ชีวิตคนทำงานกลางทะเล (Offshore @ Gulf of Thailand) ตอนที่ 11 รีวิวเที่ยวสิงคโปร์ไม่ง้อทัวร์ภาควันหยุดทำงาน อีกซักครั้ง


วางแผนเที่ยว...สร้างแรงจูงใจในการทำงานกันดีกว่า

                จริงๆ เรื่องที่จะเขียนก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องชีวิตคนทำงานกลางทะเลซักเท่าไหร่ แต่...แต่...แต่ว่าสิ่งนี้มันเหมือนเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น มีความสุขกับการทำงานมากขึ้น อย่างน้อยที่สุดงานที่ออกมาก็น่าจะดีกว่าทำงานด้วยความเบื่อหน่าย เรื่อยๆ เช้าชามเย็นชาม ไม่มีความกระตือรือร้น และสิ่งที่จะช่วยให้ฉันลดอาการดังกล่าวลงได้ ก็คือการสร้างแรงจูงใจให้กับตนเอง เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนตัวเองให้ทำงานอย่างมีความสุข กระตือรือร้นที่จะทำงาน ก็คือ...........เที่ยว...เที่ยว...นั่นเองค๊า การท่องเที่ยวเป็นความสุขอย่างหนึ่งของฉัน มันเป็นเหมือนสิ่งที่เติมพลังให้กับตัวเอง ยิ่งได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ที่รู้ใจ ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่ ฉันโชคดีที่มีกลุ่มเพื่อนที่มีความคิดคล้ายๆ กัน ก็เลยเหมือนมีคนมาร่วมอุดมการณ์ด้วย เข้าเรื่องเลยดีกว่าเนอะ ทริปล่าสุดที่ไปมานี้คือ “เที่ยวสิงคโปร์ ไม่ง้อทัวร์ แต่ง้อลุง Google” สโลแกนหนึ่งอย่างของกลุ่มเที่ยวของเราก็คือ “เน้นประหยัด” อย่างทริปสิงคโปร์ที่เกิดขึ้นได้นี้ก็เพราะสายการบินไทเกอร์แอร์เวย์ทำโปรโมชั่น เพื่อนฉันก็เลยจองตั๋วไปกลับ หาดใหญ่-สิงคโปร์ ได้ในราคา 3,410 บาทต่อคน สรุปว่าที่เลือกไปสิงคโปร์เพราะมีตั๋วถูก อ่ะหลังจากได้ตั๋วถูกล่ะ คราวนี้ก็มาถึงเรื่องจำนวนคนที่จะไป ไปน้อยคนก็ไม่สนุก หลายๆ คนซิถึงจะเฮฮาปาร์ตี้ ฉันก็เลยเอ่ยปากชวนเพื่อนรักคนหนึ่งว่า “ไปเที่ยวสิงคโปร์กันมั๊ยช่วงวันที่ XXX” เธอตอบกลับมาว่า “ไม่แน่ใจว่าจะไปได้มั๊ย เพราะอาจจะต้องเข้าอบรมช่วงวันที่ไปเที่ยว” ฉันก็เลยบอกว่า “ไปเหอะนะ นะ อยากให้ไปด้วย ถ้าไม่ไปฉันจะสาปให้เธอไม่มีแฟนไปตลอดชีวิต” โอ้โห...ได้ผลแฮะ วันรุ่งขึ้นเธอตอบกลับมาว่า “จองตั๋วได้แล้วนะ บินจาก กทม-สิงคโปร์ ไว้เจอกันที่สนามบินที่สิงคโปร์นะ” สรุปว่าทริปนี้มีคนร่วมอุดมการณ์ทั้งหมด 4 คนค่ะ 1 คนจากเพชรบูรณ์ 1 คนจากพังงา และ 2 คนจากหาดใหญ่ เพื่อนจากพังงานั่งรถทัวร์มาขึ้นเครื่องบินที่หาดใหญ่ ฉันต้องไปรับเพื่อนลงจากรถทัวร์ตอนตี 3 ก็ไปแบบมึนๆ นั่นแหละ เพราะคืนนั้นกว่าจะข่มตาหลับลงไปได้ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่าแล้ว

