KM ที่รัก ตอนที่ 20 "ถกทฤษฎีทันสมัยนิยมกับทฤษฎีการพัฒนาแบบพึ่งพา


ข้อโต้แย้งที่น่าสนใจ

              หลังจากที่นักศึกษาทุกคนไปศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวกับ ทุนนิยม ทันสมัยนิยม และการพัฒนาแบบพึ่งพา เช่นทฤษฎี ทันสมัยนิยม ทฤษฎีการพัฒนาแบบพึ่งพา ทฤษฎีพึ่งพา บทเรียนจากละตินอเมริกา และปรัชญา ข้อถกเถียง ของระบบทุนนิยม  อ. กนกวรรณ ทำหน้าที่ เป็นคุณอำนวย ให้เกิดเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในประเด็นหลักการ  ข้อสังเกตุ และข้อโต้แย้ง ตลอดจนข้อเสนอแนะ ที่เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย

              การถกเถียงแลแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นไปอย่างสนุก ตื่นเต้น เข้มข้น จนบางครั้งก็ใช้ความคิดของตัวเองมากกว่าทฤษฎี ซึ่งคงจะต้อง ระมัดระวัง ในการแสดงความคิดเห็น    ในเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครั้งนี้ทำไห้เราใด้ความรู้หลายประเด็นเช่นลักษณะตัวตนของ "ทุนนิยม "  จะมีลักษณะ เป็นปัจเจกบุคคล / ให้ความสำคัญกับเงินเป็นหลัก / เดินหน้าไปแล้วกลับไม่ได้ / ในขณะเดียวกันรัฐก็มีหน้าที่จะต้อง ออกกฎระเบียบ เพื่อสนับสนุนไห้เกิดการลงทุนให้ได้

               อีกประเด็นหนึ่งที่ได้คือ ทฤษฎีทันสมัยนิยม มีรากฐานมาจากความคิดของกลุ่มนิกายโปแตสแตน  ที่มีแนวความคิดว่าในที่สุดแล้วการมีสังคมแบบ ทันสมัยนิยมจะทำให้เกิดสังคมที่ดีที่สุดขึ้นมา ซึ่งก็เป็นการทำเพื่อพระเจ้านั่นเอง ลักษณะความเชื่อและพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดทุนนิยมคือ

                  1. การทำงานให้หนัก ขยันให้มากและที่สำคัญต้องอดทน

                   2. มีระบบการคิดแบบมีเหตุมีผลก็คือ การวิจัยนั่นเอง

                   3. มีลักษณะเป็นปัจเจกบุคคลสูง มากเพราะเชื่อว่าถ้าบุคคลมีเพียงพอ สังคมก็จะดีเอง

                    ความคิดเหล่านี้เป็นเพียงความคิดของคนกลู่มหนึ่งเท่านั้นและทุกคนในโลกนี้ก็มีความคิดความเชื่อเป็นของตัวเองและก็สมควร เคารพในความคิดของคนอื่นด้วยครับ

หมายเลขบันทึก: 39503เขียนเมื่อ 18 กรกฎาคม 2006 16:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 22:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

แล้วพี่พงษ์ล่ะครับคิดว่า....

ตอนนี้พี่พงษ์ มีความเชื่อแบบข้อไหน

ตอนหน้าพี่พงษ์ จะไปทำงานกับชุมชน จะนำความเชื่อแบบไหนเขาไปทำงานกับเขา

ตอนต่อไป จะนำความเชื่อไหนมาทำกับครอบครัวเรา

จะทำอย่างไรดีกับเราและเขากันดีครับ

ตอบคุณ ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ

               มีคำพูดหนึ่งที่น่าคิดตามมากคือ "ปัญหาในปัจจุบันไม่สามารถแก้ได้ด้วยวิธีการวิธีคิดแบบเก่าๆได้" ในความเชื่อโดยส่วนตัวแล้ว มนุษย์ทุกคน มีศักศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน(โดยธรรมชาติ)และมนุษย์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และสรรพสิ่งเท่านั้นเอง  เราจะทำอะไรก็ตามต้องคำนึงถึงเรื่องนี้เป็นสำคัญ  การที่เราอยากเห็นอะไรสักอย่างหนึ่งที่ชัดเจนขึ้น เราต้องดึงตัวเองออกมาจากจุดยืนเดิมๆ ที่เราคุณชิน มาเป็นจุดยืนหรือมุมมองใหม่ที่ต่างจากความคุ้นชินเดิมๆ ที่เขาใช้คำว่า กระบวนทัศน์ใหม่  การมองแบบนี้จะทำให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆรวมทั้งตัวเราได้ชัดขึ้น และจะสามารถเข้าใจในแนวความคิดที่ว่า ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน ..... เมื่อนั้นคุณปภังกร  ก็จะตอบคำถามทั้งหมดที่คุณถามมาด้วยตัวของคุณเอง..ครับ

เพิ่มเติมครับคุณศิริพงษ์

         มีอีกคำพูดหนึ่งที่น่าคิดตามมากก็คือ "ปัญหาในปัจจุบัน สามารถแก้ไขปัญหาด้วยวิธีที่ที่เก่าที่สุด ธรรมดาที่สุด และง่าย" ที่สุด แก้โดยไม่ต้องแก้ แก้โดยธรรมชาติ ปัญหาเกิดที่คนให้คนแก้ ปัญหาเกิดที่ทฤษฎีให้ทฤษฎีแก้ ปัญหาเกิดที่สังคมให้สังคมแก้ ปัญหาเกิดที่สิ่งใดแก้ที่สิ่งนั้นและนำสิ่งเหล่านั้นมาแก้ไขด้วยตัวของมันเอง

          คุณศิริพงษ์ เคยได้ยินไหมครับ แล้วคุณศิริพงษ์คิดกับคำพูดนี้อย่างไรบ้าง

       มีอยู 2 แนวทางให้เลือก

                     1.  การแก้ปัญหาโดยการพึ่งพิง

                     2. การแก้ปัญหาโดยการพึ่งพา

                                คุณได้สิทธิ์นั้นทันที...ครับท่าน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท