้หรือไม่ และเชื่อว่าหากเราไม่ท้อและไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งต่าง ๆ วันหนึ่ง (สักวันหนึ่ง) ฝันของเราก็ย่อมเป็นจริงได้ เช่นเดียวกับเด็กเลี้ยงแกะที่ชื่อซานติเอโก
ซานติเอโกเป็นเด็กชายธรรมดาคนหนึ่งที่เริ่มด้วยการแหกกฏของทุกสิ่งทุกอย่าง พ่อของเขาตั้งความหวังให้เขาได้เป็นพระภายในหมู่บ้าน แต่สิ่งที่เขาทำคือ บอกพ่อเขาว่าเขาอยากเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ อยากรู้ว่าโลกภายนอกที่นอกเหนือจากเมืองเล็ก ๆ นี้ เป็นเช่นไร และพ่อของเขาก็ยอมโดยการซื้อแกะให้เขาฝูงหนึ่ง เพราะผู้ที่จะสามารถเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ได้ นั้น คือคนเลี้ยงแกะเท่านั้น
แต่เมื่อเขาเลี้ยงแกะได้พักหนึ่งเขาได้นอนหลับและฝันว่าในอีกซีกโลก ที่ พีระมิดเขาจะเจอทรัพย์สมบัติมากมาย เขาเชื่อว่าความฝันของเขาจะเป็นจริง เขาจึงเดินทางไปยังพีระมิดตามที่ฝัน เพื่อตามหาทรัพย์สมบัติ
ระหว่างทางที่เดินทางไปนั้นได้เจอกับคนเยอะแยะมากมาย หลายชาติหลายภาษา หลายวัฒนธรรม แต่เขาก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ในดินแดนที่แตกต่างนั้นได้หลายปี เพราะแม้ว่าเขาจะมีความแตกต่างในหลาย ๆ ด้าน แต่เขาก็สามารถสื่อสารกันได้ด้วยใจนั่นเอง
ในระหว่างเดินทางซานติเอโกได้เจอกับเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และที่สำคัญเขาได้เรยนรู้ว่าความฝันไม่จำเป็นต้องเป็ฯจริงเสมอไป เพระาสำหรับบางคนแล้วความฝันคือสิ่งที่ใช้หบ่อเลี้ยงจิตใจให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้ หากวันใดความฝันเป้ฯจริง ชีวิตก็ย่อมไม่มีอะไรจะต้องอยู่ต่อไป
ในที่สุดแล้วซานติเอโกได้ไปถึงพีระมิดที่เขาฝันไว้ว่ามีสมบัติ แต่ไม่มีสมบัติที่นั่น เขากลับพบโจรที่หัวเราะเยาะเขาว่าเชื่อในสิ่งที่ไม่ป็นความจริง เพราะตัวโจรเองก็เคยฝันว่าจะเจอสมบัติที่ในโบสถ์ร้างแห่งหนึ่ง
ซานติเอโกจึงได้รู้ว่าที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นเขาดั้นด้นมาอย่างไร้เหตุผลทั้ง ๆ ที่สมบัตินั้นอยู่ที่โบสถ์ที่เขานอนฝันนั่นเอง
แม้ว่าซานติเอโกจะเดินทางไปไกลมาก แล้วต้องกลับมาเอาสมบัติตรงจุดเริ่มต้น มันดูเหมือนเสียเวลาแต่จริงๆ แล้ว ทุกย่างก้าวที่ซานติเอโกเดินทางไปนั้น ล้วนเป็นก้าวที่ให้ซึ่งบทเรียน การเรียนรู้ต่าง ๆ ในชีวิต ถ้าเขาไม่ได้เดินทางไปเขาก็ไม่รู้ว่าในโลกใบนี้มีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่น่าสนใจ
ไม่มีความเห็น