                วันแรกเดินทางด้วยอาการสโหลสเหล เพราะนอนไม่พอ ณ สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ ด้วยความที่ไม่เคยเดินทางออกต่างประเทศจากสนามบินหาดใหญ่เลย เราทั้ง 3 คนก็เดินเข้าช่องผู้โดยสารเดินทางภายในประเทศ เพราะคิดเอาเองว่าเกตส์ (Gate) มันน่าจะเชื่อมต่อถึงกัน เพราะสนามบินหาดใหญ่มีอยู่ไม่กี่เกตส์เอง หลังจากเข้าไปนั่งรอในห้องผู้โดยสารก็รู้สึกทะแม่งๆ เอ้...ทำไมไม่เห็นด่าน ตม.ตรวจคนเนี่ย เง็งจัง ก็เลยหันไปถามเพื่อนว่า “เราเข้ามาถูกที่หรือเปล่าเนี่ย” เพื่อนฉันตอบกลับมาว่า “ถูกซิ เดี๋ยวก่อนขึ้นเครื่องคงมีคนตรวจตอนทางออกแหละมั้ง” ด้วยความที่ไม่แน่ใจ บวกกับความฉลาดและไหวพริบส่วนตัว (อิๆๆ) ฉันก็เลยออกไปถามเจ้าหน้าที่ ผลปรากฎว่าเราทั้ง 3 คนเข้าด่านผิดค๊า โน่น...ทางเข้าผู้โดยสารอยู่อีกทางหนึ่งโน่นเลย เอ้า............ย้ายกันไปอีกทาง ด่านตม.ที่หาดใหญ่ใช้เวลาแป๊บเดียวเองค่ะ เพราะว่าผู้โดยสารไม่เยอะ หลังจากเราเข้าไปนั่งรอเครื่องบินในห้องผู้โดยสารเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินเข้ามาหาเรา ถามเราว่า “ขอโทษนะคะเป็นคนไทยใช่มั๊ยคะ จะเดินทางไปสิงคโปร์ไปหางานทำหรือเปล่าคะ” พวกฉันจึงตอบกลับไปมา “เปล่าค่ะ ไปเที่ยวค่ะ” เจ้าหน้าที่ต้องการให้เรากรอกแบบฟอร์มว่าไปทำอะไรที่สิงคโปร์ ไปกี่วัน พักที่ไหน ด้วยความสงสัยว่าเจ้าหน้าที่จะสนใจไปทำไมว่าฉันจะไปทำอะไรที่ไหน ก็เลยถามเจ้าหน้าที่กลับไปว่า “ขอโทษนะคะ ทำไมต้องกรอกแบบฟอร์มนี้ด้วยคะ” เจ้าหน้าที่ตอบกลับว่ามา “เมื่อเร็วๆ นี้คนไทยถูกส่งกลับประเทศหลายคน เพราะเดินทางไปหางานทำในสิงคโปร์โดยผิดกฎหมาย)” ฉันก็ อ๋อ.........ในใจ อย่างนี้นี่เอง เห็นว่าพวกเราสวยล่ะซิ เลยมาถาม ฮ่าๆๆๆ

