๑. คุณค่าทางด้านเนื้อหา
๑.๑ แนวคิด/แก่นเรื่อง
เรื่องพระสุธนคำฉันท์ มีเนื้อเรื่องที่เหมือนกับสุธนชาดกในปัญญาสชาดก และสุธนชาดกหรือมโนห์ราสำนวนอื่น ๆ ที่มีอยู่ ดังนั้นแล้วด้านแนวคิดหรือแก่นเรื่องจึงเหมือนกับในสุธนชาดก กล่าวคือ แนวคิดของเรื่อง คือ การที่พระสงฆ์รูปหนึ่งบิณฑบาตรอยู่ ได้พบสตรีสาวสวยนางหนึ่งเกิดปฏิพัทธ์ พอกลับจากบิณฑบาตร ก็วางบาตรไว้นั่งก้มหน้าเสียใจ พระสหายเห็นจึงถามแล้วจึงพาไปเฝ้าพระศาสดา พอพระองค์ตรัสว่า ทำไมจึงได้ทำอย่างนี้ ทั้งที่ก็บวชด้วยศรัทธา ละสมบัติมาบวชในพระศาสดา ยังหวนคืนถึงเรื่องสตรีได้ และตรัสถึงเรื่องสตรีว่าเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ ดังเรื่องอดีตที่แม้บัณฑิตในครั้งก่อน เพราะสตรีจึงได้ละทิ้งบิดามารดาราชสมบัติ แม้ชีวิตตนเองก็มิได้คำนึง จนประสบทุกข์มากมาย พระองค์จึงทรงนำอดีตนิทานเรื่องพระสุธนเล่าให้กับภิกษุรูปนี้ฟัง
๑.๒ ตัวละคร
ในเรื่องพระสุธนคำฉันท์มีตัวละครปรากฏในเรื่องอยู่หลายตัวด้วยกัน เช่น พระสุธน นางมโนราห์ พรานบุณฑริก ท้าวอาทิตยวงษ์ นางจันทร ท้าวทุมวงษ์ ฤาษีกัสป ท้าวชมภูจิตร ปุโรหิต เป็นต้น ซึ่งจะกล่าวถึงเฉพาะตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในเรื่อง ดังนี้
๑.๒.๑ พระสุธน
พระสุธน เป็นพระโอรสของท้าวอาทิตยวงษ์ กับนางจันทรเทวี ครองนครอุดรปัญจา มีลักษณะเป็นหนุ่มรูปงาม เห็นได้จากคำกล่าวของพรานบุณฑริกที่ว่า
ควรเปนเกษกามกำนัน นรินทรเทพธรธรรม์
สุธนดิลกจุธา
เฉลิมลักษณ์เทียรทิพเปรียบปรา- กฏิสองโสภา
ประภาคยคือหล่อลำเพิง
เสมอจันทราทิตยงามเงา ดุจดวงมณีเนา
วรัตนเรืองรองทอง
(พระสุธนคำฉันท์, ๒๕๑๖, หน้า ๔๒)
จากบทประพันธ์ข้างต้นจะเห็นได้ว่าพระสุธนมีความงามดังเทพบนสรวงสวรรค์ ซึ่งทำให้เห็นถึงภาพความงามของพระสุธนมากขึ้น
๑.๒.๒ นางมโนราห์
นางมโนราห์ เป็นธิดาของท้าวทุมวงษ์ นางเป็นหญิงที่มีความงดงามมากซึ่งกวีได้เปรียบความงดงามของนางมโนราห์ดั่งองค์พระอุมา ดังตัวบทที่ว่า
ยลลักษณวิไลยลาญทรวง ภักตร์เพ็ญเดือนดวง
อันจรูญจำรัสอาภา
คิ้วค้อมส่งสุดหางตา ศรเนตรกามา
คือศรพกามเนียรนิล
เสาวภาคลอองค์เอี่ยมอิน - ทรีย์ทิพยุพิน
ดั่งองค์อุมามาเปน
นางมโนราห์มีความเฉลียวฉลาดและปฏิภาณไหวพริบดี ดังตัวบทที่ว่า
แม่นแท้ข้าจักเมือมรณ์ ขอเอาอาภรณ์
สำหรับประดับตัวตาย
(พระสุธนคำฉันท์, ๒๕๑๖, หน้า ๑๐๗)
๑.๒.๓ พรานบุณฑริก
พรานบุณฑริกเป็นชาวนครอุดรปัญจาที่มีลักษณะจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน มีสิ่งใดที่ว่าดีก็จะนำไปถวายนายของตน และลักษณะที่เห็นได้จากเรื่องตอนหนึ่งก็คือ เมื่อพรานบุณฑริกเห็นนางมโนราห์ก็เกิดความใคร่ ดังบทที่ว่า
