หายหน้าไปหลายวัน เพราะมีภาระทั้งการเรียน การสอบ และงานบริการสังคม ชุมชนตามประสา วันนี้สอบเสร็จอันเป็นภาระที่ตนเองทำอยู่ ทั้งในหน้าที่การสอนก็ตรวจข้อสอบเสร็จเป็นที่เรียบร้อย สบายใจยิ่งนัก ตจึงขอเล่าเรื่องวัดหมูบุ่นต่ออีกเล็กน้อย
เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา พระมหาสง่าพร้อมเพื่อน ๆ ที่ร่วมมือร่วมใจกันมี ดร.เกรียงไกร เกิดศิริ คุณพิทยา คุณพัชรินทร์ กับอีกหลายชีวิต ได้ไปร่วมงานวางฤกษ์ในการสร้างวัดหมูบุ่นมา
ฝ่ายพระสงฆ์มีหลวงพ่อพระเทพวรสิทธาจารย์ รองเจ้าคณะภาค ๗ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพ เป็นประธาน
ทางฝ่ายบ้านเมืองก็มีท่านอธิบดี กรมปศุสัตว์ มาเป็นประธาน พร้อมคุณบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ ในวันนั้นท่านอธิบดีได้กล่าวว่า "ท่านเพิ่งทราบจากหลวงพ่อว่า ในพื้นที่เมืองเจ็ดลินนี้ มีวัดร้างอยู่ และเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่หลวงพ่อปรารภที่จะฟื้นฟูวัดแห่งนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นสถานที่ศึกษา ปฏิบัติธรรม บ่มเพาะจิตวิญญาณของปวงชน ท่านอธิบดีในนามของ กรมปศุสัตว์ และมหาวิทยาลัยที่ใกล้ชิด โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยราชมงคลมีความยินดี และขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะสนับสนุนเพื่อให้วัดนี้สำเร็จตามเจตนารมย์ของคณะสงฆ์สืบต่อไป
ที่สำคัญหลวงพ่อมีความปรารถนาที่จะนำพาคณะสงฆ์ ศรัทธา ประชาชนทั้งหลายร่วมแรง ร่วมใจกัน สร้างวัดแห่งนี้ขึ้น
๑. เพื่อสืบสานจิตวิญญาณของบรรพชน
๒. เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เสริมบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๓. เพื่อประดิษฐานพระแก่นจันทร์
๔. เพื่อเป็นแหล่งศึกษา เรียนรู้ ถ่ายทอดความรู้ด้านพุทธศิลป์ของท้องถิ่น
๕. เพื่อเป็นศูนย์รวมใจของศาสนิกชนทั้งหลายสืบไป
อาจารย์ ดร.เกรียงไกร เกิดศิริ ม.ศิลปากร หัวหน้าทีมงานออกแบบวัดหมูบุ่น
(โชติกุนสุวรรณาราม สัตตธารานคร เชียงใหม่)
อ.จำเหลาะ สมจิตต์ คุณครูผู้เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของวัดหมูบุ่น ของเวียงเจ็ดลิน และเฝ้ารอคอยมากว่า ๕๔ ปี ด้วยหวังว่า วันหนึ่งวัดและเวียงแห่งนี้จะฟื้นกลับคืนมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
ทีมงานกำลังดำเนินงาน ก้าวไปอย่างช้า ๆ ก้าวหน้าอย่างไรจะได้นำมาบอกเล่าต่อไปครับ
ช่วยเวียงเจ็ดลินด้วย
ผมพบหลักฐานที่สำคัญว่าเวียงเจ็ดลินที่เชียงใหม่คือแอตแลนติสในงานเขียนของเพลโต้ครับ ผมพร้อมที่จะเสนอหลักฐานเหล่านั้นทุกเมื่อครับ แต่ขณะนี้เวียงเจ็ดลินกำลังถูกคุกคามอย่างหนักครับ
สัญลักษณ์ทรงกลมเชิงดอยสุเทพ
การพัฒนาสัญลักษณ์ทรงกลม(เวียงเจ็ดลิน ?)เป็น “ความเสื่อมสลายทางจิตวิญญาณ” เป็น “กระบวนการทำให้เป็นเชิงพาณิชย์ทั้งระบบ” ที่ถือว่าเป็นการปล้นทรัพย์สินทางปัญญาของบรรพชนเพราะว่านั่นเป็นการเอามาทำกำไรส่วนตัว ซึ่งเห็นว่าเป็นการ “ทำลายบรรพชน” และ “ทำลายจิตวิญญาณ” ทางสังคม แน่นอนว่าในขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมใหม่เห็นว่า ทุนนิยมเป็นมหันตภัยอันร้ายกาจกรณีของการทำสัญลักษณ์ทรงกลม(เรียกกันว่าเวียงเจ็ดลิน ?)ให้เป็นเวียง ก็อาจมีข้อควรตำหนิอยู่บ้าง แต่ถามว่าเอาเข้าจริงแล้วจิตวิญญาณของบรรพชนโดยแก่นแท้นั้นคืออะไร สำหรับผู้เขียนเห็นว่ามันเป็นแนวความคิด ไม่ใช่รูปแบบ ดังนั้นการอ้างว่าพัฒนาเวียงนั้น อาจไม่จริงแต่การก้าวล่วงพื้นที่ของสัญลักษณ์ทรงกลม โดยการนำเอาฟังก์ชั่นสาธารณะแบบทางโลกย์มาใช้นั้นในเชิงลำดับศักดิ์ และคุณค่าแบบผังเมืองแล้ว นั่นคือปัญหาแน่ๆสิ่งที่ กระทำ(โครงการพัฒนาเวียงเจ็ด
ลินงบประมาณ 300 ล้านบาท) ได้ทำการตบหน้านักอนุรักษ์นิยมทั้งหลายอย่างไม่ตั้งใจด้วยการจี้จุดไปส่วนที่สำคัญที่สุดของเขา นั่นคือ “ความศักดิ์สิทธิ์” ที่ในโลกสมัยใหม่นับวันจะถูกทำให้กลายเป็นเรื่องทางโลกมากขึ้นทุกที
พูนทรัพย์ วงศาศุกลปักษ์
เลขานุการศูนย์มานุษยวิทยาชาติพันธุ์เวียงเจ็ดลิน
0845048755