                จากหาดใหญ่ – สิงคโปร์ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. เศษๆ ค่ะ เวลาสิงคโปร์เร็วกว่าเวลาในประเทศไทย 1 ชม. ค่ะ เอาล่ะมาถึงสนามบินสิงคโปร์แล้ว ผ่านด่านตรวจ ตม.ที่สิงคโปร์ เจ้าหน้าที่หน้าบึ้งมาก ไม่ค่อยยิ้มแย้มเท่าไหร่เลย หลังจากหลุดจากด่านตรวจมาได้ มีเจ้าที่สนามบินคนหนึ่งวิ่งมาหาพวกเราอีกแล้ว เธอมาสอบถามความพึงพอใจของการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่สนามบิน พวกเราให้คะแนนที่ระดับปานกลาง ยกเว้นข้อเดียวที่เพื่อนของฉันให้คะแนนต่ำสุดคือ Smiling การยิ้มแย้ม” ค่ะ หวังว่าคงจะเอาไปปรับปรุงนะคะ พอพวกเราออกมาถึงทางออก ฉันก็มองซ้ายแลขวาหาเพื่อนอีกหนึ่งคนที่บินมาจากกทม ตอนแรกฉันนัดแนะกับเธอว่า “เจอกันศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ตู้แดงๆ นะ” แต่เธอบอกว่า “เอางี้ละกันเจอกันที่สายพานรับกระเป๋าดีกว่า เราถึงก่อนประมาณ 20 นาทีเดี๋ยวเราไปหาเธอเอง” ตั้งแต่รับกระเป๋าจนมาถึงทางออกก็ยังไม่เห็นวี่แววเพื่อนสาวคนนี้เลย มันไปอยู่ไหนวะเนี่ย...ก้มมองดูนาฬิกาเลยเวลานัดมาเกือบชม.ล่ะ ชักสงสัยว่าเธอไปอยู่ที่ไหน ก็เลยไปถามเจ้าหน้าที่ที่สนามบินบอกรายละเอียดเขาไปว่า “ฉันบินมาคนละไฟล์กับเพื่อน เพื่อนฉันลงก่อนแล้ว แต่ยังหากันไม่เจอเลย” แล้วก็บอกว่าเพื่อนบินมากับสายการบินแอร์เอเชีย ไฟล์ XXX เจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่า “คุณต้องไป Terminal 1 แล้วล่ะ ตอนนี้คุณอยู่ที่ Budget” เราก็เกิดอาการ..เหวอ....อารายเนี่ย งง หลังจากตั้งสติได้แล้วทราบว่าสนามบินสิงคโปร์ชางงีมันมีเครื่องลงที่ Terminal 1, 2, 3 and Budget อ้าว...ตายแล้ว...เวรกรรม...แล้วจะทำยังไงเนี่ย ทั้งเราและเพื่อนก็ไม่ได้เปิด Roaming โทรต่างประเทศด้วยซิ แล้วจะติดต่อกันได้ยังไงเนี่ย ป่านนี้แล้วไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ด้วยความที่ประเมินศักยภาพเพื่อนสาวคนนี้ผิดไปว่าไม่น่าจะออกมาตามหาเราถึง Budget ได้ เพราะมันอยู่ห่างจาก Terminal 1 มาก พวกเรา 3 คนก็เลยชวนกันไปตามหาเธอ จาก Budget ต้องนั่งรถบัสไป Terminal 2 และต่อด้วย Sky Train จึงจะถึง Terminal 1 มาถึงล่ะ คนเยอะจัง จะหากันยังไงเจอเนี่ย เอาวะ ให้เจ้าหน้าที่ประกาศให้ละกัน หลังจากติดต่อเจ้าหน้าที่ให้ประกาศตามหาคนอยู่ซักพัก ก็ไร้วี่แววคุณเธอ เพราะฉะนั้นฉันจำเป็นต้องปล่อยเธอไปแล้วละนะ ตัวใครตัวมันละกัน เจอกันที่โรงแรม โชคดีเพื่อนรัก

                พวกเราเดินทางจากสนามบินไปโรงแรม Fragrance Emerald ย่าน Geylang โดยรถไฟฟ้าค่ะ ค่าโดยสารจากต้นทางถึงสถานีปลายทาง Kallang เสียค่าเดินทางไป 1.8 SGD อ่ะถึงปลายทางล่ะ คราวนี้ก็หาทางไปโรงแรมละกัน ไปทางไหนดีหว่า...ว่าแล้วก็พกโพยของพี่วุฒิพี่เคทออกมาดู ว่าจะเดินทางไปโรงแรมนี้ได้อย่างไร พี่วุฒิแนะนำว่ามี 4 วิธีด้วยกัน อ้าววววววววว เวรกรรมแล้วล่ะซิ พรินซ์มาแค่วิธีเดียวคือ “เดิน” วิธีอื่นๆ ไม่ได้พรินซ์มาด้วยซิ พี่เขาบอกว่าวิธีเดินเป็นวิธีที่เหมาะกับกะเหรี่ยงที่ยังมึนตึ้บ (เข้มแข็งและแข็งแรง) เอาก็เอาวะ เป็นกระเหรี่ยงซักวันจะเป็นไรไป เราก็เดินทางตามโพยที่พี่เขาเขียนไว้ เลี้ยวโน้นนี่นั่น เห็นนี่นั่นโน้น ร้อนก็ร้อน กระเป๋าก็หนัก เมื่อไหร่จะถึงซักทีนะ เพื่อนอีกสองคนก็บ่นไปตลอดทาง ในที่สุดก็เห็นป้ายโรงโรม น้ำตาไหลพราก ถึงซะที (ลืมบอกไปว่าที่มาพักโรงแรมนี้เพราะไปอ่านที่เว็บพี่วุฒิกับพี่เคทมาค่ะ พี่เขาแนะนำว่าถูกและดีตามลิงค์นี้เลยค่ะ  

