เรื่องของกะทิ หนูน้อยซึ่งเริ่มเติบโตเป็นสาวรุ่น อายุสิบห้าปี
ดิฉันซื้อหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นตอนที่สามของหนังสือ ความสุขของกะทิ
ซื้อมาตั้งแต่เย็นวันที่เก้าเดือนเก้า อยากอ่านรวดเดียวแต่กลัวจบเร็ว เหมือนอ่านเล่มแรก ดิฉันอ่านจบภายในหนึ่งคืน
เสียน้ำตาไปกับการได้รู้จัก หนูน้อยกะทิ กระทะ ตะหลิว คุณตา คุณยาย พี่ทอง หลวงลุง ครูราตรี พี่สดับ ลุงตอง น้าฎา น้ากันต์และคนสำคัญ แม่
เคยเขียนถึงไว้ ที่นี่ ว่า เป็นหนังสือที่เรียกน้ำตาแห่งความสุข(จากดิฉัน)ได้ทุกตัวอักษร
ไม่เกินจริง
วันนี้มีเวลาว่าง ลมพัดโชยชาย จึงคิดหยิบมาอ่าน
ดิฉันนั่งอ่านเรื่องของสาวรุ่นกะทิ ที่ริมสระน้ำรูปตัวยู สระน้ำในบ้านขนาดจิ๋ว ที่ประกอบด้วยกอบัว สาหร่ายเขียวและฝูงปลาสอด
เธอพบโจทย์ยาก ๆ ให้ขบคิดตั้งแต่ได้รับจดหมายจากพ่อ ผู้ซึ่งเธอเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ส่งจดหมายฉบับสำคัญฉบับหนึ่งแก่พ่อ ซึ่งเขียนโดยแม่
ทำให้เธอไม่ได้พบเจอ ไม่สามารถรับรู้ถึงความรัก ความผูกพัน จากพ่อ เป็นเวลาเนิ่นนาน
ข้อมูลทางการแพทย์และการรักษา ซึ่งอาจเป็นที่เข้าใจยากต่อผู้อ่าน ผู้เขียนอธิบายได้ง่าย ๆ และไม่มากมายลงรายละเอียดลึกนัก ซึ่งเพียงพอ ต่อการ ดำเนินต่อไปของ ปมความขัดแย้งของคนรายรอบของสาวน้อย
....
และ
ยังเป็นคำโปรยที่อยู่บนมุมขวาของหน้าแรก ในแต่ละบท
เป็นคำโปรยที่ไม่มีที่ซ้ำในเนื้อหาในแต่ละบท ไม่ใช่คำโปรยที่เป็นบทสรุป
เป็น คำโปรยที่เป็นตัวแทน ธีมของเรื่อง ใช่หรือไม่ ผู้อ่านต้องคิดเอง
ยังมีที่ประทับใจค่ะ
มีตอนต่อค่ะ ไม่มีได้อย่างไร
สวัสดีครับ
อ่านบันทึกนี้แล้วยิ่งเร่งให้หาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน
ขอบคุณที่แนะนำและเชิญชวนนะครับ
อ้าว ออกเล่มสามแล้วเหรอคะ ส่วนตัวชอบเล่มแรกแต่ไมชอบเล่มสอง รู้สึกมันชักเป็นซีรี่ส์ไป ส่วนหนังที่ถ่ายเขาไปถ่ายข้างบ้านพี่นุชที่อยุธยาค่ะ
Little Jazzไม่ค่อยเจอน้องซานตั้งนานแล้ว..
เดี่ยวไวโอลินไปไกลแล้วแน่ ๆ
หนูน้อยกะทิโตขึ้น อายุสิบห้าแล้ว น้องทีมก็คงโตขึ้นมาก...
พี่ภูโตทั้งตัวและ..พุง ส่วนสูง สูงกว่าแม่แล้วค่ะ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับกะทิ แล้วลูกชายพี่ยังความคิดเด็กกว่าเยอะ
อิ อิ นิยายก็คือนิยายนะคะ
ชอบเพราะ วรรณกรรมดี ๆ อ่านแล้วจิตใจเราอิ่ม อ่อนโยน มองเห็นการจัดการกับความขัดแย้งแบบเด็กที่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์เกินเด็ก(เพราะสอดแทรกด้วยความคิดของผู้เขียนนั่นเอง)
จึงอยากเล่า ชวนให้ได้อ่านกันน่ะค่ะ
น้องซานสบายดีนะคะ
วันนี้มาอ่านบันทึกเก่า ๆ
คิดถึงคุณหนานเกียรติ นะคะ
เวลาและวารีไม่เคยคอยใคร
มาอ่านบันทึกนี้ใหม่ คิดถึง กะทิ และคุณงามพรรณ ผู้เขียน