บุณฑริกกรันจวนใจกาม เลงลาญแลตาม
ระเทาระทดใจถวิล
แดดาลระด่าวดิ้นโดยจินต์ ผิวมีปีกบิน
จะโบยไปโดยบทจร
อาไลยลันลุงอาวรณ์ เศร้าโทรมทรวงทอน
มนัศกลุ้มกลางใจ
(พระสุธนคำฉันท์, ๒๕๑๖, หน้า ๒๕-๒๖)
๑.๒.๔ ท้าวอาทิตยวงษ์
ท้าวอาทิตยวงษ์เป็นกษัตริย์ครองนครอุดรปัญจา เป็นพระบิดาของพระสุธน ซึ่งในเรื่องได้กล่าวถึงลักษณะความเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ดังบทที่ว่า
ราชาธิราช อดิศรธเรศตรี
อาทิตยวงษ์ดี- ลกราชภูธร
ครองมิ่งมไหสูรย์ สุรศักดิฦาขจร
ในบูรพนคร อุดเรศปัญจา
เสนาคณานี- กรราชแสนยา
แสนเสวกานา ยกยุทธโจษจล
นานพนากร ปฏิพลสพราศพล
สามรรถราญรณ อริราชสยบแสยง
พลคชคือคช สิหราชเริงแรง
สินธพดาลแสดง ดุลเดชรณภู
พลรถจำรูญรัตน ชำนิอัศวสินธู
ยานยุทธไพร ปรปักษยากปอง
(พระสุธนคำฉันท์, ๒๕๑๖, หน้า ๔)
จากบทประพันธ์ข้างต้นจะเห็นได้ว่าท้าวอาทิตยวงษ์เป็นกษัตริย์ที่ทรงชำนาญในทางการสงคราม เป็นที่โจษจันของอริราชศัตรูและเทียบเทียมได้
๑.๒.๕ ปุโรหิต
ปุโรหิตแห่งนครอุดรปัญจาเป็นตัวละครที่มีลักษณะเด่นอีกตัวหนึ่ง กล่าวคือ เป็นตัวละครผ่ายปรปักษ์ที่เพิ่มสีสันให้กับเรื่องได้เป็นอย่างดี ซึ่งลักษณะของปุโรหิตนั้นมีใจริษยา กล่าวมุสา ดังบทที่ว่า
โหรากล่าวลักษณา โดยมานมายา
ประทุษฐโทษผูกพัน
หวังมล้างลูกไททรงธรรม์ ด้วยรังเกียจกรรม์
ก็ทูลอำเภอโดยเดา
และ
ปโรหิตทูลแด่ราชา โดยใจริศยา
ก็กล่าววะจีกระลำภร
ผิวจักบรรเทาอันดร ธานโทษเมือมรณ์
ให้พ้นในเงื้อมมฤตยู
จะกอบกฤษดิกาโดยบู ราณราชเรียนครู
เพทางค์ปกรณคัมภีร์
ตั้งบรรยายจิตรพิธี บูชาพลี
สการถ้วนทุกอัน
(พระสุธนคำฉันท์, ๒๕๑๖, หน้า ๙๖-๙๗)
จากบทประพันธ์ข้างต้นจะเห็นได้ว่าปุโรหิตกราบทูลความเท็จในการทำนายฝันของนางจันทรเทวี ซึ่งสงผลร้ายต่อนางมโนราห์ ทำให้นางต้องถูกนำไปประกอบพิธีบูชายัญ
๑.๒.๖ ท้าวทุมวงษ์
ท้าวทุมวงษ์เป็นบิดาของนางมโนราห์ ในเรื่องจะเห็นถึงความรักที่พ่อมีต่อลูกได้จากตัวละครนี้ดังบทที่ว่า
ทูลพลางๆพาษปธา- ราราชธิดา
ก็แสนกำสดบมิวาย
สองท้าวสดับดุจตนตาย จระลึงลาญสลาย
สวาสดิคือศรเสียบใจ
แม้นมารมจุราชอันไกร เด็ดเอาหไทย
บทันจะสึกสมประดี
ท้าวทอดองค์อาตมินทรีย์ ยอกรทุ่มตี
กระทุ่มอุระประมาณ
(พระสุธนคำฉันท์, ๒๕๑๖, หน้า ๓๔-๓๕)
จากบทประพันธ์ข้างต้นจะเห็นได้ว่าท้าวทุมวงษ์เมื่อทราบว่านางมโนราห์ถูกพรานบุณฑริกจับตัวไปก็เศร้ากำสรด ดังใครมาเด็ดเอาหัวใจไป
อ้างอิง
อิศรานุภาพ, พระยา. (๒๕๑๖). พระสุธนคำฉันท์. กรุงเทพ:ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์.
ไม่มีความเห็น