http://www.wutkatefanclub.com/webboard/webboard/viewtopic.php?f=6&t=1723&start=0) เอาล่ะมาถึงโรงแรม เช็คอินเข้าห้องเรียบร้อยล่ะ แต่ฉันยังไม่มีความสุขซะทีเดียว เพราะใจยังพะวงห่วงเพื่อนอีกคนหนึ่งอยู่ จะมาโรงแรมเองถูกมั๊ยหนอ ป่านนี้แล้วยังไม่โผล่มาโรงแรมอีก เอาไงดีเนี่ย ว่าแล้วก็โทรไปหาน้องชายคุณเธอที่เมืองไทย ให้เปิด Roaming ให้พี่สาวหน่อย เผื่อจะติดต่อกันได้ และแล้วช่วงนั้นเองโทรศัพท์ในห้องดังกริ๊งงงงงงงงงงงง โอ๊ะ โอ เป็นเธอจริงๆ ด้วย วินาทีแรกที่เจอหน้ากัน คุณเธอเดินมาด้วยตาแดงๆ บอกว่า “จะร้องไห้อยู่แล้วเนี่ย บอกให้รออยู่ที่รับกระเป๋า ทำไมไม่รอ” เราก็ตอบกลับไปมา “ก็เห็นเลยเวลานัดมาตั้งนานแล้ว นึกว่ามาไม่ถูก” สรุปได้ว่าในขณะที่พวกเรา 3 คนเดินทางไป Terminal 1 คุณเธอก็เดินทางสวนมาหาเราที่ Budget แล้วก็นั่งรอเราเป็นชม. แล้วก็กลับไป Terminal 1 อีกครั้ง ส่วนเราก็มา Terminal 2 สวนกันไปสวนกันมา เฮ้ออออออออออออออออ กว่าจะเจอกันได้ นี่แหละน๊า การไม่วางแผนศึกษามาก่อนล่วงหน้า จำไว้เลยเป็นประสบการณ์ ฮ่าๆๆๆ

                เอาล่ะ เสียเวลาอารัมภบทมาเสียยืดยาว ได้เวลาไปเที่ยวกันแล้ว เขาบอกว่าถ้ามาสิงคโปร์ก็ต้องมาถ่ายรูปกับสิงโตพ่นน้ำ (Merlion) ถ้าไม่มีรูปตรงนี้ก็เหมือนมาไม่ถึง พวกเราก็นั่งรถแท๊กซี่จากโรงแรมมาค่ะ ระหว่างทางสังเกตได้ว่าบ้านเมืองสิงคโปร์ก็น่าอยู่ดีเหมือนกันนะคะ ดูเหมือนว่าเขาให้ความสำคัญกับการใช้พื้นที่ให้เต็มประสิทธิภาพ ทุกแห่งที่มีพื้นที่ว่าง เขาจะปลูกต้นไม้ จัดแต่งอย่างสวยงาม ให้ปล่อยให้พื้นที่นั้นรกร้าง ขอชื่นชม ณ จุดนี้ค่ะ อ่ะ...โม้เพลินมาถึงแล้วค่ะไฮไลท์ของสิงคโปร์ สิงโตพ่นน้ำ วิว 360 องศาเท่าที่เห็นก็มี ตึกหนามทุเรียน (Esplanade) Singapore Flyer และ Marina bay sands โรงแรมน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ อ้าว ครบหมดแล้วนี่ที่สำคัญๆ ที่ต้องให้มีอยู่ในรูปถ่าย แยกย้ายกันไปคนละมุมสองมุม ใครใคร่ถ่ายก็ถ่าย ใครใคร่ดูก็ดูไป

                คราวนี้ก็มาถึงเรื่องท้องค่ะ ท้องเริ่มจะประท้วงล่ะ ต้องหาอะไรกินซะหน่อยแล้ว พวกเราตกลงกันว่าจะไปหาอะไรกินกันแถวๆ ห้างอะไรซักแห่ง (ขอโทษด้วยค่ะจำชื่อไม่ได้) จำได้แต่ว่าห้างนี้มีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ด้วย ให้อธิษฐานขออะไรก็ได้ จากนั้นให้เรามือแตะน้ำพุ เวียนขวา 3 รอบ แล้วคำอธิษฐานก็จะเป็นจริง

                ณ ที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในเป้าหมายของเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของเรา ไม่รู้ว่าเธอขออะไรน๊า  ถึงได้อยากมาที่นี่เหลือเกิน หลังจากท้องอิ่มก็ได้เวลาช้อปปิ้งของสาวๆ แล้วค่ะ จุดมุ่งหมายของพวกเราคือศูนย์การค้าแถวๆ ย่าน Orchard เป็นแหล่งรวมสินค้าแบรนเนมด์ บางอย่างก็ถูกกว่าประเทศไทย แต่บางอย่างก็ราคาพอๆ กัน หลังจากเดินไปเดินมา สิ่งที่สะดุดตาก็คือร้านขายสินค้าสำหรับผู้ใหญ่ค่ะ มีอยู่เยอะมาก ขายแบบเปิดเผยซะเหลือเกิน เห็นแปลกตาดีก็เลยถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึกซะหน่อย

                ส่วนมากก็จะเดินๆ ดูค่ะไม่ค่อยได้ซื้อเพราะสินค้าแบรนเนมด์แพงเหลือเกิน สิ่งที่สามารถเรียกความสนใจให้เราเข้าไปคุ้ยๆ ดูได้ก็ต้องเป็นแบบป้ายตัวแดงๆ ลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลอะไรประมาณนี้ค่ะ พวกเราได้เสื้อมากันคนละสองสามตัว และสิ่งที่ได้มาอีกอย่างหนึ่งก็คือช็อคโกแลตยี่ห้อรอยด์ค่ะ (ROYCE) เพื่อนที่ไม่ได้มาเที่ยวด้วยกันฝากซื้อ 3 กล่อง เธอบอกว่าเป็นช็อคโกแลตที่อร่อยที่สุดในโลก เธอเคยได้เป็นของฝากจากเจ้านาย เธอบอกว่าอร่อยจนแบบกินไม่เหลือให้มดได้แอ้มกันเลยทีเดียว เราก็สอดส่ายสายตาจนเจอค่ะ แต่คงเอาไปฝากเธอไม่ได้ คนขายบอกว่าระหว่างทางต้องใส่น้ำแข็งแห้งในกล่อง ซึ่งเก็บได้ประมาณ 3 ชม. หลังจากนั้นต้องรีบเก็บแช่ในตู้เย็น ที่โรงแรมก็ไม่มีตู้เย็นซะด้วยซิ ไม่มีทางเลือกจริงๆ อดไปล่ะกันนะ เดี๋ยวชั้นจะกินเผื่อเธอเอง อิๆๆ ซื้อมาหนึ่งกล่อง จะเอามาลองชิมดูซิว่ามันอร่อยแค่ไหน เพื่อนเราถึงได้ปลื้มนักปลื้มหนา ราคากล่องละ 15 SGD ค่ะ คิดเป็นเงินไทยก็ตกราวๆ กล่องละ 360 บาท มีทั้งหมด 20 ชิ้น คืนแรกกว่าจะกลับถึงโรงแรมก็ปาเข้าไปเกือบ 5 ทุ่มแล้วค่ะ และกว่าจะได้กินช็อคโกแลตก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว แต่ละคนก็บ่นๆ กลัวอ้วนๆๆ แต่ก็กินจนหมดในส่วนของแต่ละคน รสชาติเป็นไง? อืม...อร่อยมากค่ะ นุ่ม...แบบละลายในปาก สมราคาคุยของเพื่อนจริงๆ

                คืนแรกนอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ หนวกหูเสียงอาหมวยห้องข้างๆหรือตรงไหนก็ไม่รู้ มากๆเลยค่ะ ไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจชาวบ้านชาวช่องเค้าบ้างเลย คุยอะไรกันก็ไม่รู้ โฉ่งเฉ่ง ฉาวไปหมด อยากจะออกจากห้องไป Sky Kick จริงๆ แต่ก็ต้องทนจนหลับไปในที่สุด

                วันที่สองของทริปค่ะ วันนี้เราจะไปตะลุยทัวร์ที่ Universal Studios Singapore กันค่ะ เพื่อนคนหนึ่งบอกว่านี่แหละคือจุดประสงค์หลักของการมาสิงคโปร์ในครั้งนี้ คุณเธอศึกษาข้อมูลมาว่าต้องจองตั๋วออนไลน์ไว้ก่อนนะ ไม่งั้นอาจจะเสี่ยงไม่ได้ตั๋วหากมาจองหน้าทางเข้า สนนราคาก็ตกคนละ 66 SGD ค่ะ เราจะได้เป็นคูปองอาหาร 5 SGD และคูปองของที่ระลึกอีก 5 SGD กลับคืนมา วันนี้ฝนไม่ตกค่ะและอากาศก็ร้อนมากๆ เลยค่ะ รู้สึกว่าซื้อตั๋วแล้วใช้ไม่คุ้มเลยค่ะ เพราะว่าเขามีเครื่องเล่นให้เล่นเยอะแยะมากมายหลายชนิด แต่เราได้เข้าไปเล่นแค่สองสามอย่างเองค่ะ เหตุผลเพราะ 1. คิวยาว อากาศร้อน ทนรอไม่ไหวค่ะ (เหตุผลของทุกคน) ส่วนเหตุผลข้อที่ 2 เป็นเหตุผลส่วนตัวของอิฉันเองค่ะ ท้องเสียค่ะ ไม่รู้ว่ากินอะไรเข้าไป หรืออาจจะเป็นเพราะว่าท้องไม่รับกับช็อคโกแลตที่อร่อยที่สุดในโลก หรือว่าล้างมือล้างไม้ไม่สะอาดกันแน่ วันนี้ฉันก็เลยอ่อนเปลี้ยเพลียแรงมากค่ะ แต่ก็ต้องทนยิ้มเพื่อความสวยของรูปถ่าย :)

                วันนี้หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จแล้วก็เลยตรงดิ่งกลับโรงแรมค่ะ ไม่ได้แวะไปไหนต่อ เก็บแรงไว้เที่ยววันต่อไปค่ะ พวกเรานั่งรถไฟฟ้ากลับสถานี Kallang อีกครั้ง วันนี้เหนื่อยค่ะ เลยไม่อยากเดินกลับโรงแรมแล้ว หารถนั่งไปดีกว่า รู้ทั้งรู้นะคะว่ารถแท๊กซี่ที่นี่จะไม่จอดรับผู้โดยสารนอกป้าย (อาจจะมีบ้างแต่น้อยคัน) แต่ก็ยังลองเสี่ยงโบกรถดู โบกจนมือห้อยแล้วค่ะ ไม่จอดซักกะคัน ไม่ไหว...ตัดสินใจ...วันนี้ยอมเป็นกระเหรี่ยงมึนตึ้บอีกซักวันละกันนะ ในที่สุดก็เดินกลับโรงแรมอีกจนได้ค่ะ

                วันที่สามของทริปค่ะ วันนี้เราจะไปเก็บตกสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหลายที่ยังไม่ได้ไป วันนี้เราไป Marina bay sands กันค่ะ วันแรกเห็นไกลๆ แต่วันนี้จะไปให้ถึงที่ล่ะ ที่นี่จะเป็นศูนย์การค้าสินค้าแบรนเนมด์ทั้งหลายแหล่ค่ะ และก็มีคาสิโนด้วย ตอนแรกพวกเราตั้งใจจะเข้าไปเดินดูในคาสิโน (คงไม่เล่นอยู่แล้ว เพราะมีอัฐน้อย) แต่เขาไม่ให้เข้า เพราะว่าพวกเราใส่ร้องเท้าแตะกัน แป่ว...อดเลย... งั้นขึ้นไปชมชั้นบนสุดของส่วนโรงแรมละกันที่เห็นเป็นรูปเรือน่ะ นึกว่าขึ้นฟรี ที่ไหนได้เสียค่าธรรมเนียมคนละตั้ง 20 SGD แพงอ่ะ ขึ้นไปก็ได้แต่ชม ถ่ายรูป ไม่ไหว ไม่คุ้ม ถอยดีกว่า...ไม่เอาดีกว่า...เลยชวนกันไป Little India ดีกว่า ไปหาซื้อของที่ระลึกราคาไม่แพง หลังจากลงจากรถ หาซื้อของที่ระลึกฝากเพื่อนๆ ยังไม่ได้เดินไปไหนเลย เพื่อนๆ ก็ชวนไปที่อื่นต่อแล้ว เพราะว่าทนกลิ่นฉุนไม่หวายยยยยยยยยยย

                พวกเราแวะไป Orchard อีกซักครั้งเผื่อมีอะไรให้ช้อปปิ้ง สังเกตว่าแต่ละคนไม่ค่อยมีอารมณ์จะเดินเที่ยวเท่าไหร่ เพราะต้องหิ้วของที่ระลึกที่ซื้อมาจาก Little India นี่แหละ หนักมากๆ อืม..เหมือนยกดัมเบลไปในตัว ไม่ไหวๆ ชวนกันไป Clarke Quay ดีกว่า วันนี้จะขอดินเนอร์ริมแม่น้ำ กินอาหารอร่อยๆ บรรยากาศดีๆ ซักวันก่อนกลับเมืองไทย เพื่อนแนะนำร้านอาหารซีฟู๊ดชื่อร้าน Jumbo Seafood ค่ะ ปกติร้านนี้ต้องโทรจองล่วงหน้า แต่วันนี้เราเดินซุ่มมาถามเลยค่ะ ก็เลยมีเวลานั่งได้แค่ประมาณ 1 ชม. เพราะมีคนจองโต๊ะไว้แล้ว อาหารอร่อยมากค่ะ แต่ราคาก็แพงตามไปด้วยเหมือนกัน

                หลังจากมื้อค่ำ เราก็แวะไปแถวๆ Merlion อีกครั้ง เพื่อไปชมแสงสีตอนกลางคืนของสิงคโปร์ว่าจะสวยงามแค่ไหน ตามรูปเลยค่ะ

                วันที่สี่ของทริป วันนี้ไม่ได้ไปไหน ตรงดิ่งไปสนามบินเลยค่ะ ด้วยความที่ขากลับ กระเป๋ามันหนักขึ้น เราก็เลยให้ทางโรงแรมโทรเรียกรถแท๊กซี่ให้ค่ะ โอ้วววววววววววว โรงแรมเรียกรถเบนซ์มาทำไมเนี่ย ต้องเสียค่าธรรมเนียมแพงแน่ๆ เลย ชั้นไปรถธรรมดาก็ได้ ถึงเหมือนกันแหละ แต่ไหนๆ รถก็มาแล้ว ไปก็ไป พอถึงสนามบินต้องจ่ายค่าแท๊กซี่เกือบ 20 SGD แน่ะ เป็นค่าธรรมเนียมมากกว่าครึ่งหนึ่งที่เหลือเป็นค่าโดยสาร ทำไงได้ ก็ต้องจ่ายไปตามระเบียบ เพื่อนคนหนึ่งต้องบินกลับ กทม เป็นคนแรก หลังจากส่งเธอเรียบร้อยแล้วก็เหลือ 3 คน กว่าเครื่องจะออกก็อีกตั้งหลายชม. เอาเป็นว่าทัวร์สนามบินละกัน ก็เดินกันเรื่อยเปื่อยค่ะ ถ่ายตรงนี้ ตรงนั่น ตรงโน่น จนกล้องเกือบจะพัง

                หลังจากได้เวลาก็ส่งเพื่อนอีกหนึ่งคนกลับภูเก็ต (ต่อรถไปพังงา) ก็เหลือแค่ฉันกับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่ต้องเดินทางกลับหาดใหญ่ เราเดินทางกลับไปเช็คอินที่ Budget เหมือนเดิมค่ะ พนักงานรับเช็คอิน นิสัยไม่ดีเลย ขู่ผู้โดยสาร (คือเรากับเพื่อน) ทำเอาอารมณ์เสียไปเลย ระหว่างที่เรานั่งรอเครื่องบินก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งมารบกวนให้เราทำแบบสอบถามความพึงพอใจของการมาท่องที่สิงคโปร์ เราก็คิดในใจ “ฮึมส์....เสร็จตูแน่” เราก็เลย complaint เรื่องพนักงานรับเช็คอินคนนั้นไปหนึ่งยก สบายใจล่ะ หลังจากนั้นก็เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพถ้วนหน้ากันทุกคนค่ะ

หมายเลขบันทึก: 393813เขียนเมื่อ 13 กันยายน 2010 16:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

ทำตำแหน่ง Rig Clerk ค่ะ คิดว่า RT3 น่าจะไม่มีตำแหน่งนี้นะคะ

พี่ออคะ ตำแหน่ง Rig Clerk ต้องทำอะไรบ้างคะ เอกสารอย่างเดียวหรือป่าวคะ

ตอบน้องน้ำหนึ่งค่ะ

งานหลักๆ ก็มี

1. งานเอกสารต่างๆ เช่นงานแปลเอกสารจากไทย-อังกฤษ, อังกฤษ-ไทย

2. เจ้าหน้าที่รับ-ส่งเฮลิคอปเตอร์

3. งานตามคำสั่งทุกอย่างของเจ้านายค่ะ

อิจฉาจังเลย ได้ไปเที่ยวบ่อยๆๆ

ปล. เขียนเล่าเรื่องเก่งจัง - ถ้าอรมีเวลา เอาเรื่องฮาๆๆ บนริกมาเล่าให้ฟังบ้างจิ :)

มีคนรักทำงานอยู่ที่ RT7 ด้วยค่ะ ฝากความคิดถึงได้ไหมค่ะ พี่ออ (คนสวย) พี่เค้าชื่อ พี่จิ I -LOG ส่วนตัวเมย์

ความรู้สึกประทับใจพี่ออมากค่ะ ปลื้มด้วย

หวัดดีจ้านู๋ยุ้ย

ตอนนี้ยังสาว ยังโสด มีเวลา ก็เที่ยวให้มันสุดๆ ไปเลย อิๆๆๆๆๆๆๆๆ ไว้ทริปต่อไป ถ้ามีโอกาสยุ้ยมาจอยด้วยกันซิจ๊ะ

เรื่องฮาๆ บนริคเหรอ มีป่าวน้อ คิดก่อน อืม เราว่ามันมีแต่เรื่องเครียดๆ นี่ดิ มีแพลนจะเขียนเรื่องอีกสักเรื่องสองเรื่องเกี่ยวกับริคเหมือนกัน แต่ยังไ่ม่ได้ลงมือเขียนเลย ต้องรอบิ้วอารมณ์ก่อน อีกหนึ่งอาทิตย์เจอกันออนไลน์บนริคนะจ๊ะ

สวัสดีค่ะคุณเมย์ เป็นแฟนจิ (I-Log) เหรอคะ แหม ในที่สุดก็เจอแฟนนายหัวหริษฐ์จนได้นะ หยอกจิบ่อยน่ะ เพราะลงทะเลทีไร ไว้หนวดเคราวเฟิ้มเหมือนนายหัวหริษฐ์เลย อิๆๆๆ ตอนนี้จิ อยู่ในทะเลนี่คะ เจอกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก่อนที่พี่จะกลับบ้านน่ะค่ะ คนนี้หรือป่าวที่โทรมาสาย 5 ทุกวันตอนเย็นๆ น่ะ

ขอบคุณมากๆๆเลยค่ะที่ตอบ คุณออเก่งจังเลย ที่ออฟฟิตพวกเราปลื้มคุณออกันทุกคนเลยค่ะ ทั้งสวย เก่ง และก็เท่ห์มากๆๆเลยยยย

(แอบอิจฉาด้วยแหละค่ะ) ทำงานก่อนนะค่ะ สวัสดีค่ะ

สวัสดีอีกครั้งค่ะ เมย์ทำงานที่ บริษัท ภาคใต้ท่อนำ้้ไทยค่ะ 8.00-17.00 น. ส่วนเวลา 18.00-17.00น. ไปจัดรายการวิทยุ 1 ชม.ค่ะ ไม่มีเวลาเท่าไหร่ www.rattaphomradio.com (104.75 MHZ) ลองฟังดูนะค่ะถ้าพอมีเวลว่าง

แต่จะพยายามติดตามผลงาน ของคูณออ ให้ได้ค่ะ (ปลื้มจริงๆๆ นะค่ะ่เนี๊ยะ) พี่จิน่ารักมากๆเลยใช่ไหมค่ะ

สวัสดีค่ะคุณเมย์ ชมเกินไปแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ

คุณเมย์ก็เก่งนะคะ เป็นดีเจด้วย เท่ห์เหมือนกัน ปกติถ้าทำงานช่วงวันเดียวกับจิ ก็จะนั่งกินข้าวตอนเย็นด้วยกันบ่อยๆ ค่ะ จิไม่ค่อยพูดค่ะ นั่งให้เพื่อนๆ ร่วมโต๊ะแซวอย่างเดียว ฮ่าๆๆๆ

สวัสดีค่ะ...คุณออ (เท่ห์)

สบายดีหรือป่าว ลงไปทำงานหรือยังค่ะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนฝากความคิดถึง ถึงพี่จิด้วยนะค่ะ ขอบคุณมากๆๆเลยค่ะ

วันนี้ลงมาทำงานเป็นวันที่สองแล้วค่ะ ถ้าเจอจิจะบอกให้นะคะ

ชาว RT7 ดูแลสุขภาพกันทุกคนด้วยนะค่ะ เป็นห่วงมากๆๆๆๆ เมย์คอยเป็นกำลังให้นะค่ะ

ยังพอมีแรงก็เร่งเที่ยวเถิดครับ ยิ่งมีซุปเปอร์แมนอยู่ใกล้ๆ ด้วย ปลอดภัยน่าเที่ยว

ขอบคุณค่ะคุณเมย์ วันก่อนฝากความคิดถึงจากคุณเมย์ให้จิไปแล้วนะคะ

ครูหยุยคะ ซุปเปอร์แมนในความหมายของครูหยุยคือใครเหรอคะ

เป็นไงบ้างครับวันที่2-3ที่ผ่านมาOkกันหรือเปล่าครับ

โอเคค่ะ งานไม่ต้องทำ 5 วันเต็มๆ ชีวิตไม่หยุดนิ่ง เพราะโดนคลื่นซัดเอา ซัดเอา ตลอดเวลา ตอนนี้ตับไตไส้พุงพันกันยุ่งเหยิงหมดแล้วค่ะ

ไปเที่ยว ที่ไหนอีก ก็เล่าประบสการณกันบ้างนะครับ...จะได้เป็น Guidline ให้กับคนอื่นๆ ครับ.

อยากรู้จักคุณออจัง...ถ้าพล็อตเรื่องได้เขียนหนังสือสบายเลยนะนี่...เล่าเห็นภาพชัดเเจ๋วเลย.. :-)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท